ฉันจะต้องร้ายที่สุด ฉันจะต้องงามที่สุดในปฐพีและฉันจะต้องเก่งที่สุด 'หม่านซื่อหลิง'สาวโชคร้ายผู้เกิดอุบัติเหตุ(นอน)เสียชีวิตและได้รับชีวิตใหม่ในร่างนางร้าย!
ฉันจะต้องร้ายที่สุด ฉันจะต้องงามที่สุดในปฐพีและฉันจะต้องเก่งที่สุด 'หม่านซื่อหลิง'สาวโชคร้ายผู้เกิดอุบัติเหตุ(นอน)เสียชีวิตและได้รับชีวิตใหม่ในร่างนางร้าย!
"คุณหนูเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ!" บ่าวรับใช้มวยผมสองข้างวิ่งเข้ามาหาร่างบางที่ที่นั่งปลูกผักอยู่ในบริเวณจวนของตนอย่างมีความสุข
แต่ความสุขของนางก็ต้องเป็นอันจบลงเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าพ่อผู้มิเคยหันหัวมามองนางเลยในคราเดียว เพราะนางดื้อรั้นเป็นที่สุด ได้กลับมาที่จวน
"คนพรรณนั้นอย่าสนเลย เอาเวลามาทำมาหากินยังมีประโยชน์กว่าเยอะ" หญิงสาวพูดไปพลางปลูกผักไป
"มะ..ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู! หากท่านเสนาบดีไม่เจอคุณหนูที่นั้นข้ากับท่านจะโดนโบยเอาได้นะเจ้าคะ" บ่าวรับใช้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบจอบของร่างบางไปเก็บเข้าที่
"นิ! เจ้าทำอะไรนะ ปลอบจอบเดี๋ยวนี้นะ"
"หากท่านไม่ไปข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าคะ ไปแค่เคอเดียวไม่ตายหรอกนะเจ้าคะคุณหนู" หญิงทั้งสองพลางดึงจอบกันไปมาก่อนร่างบางจะเป็นฝ่ายปล่อยจอบไป
ข้ามิอยากไปเลยเห็นหน้าแล้วแทบเอียน พอเห็นสายตาเหยียดหยามพวกนั้นตัวเราก็แทบอยากจะเดินหนีเสียอย่างนั่น หน้ารำคาญ ทำไมข้าจำต้องเกิดมาอยู่ในร่างเด็กนี้ด้วยนะ!
ทั้งๆที่ตัวเลือกมีมากมายแท้ๆเหตุใดจึงมิยอมให้ตัวข้านั้นเกิดมาอยู่ในร่างนางเอกเสียเล่า
"เจ้ายืนงงอะไร ไปเตรียมชุดให้ข้าสิจะได้รีบๆไปรีบๆกลับ!" ร่างระหงพูดขึ้นก่อนบ่าวรับใช้จะฉีกยิ้มดีใจขึ้น นางรีบวิ่งเข้าไปในจวนหลังเล็กภายในมีเสียงกุกกักเล็กน้อยเหมือนกำลังหาบางอย่าง
'เฮ้อ... ข้าควรทำเช่นไรดีจะกลับไปที่โลกเดิมก็ไม่ได้จะหนีก็ไม่มีที่พึ่งพิงเสียด้วยสิ ข้าละอยากถอนหายใจเป็นสีรุ่งเสียจริง'
ร่างระหงพลางครุ่นคิดหนัก แต่นางจำต้องจำใจอยู่ต่อไป ตลอดชีวิต นางอยากตายอีกรอบแม้คราวจะได้ไปอยู่ในปรโลกก็ตาม
____________________________________
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูงามมากเลยเจ้าค่ะ" ร่างระหงพลังมองกระจกทองเหลืองที่สะท้อนใบหน้าของตนแม้เลือนลางนักแต่รับรู้ได้ว่ามันสวยงามมากจริงๆ
"ฝีมือแต่งหน้าของข้าไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว" ร่างระหงชูสองนิ้วขึ้นแนบใบหน้า จนทำให้บ่าวของตกอยู่ในอาการงุนงงและยังทำตัวไม่ถูกกับกิริยาของเธอ
"สองรองใคร? คืออะไรเจ้าคะ" บ่าวร่างเล็กเปล่งวาจาใส่เธอด้วยความงุนงงสงสัย
"เอาเป็นว่ามันมีความหมายดีละกัน" นวลระหงส์ยิ้มหวามใส่บ่าวที่กำลังยืนอยู่ข้างหลัง
"เจ้าคะคุณหนู" บ่าวรับใช้เอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อยๆให้เธอ
ในชีวิตของฉันสิ่งที่ฉันไม่อยากทำที่สุดคือการพบเจอครอบครัว(ลวงๆ)ของตัวเอง... แต่ว่าในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องจำใจ แม้ในสายตาของทุกคนจะคิดว่าฉันเป็นคนเลวทรามก็ตาม
เพราะอะไรนะเหรอก็เพราะเจ้าของร่างเก่าล่ะสิ พาลกับคนอื่นเขาไว้เยอะจนสุดท้ายตนเองก็กลับจนตรอก ในที่สุดก็สิ้นใจเพราะตัวพระ ไปรักกับตัวนาง เห้อ..น่าสงสารๆ
ฉันพยายามหาทางกลับโลกปัจจุบันแต่มันก็ทำไม่ได้ แม้จะกลับไปในที่เดิมๆก็แล้ว ทำอะไรอะไรบ้าๆก็แล้วผลสุดท้ายก็ต้องจำใจรับชีวิตที่เหลือของ 'นางร้าย' ในนิยายที่ตนเองอ่าน
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ หลายเดือนที่แล้ว
____________________________________
1 เดือนก่อนเกิดเรื่อง
ณ มลฑลชานซี ประเทศจีน
'บริษัท หลิวเหว่ย กรุ๊ป'
' ฟึบ ฟุบ ฟึบ ฟุบ ' เสียงลุกๆนั่งๆของร่างนวลระหงบนเก้าอี้หนังตัวโปรด
"นี้ๆ ซื่อหลิง ถ้าเธอจะลุกๆนั่งๆอย่างนี้ ฉันว่าเธอเดินไปหานางเองเลยดีกว่านะ" เสียงเพื่อนสาวคนสนิทเรียกบัดดี้ของตน
"อึ๋ย~ ลี่จางเธอเห็นรึป่าวพอนางได้รับคำชมจากหัวหน้าก็ทำเป็นเขินชักดิ้นชักงอ เหอะ!" ร่างระหงมองหญิงสาวตรงหลังแผ่นกั้นด้วยสีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนเธอจะสะบัดก้นของตนนั่งเก้าอี้อย่างเป็นสุข
เธอเป็นคนขี้รำคาญคนที่ชอบประจบประแจงคนโน่นนั้นคนนี้ ทำไมชอบคำชมนักรึไง ที่เธอพูดหวานใส่บ้างทำเป็นหยิ่งใส่นางคิดว่านางดีมาจากไหนห้ะ!
"เอาน่าๆ เรากลับหอกันดีกว่าอย่ามัวมานั่งมองเสนียดสายตาเลย ฉันเห็นว่าเธอซื้อนิยายมาอ่านด้วยนี้หน่าฉันละอยากลองไปอ่านจะตายอยู่แล้วล่ะ" ลี่จางมองคนหน้างอข้างๆ
เธอคิดว่าเพื่อนสาวของเธอเป็นไบโพล่าเพราะเดี๋ยวหล่อนก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันชอบเธอคือการที่เธอนั้นเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีความสุข
"เหอะ! ก็ได้กลับก็กลับ!" หญิงสาวทั้งสองลุกขึ้นเก็บโต๊ะสะพายกระเป๋าข้าง สาวเท้าฉับออกไปจากออฟฟิต ตรงดิ่งไปหอพักของตน
____________________________________
ณ หอพัก
ไม่กี่ชั่วโมงหลักจากกลับมาจากออฟฟิตฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนกระโดดกลิ้งลงบนเตียงนิ่ม มือเรียวพลางหยิบหนังสือเล่มใหม่มาอ่าน
หัวใจเธอโลดเต้นจนแทบจะกระโดดออกมานอกอก เธอนำมือเรียวของตนลูบไปบนปกหนังสือหนาอย่างเปี่ยมสุข
เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างเข้มข้นจนคนติดนิยายอย่างเธอไม่สามารถปล่อยมันออกไปได้ นางเอกก็เป็นขุนแม่ผู้แสนดีเหลือเกิน ส่วนนางร้ายก็แสนร้ายเหลือคำบรรยาย
นิยายดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว ร่างระหงที่นอนราบอยู่บนเตียงถอนหายใจดังเฮือก 'เธอยังอ่านไม่ทันสนุกจบอีกละ' นางคิดอย่าท้อแท้จนที่สุดแล้วเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงหน้าสุดท้าย
ร่างระหงอยากรู้เหลือ พระเอกจะคิดอย่างไรกับนางเอกกันแน่ ต่อให้หลับหูหลับตาก็รู้อยู่ว่านางเอกมีใจให้ พระเอกคงไม่ต่างกันนักหรอก แต่เธอสงสารตัวร้ายมากกว่าที่สุดท้ายนั้นตายอย่างน่าเวทนายิ่ง
'ตุ๊บ!' ท่อนไม้หนากระแทกเข้ากลางหลังของร่างระหงอย่างแรง จนคนที่นอนอยู่ถึงกับสะอึก
"อึก! โอ้ย!" สายตาของร่างระหงพร่ามัวจนมองไม่เห็นสิ่งใด
"โอ้ย ใครก็ได้... ลี่จาง..." เธอพลิกตัวไปทางที่ท่อนไม้ฟาดมา ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายเตียง ใครกัน..โอ้ยเจ็บ นี่ฉันไปทำอะไรให้
' แล้วม่านตาของเธอก็ปิดลง '
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ชาติที่แล้วของไห่เฉิงเขาเป็นประมุขมารที่ไม่สมหวังในความรัก มาแสนภพแสนชาติ และภพชาติที่หนึ่งแสนของเขา มีเหตุให้ต้องทำลายดวงจิตมารของตนเอง และเหลือเสี้ยวดวงจิตเอาไว้เพียงน้อยนิด ดวงจิตที่เหลืออยู่เขาอ้อนวอนขอต่อมหาเทพขอให้เขาได้เกิดเป็นมนุษธรรมดา ที่สมหวังในความรักม่ีครอบครัวที่อบอุ่น และไม่ขอจดจำอดีตชาติของตัวเองอีกต่อไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ในดินแดนมนุษย์และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งกี่ภพกี่ชาติ ขอให้เขาได้สมหวังในความรักทุกภพทุกชาติไป
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด