ถ้าอยากเป็นเมียฉันนัก ก็จงทำหน้าที่เมียอย่าง ‘สาสม!’ มรดกมหาศาลมาพร้อมกับเจ้าบ่าวรูปงาม เมื่อเงื่อนไขนั้นคือ ‘วรรณรดา’ ต้องแต่งงานกับ ‘หม่อมราชวงศ์ธีรดนย์ วรเวชเดชากร’ ชายรูปงามราวเทพบุตรที่มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความร้อนแรงดุจ ‘พญามาร’ ที่พร้อมจะฉีกร่างเธอกัดกิน “แล้วทำไมไม่ปฏิเสธเล่า ยอมจดทะเบียนสมรสกับฉันทำไม หึ! สุดท้ายก็ปลิงนั่นแหละ มรดกที่ตกทอดทางสายเลือดไง อาเธอเป็นปลิงตัวโตที่ ‘ดูด’ พ่อฉันจนตาย ตอนนี้เธอก็ปลิงอีกตัวที่จะเข้ามา ‘ดูด’ ฉัน”
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน ‘พงศกร’ ควักเอาผ้าเช็ดหน้าที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงเดินป่าแบบลวกๆ ขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลต่างน้ำ
กว่า 2 ชั่วโมงแล้วที่เขาเดินหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้และยังมองไม่เห็นทางออก นึกโทษตัวเองที่มัวแต่ส่องนกเพลินจนพลัดหลงกับเพื่อนและพรานป่านำทาง แต่ประสบการณ์เข้าป่าที่พอมีอยู่บ้างก็สอนให้เขาต้องเงี่ยหูฟังเสียงรอบด้าน เขาต้องฟังเสียงน้ำ เสียงสัตว์ และเสียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นรอบตัว เพราะนั่นจะทำให้เขาได้เจอกับเพื่อนๆ และพรานป่าที่กำลังออกตามหาเขาอยู่ก็ได้
แต่ยิ่งเดินเข้ามาลึกเขาก็ยิ่งถอดใจและคิดว่าไม่น่าเลย เพราะเขาควรจะหยุดรออยู่ตรงจุดที่หลง เพื่อรอให้คนอื่นเดินมาพบ ไม่ควรตัดสินใจเดินตามร่องรอยที่เพื่อนทิ้งไว้เลย แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว เพราะความอึมครึมที่คืบคลานเด่นชัดคือสัญญาณบ่งบอกว่าเวลานี้ใกล้ค่ำเต็มทน
หากเป็นในเมืองกรุง เวลานี้ผีเสื้อราตรีคงเพิ่งตื่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโผบินในยามค่ำคืน แต่สำหรับป่า สัตว์หากินยามค่ำคืนก็คงเพิ่งตื่นเช่นเดียวกัน และอาหารของพวกมันก็คงไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างเคยแน่ เพราะร่างกายสูงใหญ่ของเขาคงกินได้อิ่มไปหลายมื้อทีเดียว ทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิตในป่านี้ได้ก็คือ เดินต่อไปและสังเกตเสียงรอบด้านไปด้วย
แต่แล้วสีหน้าของพงศกรก็ดีขึ้นเมื่อเสียงหนึ่งดังอยู่ไม่ไกล เขาแน่ใจว่าเป็นเสียงของน้ำตก น้ำเป็นสัญญาณของการกำเนิดชีวิต เมื่อมีน้ำก็ต้องมีคน และเขาอาจเจอเพื่อนกับนายพรานที่นั่นก็ได้ คิดแล้วก็ไม่รอช้าพงศกรรีบก้าวเดินไปยังจุดนั้นในทันที แม้ร่างกายจะอ่อนล้ามากแค่ไหน แต่เสียงน้ำที่ดังชัดมากขึ้นก็เร่งเร้าให้เขาไปให้ถึงโดยเร็ว
ลำธารขนาดเล็กที่มีฝายชะลอน้ำขวางกั้นทำให้พงศกรยิ้มกว้าง เพราะมีฝายก็แปลว่าใกล้แหล่งชุมชน เขาอาจเดินหลงจนย้อนกลับเข้ามาในเขตหมู่บ้าน หรือไม่ที่นี่ก็อาจเป็นหมู่บ้านของพวกพรานป่าก็ได้ สองเท้ารีบก้าวเร็วไว ทั้งดีใจและอ่อนล้าเสียจนอยากพัก หิวจนเสียงโครกครากในท้องเร่งเร้าว่าเลยเวลาอาหารมาจวนเจียนจะ 2 มื้อ
ทว่าเสียงหวานที่ดังแว่วมาจากธารน้ำข้างหน้ากลับทำให้ความโหยหิวจางหาย ก่อนหัวคิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากัน
“ลา... ล้า... ลาล่าลาล้า...”
“เสียงผู้หญิงร้องเพลง” พึมพำกับตัวเองพร้อมรอยยิ้มอย่างอิดโรยปรากฏขึ้นบนใบหน้า เพราะเขารอดตายแล้วจริงๆ มีเสียงคน แปลว่ามีหมู่บ้าน
ทว่าสิ่งที่พงศกรเห็นกลับทำให้เนื้อกายของเขาเย็นวาบไปทั้งร่างตั้งแต่ปลายเท้าจดศีรษะ ก่อนจะร้อนวูบวาบจนเขาแทบอยากจะสลัดไล่เสื้อผ้าที่ขวางกั้นเกะกะเนื้อกายไปเสียให้พ้น เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือ เรือนร่างด้านหลังของหญิงสาวที่งดงามและสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เธอยืนอยู่กลางลำธารที่มีน้ำสูงแค่สะโพก กำลังฮัมเพลงและซักเสื้อผ้าไปด้วย
“ลา... ล้า... ลาล่าลาล้า...”
พงศกรเหมือนถูกตรึงร่างกายด้วยผิวละเอียดขาวนวลเนียนนั้น เพราะผิวเนื้อที่ดูมีเลือดฝาดช่างขาวกระจ่างชัดเจนอยู่ท่ามกลางลำธารสีเข้มตามแสงอาทิตย์ที่เริ่มจะหมดไป เธอยังคงยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะการขยี้ผ้า แต่ที่พงศกรรู้สึกนั้นคือเธอกำลังขยี้เนื้อกายของเขาจนร้อนฉ่า
ยามเส้นผมดำขลับยาวสยายละบั้นเอวคอดกิ่วสะบัดพลิ้วไปมา นั่นไม่ต่างจากเธอกำลังยั่วเย้าร่ำร้องให้เขาก้าวเข้าไปหา เธอที่เขาเห็นแต่เพียงด้านหลังยังคงฮัมเพลงด้วยน้ำเสียงไพเราะอย่างไม่สนใจสักนิดว่า ณ ที่แห่งนี้จะมีใครนอกจากเธออีกหรือไม่
พงศกรมองความสวยงามตรงหน้า เกิดอาการอยากจะเข่าอ่อนอยู่เพียงแทบเท้าของเธอ แม้ยังมองไม่เห็นใบหน้าแต่เขาก็มั่นใจว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากอย่างที่สุด เพราะผู้หญิงที่มั่นใจในความงดงามของตัวเองเท่านั้นที่จะกล้าเปลื้องผ้าท้าธรรมชาติเยี่ยงนี้ โดยเฉพาะขนาดหน้าอกที่เอ่อล้นจนมองเห็นได้ชัดจากทางด้านข้าง นั่นก็ทำให้เขาต้องกางมือออกเพื่อกะขนาดของความยิ่งใหญ่
พงศกรสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคมเข้มฉายความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าอย่างกะทันหัน จ้องมองสำรวจทั่วด้านหลังของร่างเปล่าเปลือย
หญิงสาวยังคงฮัมเพลงส่ายสะโพกใบไม้ไหวไปมาตามจังหวะจะโคน เรือนผมยาวสยายสีดำมันขลับเปียกลู่แนบไปกับเรือนร่างละอยู่ตามสะโพกผาย ทว่ากลับไม่สามารถปกปิดความงามที่สวรรค์สรรค์สร้างได้เลยสักนิด ก่อนสายตาจะไล่ต่ำลงไปด้านล่างเพราะแม้บั้นท้ายกลมกลึงนั้นจะจมอยู่ปริ่มน้ำจนมองเห็นได้แค่เนินร่องที่ดำดิ่งลงไป แต่ความใสของผิวน้ำก็ทำให้มองเห็นอะไรๆ ใต้น้ำได้โดยไม่ยาก
พงศกรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นที่สุด เมื่อเธอบิดกายเพื่อโยนผ้าที่ซักเสร็จแล้วขึ้นไปไว้ในตะกร้าสานจากหวายอย่างลวกๆ ก่อนจะยื้อเอาผ้าที่อยู่ใกล้มือลงมาขยี้ในน้ำอีกตัว หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นเพราะจังหวะการเอี้ยวตัวของเธอนั้นทำให้เขามองเห็นปลายยอดสีชมพูสดเต็มตา ไม่น่าเชื่อว่าปลายลิ้นของเขายื่นออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังลงลิ้นเลียไล้ที่ปลายถันสีหวานนั้นอย่างมันลิ้น
ดวงตาคมเข้มมองจับแต่เพียงเรือนร่างงดงามที่สะกดสายตาเขาจนไม่อาจหลีกหนีไปทางไหนได้ และสายน้ำเย็นจัดก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจเพราะทั่วทั้งกายเนื้อในขณะนี้มันร้อนรุ่มรุมเร้าราวคนมีไข้ และมันคงจะไข้หนักถึงตายหากไม่ได้ความงดงามตรงหน้านี้มาเติมเต็ม
เป้ที่สะพายหลังมาตลอด 2 ชั่วโมงถูกปลดออกอย่างเบามือ เสื้อผ้าชื้นเหงื่อก็ถูกถอดทิ้งเพราะไม่มีความต้องการใช้อีกแล้ว ในเวลานี้สิ่งที่เขาต้องใช้ก็คือความแข็งแกร่งกึ่งกลางตัว สิ่งที่จะมอบความสุขให้กับผู้หญิงได้ทุกคน
“ลา... ลั่นลาล้า... ลา... ลั่นลาล้า...”
เสียงฮัมเพลงของเธอยังมีอยู่ แม้ขณะที่เขาเคลื่อนร่างลงมาในน้ำเกือบที่จะถึงตัวเธออยู่แล้ว ก่อนที่เธอจะชะงักหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา และเขาก็ได้เห็นความงามของนางไพรอย่างสมบูรณ์
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด