เฮ็นริค เจ้าพ่อแห่งวงการอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเยอรมนี ชายหนุ่มได้รับฉายาว่า ‘เจ้าพ่อคาสโนว่าแห่งฮัมบูร์ก’ เขาไม่เคยควงผู้หญิงคนไหนออกงานเกินสามครั้งด้วยซ้ำไป แล้วนับประสาอะไรกับนางหงส์ที่คิดจะกลายร่างเป็นลูกเป็ดมาให้เขาเด็ดปีกจนถึงที่ แล้วหวังจะยื่นตำแหน่ง ‘สามี’ ให้กับเขา หล่อนฝันไปหรือเปล่า "การที่คุณจะมาเป็นเมียของผม มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ลำพังแค่ใช่เต้าไต่ คุณไม่ผ่านพิจารณาง่ายๆ หรอก ตอนนี้คุณอยู่ในขั้นทดลองงาน ก่อนอื่นผมต้องสัมภาษณ์คุณก่อน" คนเจ้าเล่ห์ทำสีหน้าจริงจัง สายตาคมสำรวจมองร่างอรชรอย่างรวดเร็ว รูปร่างของหล่อนน่ากินใช้ได้ทีเดียว "สะ...สัมภาษณ์อะไรเหรอคะ" เสียงหวานเริ่มสั่นเล็กน้อย "คุณมีประสบการณ์มานานแค่ไหนแล้ว บอกตรงๆ นะ ผมไม่ชอบผู้หญิงไร้ประสบการณ์ ขี้เกียจสอน มันเสียเวลาในการทำสถิติ" ปากสีสดกดยิ้มนิดๆ มือกร้านดึงร่างนุ่มเข้าหาอกแกร่ง สบตาเธอไม่กะพริบ "สะ...สถิติอะไรคะ" เสียงหวานสั่นมากขึ้น "แหม พูดอย่างกับว่าคุณไม่เคยอย่างนั้นแหละ" "คะ...คือว่าฉันยัง..." แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ "ยังใหม่อยู่ใช่ไหม โอเค...ถ้าอย่างนั้น ผมลดหย่อนให้ วันนี้เป็นวันแรกของเราสามยกพอ ถ้าคุณทำไม่ถึง ผมไม่ให้ผ่านแน่นอน และจะไม่ยอมพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอคุณแน่" เขาขู่เสียงเข้ม คนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์จริงสักครั้งเริ่มหน้าขาวสลับแดงเพราะเขินจัด จังหวัะหัวใจก็เต้นกระหน่ำไม่หยุด เฮ็นริคเกือบหลุดขำเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางตกใจของยัยลูกเป็ดตรงหน้า "อ้อ ผมบอกก่อนนะ ถึงคุณจะผ่านงานบนเตียง แต่ถ้างานนอกเตียงคุณไม่เอาไหน คุณก็เป็นได้แค่ผู้หญิงชั่วคราวของผมเท่านั้น เข้าใจเอาไว้ด้วยนะ เป็ดน้อย" "ฉันไม่ใช่ ปะ...อุ๊บ! คำพูดต่อมาถูกกลืนลงคอระหงแทบไม่ทัน เมื่อริมฝีปากร้อนบางเฉียบได้รูปฉกวูบลงมาแนบแน่นติดหนึบ ก่อนจะดูดกลืนความหอมหวานและหลอมละลายหัวใจ 'ยัยเป็ดน้อย' ลงในพริบตา แล้วคนที่เคยท่องจำแต่ทฤษฎีอย่าง มนต์นรี จะต้านทานวงแขนที่แสนเร่าร้อนของ ‘ผู้ชายกระหายรัก’ คนนี้ได้หรือ
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
ร่างหนาในสูทสีน้ำตาลทองที่กำลังเตรียมตัวจะลุกจากโต๊ะทำงาน เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์เครื่องเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแนบหู
“มีอะไรครับแด๊ด” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงเข้มทรงอำนาจทางปลายสายตอบกลับมา ก็ทำให้คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์ค่อนข้างสงบต้องลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าตกใจไม่น้อย กับคำสั่งของบิดาที่เพิ่งได้รับ
“ว่ายังไงนะครับแด๊ด! จะให้ผมไปคุยงานกับคู่ค้าของแด๊ดที่เมืองไทยวันจันทร์หน้าหรือครับ ผมไม่ไป!” เจ้าพ่อคาสโนวาแห่งฮัมบูร์กรีบปฏิเสธคำสั่งของบิดาทันทีเมื่อได้ยินท่านบอกให้เขาไปคุยงานที่เมืองไทย แล้วทำไมจะต้องเป็นเขาด้วย ทำไมถึงไม่ให้มาติโนไปแทน และเหตุผลที่เฮ็นริครีบปฏิเสธบิดา ก็เพราะเขาไม่อยากไปเจอใครบางคนที่เมืองไทยนั่นเอง
“แต่แกต้องไป!” เสียงปลายสายสั่งเฉียบขาดดังขึ้นอีกครั้งจนแก้วหูคนฟังแทบระบม
“อาทิตย์หน้าผมมีนัดทั้งอาทิตย์”
“ยกเลิกไปซะ”
“ไม่ได้นะครับแด๊ด ซิลเวียคือผู้หญิงคนแรกที่ผมไม่อยากผิดนัดกับเธอ”
เจ้าของชื่อที่เฮ็นริคพูดถึง คือลูกสาวคนเล็กทายาทของเจ้าของโรงแรมชื่อดังหลายแห่งในกรุงเบอร์ลิน ชายหนุ่มพบหล่อนในงานการกุศลแห่งหนึ่ง หล่อนเป็นนางแบบกิตติมศักดิ์ในงานประมูลเครื่องเพชรสุดหรูเพื่อมอบรายได้ให้กับเด็กด้อยโอกาสในประเทศเอธิโอเปีย หล่อนสวย หุ่นดี เซ็กซี่ ตรงสเปคเขาทุกอย่าง
“งานนี้แกห้ามปฏิเสธเด็ดขาด เพราะนี่คือคำสั่งของท่านประธานแห่งบีเอ็นซี กรุ๊ป!”
เสียงเข้มเน้นหนักที่ท้ายประโยค ทำให้คนฟังที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าไม่กล้าต่อปากต่อคำอีก เฮ็นริครู้ว่าคำสั่งของท่านประธานฯ ใครก็ขัดไม่ได้เด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่เขาหรือพี่ชายของเขา แต่เมื่อกลับมาจากการทำงาน ผู้ชายที่กุมอำนาจแห่งบีเอ็นซี กรุ๊ป จะดูอ่อนโยนและรักครอบครัวมาก ไม่ค่อยขัดใจภรรยากับลูกชายทั้งสองคนเท่าไรนัก
“แด๊ด!” เฮ็นริคอยากจะปฏิเสธแทบขาดใจ แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังและทรงพลังที่ส่งมา ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่ามันคือคำประกาศิตที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม และเขาก็คงต้องทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เจ้าของร่างสูงเกือบสองเมตรในชุดสูทสีน้ำตาลทองเรียบหรูสอดมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง สูดหายใจเข้าปอดหนักๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างหนักใจ แล้วกรอกเสียงลงไปตามสายอย่างยอมจำนน
‘นี่เขาเป็นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนะเนี่ย ไม่มีข้อยกเว้นเลยหรือไง’
“ก็ได้ครับแด๊ด แต่ผมไม่รับประกันความพอใจนะครับ” จบประโยคห้วนๆ คนที่ไม่เต็มใจรับคำสั่งก็กดวางสายทันที โดยไม่คิดจะฟังคำทักท้วงใดๆ จากบิดาที่ตะโกนไล่หลังเรียกชื่อเขาสองสามครั้งทางปลายสายอีก เจ้าของดวงตาสีกาแฟเข้มแสดงความรู้สึกเซ็งที่สุดในชีวิตออกมาอย่างเห็นได้ชัด
‘หวังว่าการไปเยือนประเทศไทยครั้งแรกนี้ เขาคงจะได้พบกับความเพลิดเพลินเจริญใจบ้างนะ อย่างน้อย...ก็ขออย่าให้เขาได้เจอกับผู้หญิงที่ทำตัวเป็นตุ๊กแก ชอบวีนเหวี่ยงและหึงร้ายกาจคนนั้นอีกก็แล้วกัน’
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าของร่างอรชรในชุดเดรสสั้นสีครีมที่เน้นทรวดทรงองค์เอวและเรียวขาเรียวสวย กำลังมองหาร่างสูงของใครบางคนที่มารอรับเธอตามคำสั่งของบิดา ก่อนที่เธอจะขึ้นเครื่องที่สนามบินดึสเซลดอ์ฟ เยอรมนี เขาชื่อ ‘ทาคุมิ โคบายาชิ’ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในเครือ ‘พิบูลชัย กรุ๊ป’ หลายสาขาทั่วประเทศไทย เธอไม่รู้ว่าทำไมบิดาของเธอถึงเจาะจงให้เขามารับเธอด้วย ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้ว่าเธอไม่ค่อยชอบหน้าซีอีโอหนุ่มคนนี้นัก
ความจริงแล้ว เธอทำใจให้ชอบผู้ชายคนไหนไม่ได้อีกทั้งนั้นแหละ นับตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากเที่ยวเมืองโคโลญจน์เยอรมนีเมื่อหลายปีที่แล้ว ผู้ชายผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาคมราวกับดวงตาของพญาเหยี่ยวคนนั้น ทำให้เธอลืมเขาไม่ลง ทั้งที่พยายามหักใจให้ลืมแล้ว แต่ภาพวันวานระหว่างเธอกับเขาก็หวนเข้ามาในมโนครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น
อุ๊บ!
ความใจลอยทำให้ร่างระหงเดินชนเข้ากับ ‘กำแพง’ อย่างจัง ใช่เธอคิดว่าตนเองกำลังเดินชนเข้ากับกำแพงอะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะมันแข็งมาก แต่เมื่อมีมือสองข้างยื่นเข้ามาประคองร่างของเธอที่เกือบเซล้ม ก็ทำให้หญิงสาวรู้ว่าสิ่งที่เธอชนไม่ใช่กำแพงอย่างที่เธอคิดแต่แรก
ใบหน้าสวยหยาดเยิ้ม ที่มีเครื่องหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสดใสเรืองรอง จมูกโด่งเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความดื้อรั้นเอาแต่ใจของผู้เป็นเจ้าของค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หญิงสาวกะพริบตาสองสามครั้งด้วยความตกตะลึง นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า และกว่าหญิงสาวจะหาเสียงของตนเองเจอก็ปาเข้าไปหลายวินาที
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” หัวใจทั้งดวงเต้นกระหน่ำโครมคราม เมื่อดวงตาคู่สวยสบประสานเข้ากับดวงตาคมกล้าชวนฝันของผู้ชายที่มีเครื่องหน้าคมคร้ามหล่อเหลาสุดๆ ในสามโลกตรงหน้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ยังจดจำเขาได้เสมอไม่มีวันลืมเลือน ริมฝีปากอิ่มเล็กสีชมพูสดอ้าเผยอเล็กน้อยอย่างน่ามอง
‘ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆ’
ชายหนุ่มพยายามคิดว่าเคยเจอเธอที่ไหน แต่ก็ยังคิดไม่ออกเมื่อสายตาคมเอาแต่จดจ้องไปยังเรียวปากอิ่มน่าจูบของเธอ ระยะห่างไม่ถึงคืบกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวหญิงสาว มันทำให้เขาอยากจะกระชากร่างอรชรที่แสนจะเซ็กซี่เข้ามากอดแล้วบดจูบให้หนำใจมากเหลือเกิน รสชาติของเธอคงจะหอมหวาน เธอสวยมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว เฮ็นริคเผลอคิดในใจยิ้มๆ
‘ดูเธอจ้องตาเขาสิ แววตาของเธอ ริมฝีปากอันเซ็กซี่ของเธอ ช่างยั่วยวนใจเขานัก มันน่า...จริงๆ’
ทั้งสองร่างที่เพิ่งชนกันค่อยๆ พยุงตัวยืนตัวตรง ร่างบางถอยห่างออกมาหนึ่งก้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแหงนหน้ามองพ่อเสาโทรเลขนี่จนคอตั้ง ขนาดว่าเธอเป็นคนรูปร่างสูงโปร่งเกินมาตรฐานหญิงไทยส่วนใหญ่แล้วนะ ทว่าเมื่อยืนเทียบความสูงกับผู้ชายคนนี้ ก็ทำให้คนตัวสูงเช่นเธอดูแคระไปเลย
เมื่อเฮ็นริคสบตาเธอด้วยแววตาเป็นประกายระยับ บวกกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของเขา มันก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าหลายร้อยโวลต์วิ่งผ่านร่างกายของหญิงสาวจนร้อนวูบวาบไปหมด เลือดสาวสูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าเนียนผ่องอย่างเฉียบพลัน จนแก้มนวลสองข้างซับไปด้วยสีแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศสุก
เฮ็นริคเผลอมองเรียวหน้านวลปลั่งที่แดงระเรื่อขึ้นด้วยความประหม่าเขินอายของสาวน้อยตรงหน้าอย่างหลงใหลตั้งแต่นาทีแรก ‘ใช่ เขาคิดว่าเธอคือสาวน้อยที่แสนขี้อาย’ ก็แค่สบตากัน แก้มนวลทั้งสองข้างของเธอก็แดงเถือกเสียแล้ว ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าถ้าหากเธอถูกเขาเปลื้องผ้า เรือนร่างขาวผ่องของเธอคงแดงเป็นกุ้งต้มแน่
หัวใจของมนต์นรียังเต้นโครมครามไม่หยุด เมื่อถูกผู้ชายที่เธอแอบฝันถึงมานานจ้องมองเธอราวกับจะเปลื้องผ้า ทั้งที่ตัวเธอออกจะเป็นสาวมั่นเกินร้อย แต่กับผู้ชายคนนี้เขาสามารถเขย่าหัวใจของเธอให้สั่นคลอนได้ทุกครั้งเมื่อได้เห็นหน้า ใช่แล้ว...เธอแอบเห็นเขาบ่อยๆ ตามสถานที่ต่างๆ แต่เขาคงมองไม่เห็นเธอหรอก ก็เธอไม่ใช่ผู้หญิงในสายตา ทว่าเฮ็นริคคือผู้ชายในฝันที่ไม่ได้อยู่แค่ในสายตา แต่เขาอยู่ในใจของเธอเรื่อยมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ว่าแต่ผู้ชายตรงหน้าจะยังจำเธอได้หรือเปล่า
‘เพราะว่าคืนนั้นเมื่อสี่ปีที่แล้ว...เขา...’
ก่อนที่จะมนต์นรีจะทันได้คิดอะไรต่อ ร่างอรชรก็ถูกเบี่ยงออกอย่างแรงจนเสียหลัก พร้อมกับร่างเพรียวบางสมส่วนของสาวสวยนางหนึ่งเบียดแทรกเข้ามาตรงกลางอย่างเสียมารยาท พร้อมกับที่เจ้าหล่อนปรายตามองมาทางเธออย่างไม่พอใจแกมสะใจ ก่อนจะหันหน้าไปทางเจ้าของร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยที่มีผมสีบลอนด์เข้มด้วยสายตาพราวระยับอย่างดีใจ
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี