ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / บ่วงร้ายพ่ายเสน่หา
บ่วงร้ายพ่ายเสน่หา

บ่วงร้ายพ่ายเสน่หา

5.0
36 บท
36.6K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

เธอเป็นนางเอกขวัญใจวัยรุ่นในเกือบทุกปีที่ผ่านมา แต่ชื่อเสียงของเธอ ก็ดันย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อถูกคนสารเลวในวงการบันเทิงด้วยกันกลั่นแกล้ง ให้เธอกลายเป็นนางเอกสาวดาวยั่วในคลิปวิดีโอโป๊ ลงข่าวหน้าหนึ่งดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ เมื่อดาราสาวกลับมาที่บ้านเกิดอีกครั้ง พร้อมกับชีวิตล้มละลายที่ไม่กล้าสู้หน้าใคร แต่เธอกลับได้พบหน้าเขาในฐานะที่ไม่กล้าอาจเอื้อม ทว่าเจอกันครั้งแรกเขาและเธอก็ ‘ตบจูบ’ กันเสียแล้ว และยังมีเหตุให้เธอต้องตกไปอยู่ในบ่วงพิศวาสของชายหนุ่มในฐานะ ‘นางบำเรอ’ จำยอมอีกด้วย “ทำอย่างกับไม่เคยเห็น เอามือออกมองผัวให้เต็มตา และเตรียมใจไว้เลย คืนนี้พี่หมดแรงเมื่อไหร่ เธอก็จะได้นอนเมื่อนั้นแหละ” เขาดึงมือที่ปิดตาเธอออก หญิงสาวหลับตาปี๋ เพราะไม่อยากเห็นภาพอุจาดตาตรงหน้า

บทที่ 1 เมื่อเจอกันอีกครั้ง

“แม่ขาพลอยไม่เหลืออะไรแล้ว พลอย...ไม่เหลืออนาคตการเป็นนางเอกอีกต่อไปแล้ว” ร่างบอบบางสะอึกสะอื้นเบาๆ ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดาอยู่นานหลายนาที

พรพรรณได้แต่เอามือลูบศีรษะทุยสวยของบุตรสาวไปมาอย่างปลอบโยน นางรู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ ที่ถูกเพื่อนดาราด้วยกันกลั่นแกล้งทำลายชื่อเสียงของพลอยไพลินจนป่นปี้ไม่มีเหลือ

สาเหตุเพราะมีภาพหลุดของนางเอกสาวดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างพลอยไพลินกับหนุ่มไฮโซชื่อดังกำลังเริงรักกัน ทั้งที่ความจริงมันเป็นเพียงภาพตัดต่อ สองแม่ลูกต่างก็รู้ดี แต่จะมีใครบ้างที่เข้าใจ ที่คิดว่าข่าวนั้นมันไม่เป็นความจริง

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นสื่อการบันเทิงต่างๆ เทคะแนนและโหวตให้เธอเป็นนางเอกสาวที่สวยเซ็กซี่มากที่สุดและเป็นนางเอกขวัญใจวัยรุ่นในเกือบทุกปีที่ผ่านมา แต่ทว่าตอนนี้ชื่อเสียงของนางเอกสาวคนดังดั่งกับเศษของบ้องไฟที่หักมุมดิ่งลงเหว

หลายเดือนแล้วที่พลอยไพลินอดทนรอ หวังว่าข่าวไม่ดีต่างๆ จะจางหายไป และคงจะมีงานเข้ามาบ้าง แต่นับวัน ข่าวเสียๆ หายๆ ของเธอก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และถูกวิพากษ์วิจารณ์หนาหูจนบางครั้งหญิงสาวสาวแทบจะไม่กล้าออกไปสู้หน้าใคร งานถ่ายละคร งานถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร หรือแม้แต่งานพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ แทบไม่มีติดต่อเข้ามาเลย และที่ติดต่อมาก่อนหน้านั้นต่างก็พากันยกเลิกทั้งหมด ทำให้สองแม่ลูกอยู่กันอย่างลำบากด้วยความขัดสน

รถที่เพิ่งถอยออกมา พร้อมกับบ้านหลังใหญ่ที่เพิ่งทำสัญญาซื้อและเพิ่งผ่อนได้ไม่นานก็คงจะถูกยึดไปเร็วๆ นี้ เพราะไม่มีเงินจะไปผ่อน เงินเก็บที่มีอยู่ก็เริ่มร่อยหรอลงไปทุกวัน จะหันหน้าไปพึ่งใครยามนี้ก็แสนลำบาก

“แต่พลอยยังมีแม่อยู่นะลูก เรากลับบ้านนอกกันก่อนดีมั้ยลูก ฝืนอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความสุข กลับบ้านเราเถอะนะ คุณยายกับป้าภาของเรายังรอเราสองคนอยู่ที่นั่น เชื่อแม่นะลูก” นางพรพรรณปลอบลูกสาวเสียงเครือ

“แต่ว่าบ้านกับรถของเรากำลังจะถูกยึดนะคะแม่” สายตาที่ทอดมองมาของหญิงสาวมีแววเสียดายอย่างสุดซึ้ง เธออุตส่าห์เก็บเงินตั้งนานกว่าจะเก็บหอมรอมริบเอามาดาวน์บ้านกับรถได้ และยังเพิ่งผ่อนได้ไม่ถึงปี กลับมีอันจะต้องถูกเขายึดไป เธอก็ยากที่จะทำใจ

“แต่เรายังมีเวลาเหลืออีกตั้งเดือนกว่านะลูก ที่จะหาเงินมาผ่อนเขา บางทีถ้าเรากลับไปบ้าน ยายกับป้าภาของลูกอาจจะช่วยได้นะ” แววตาของนางพรพรรณส่องประกายอย่างมีความหวังขึ้นมาเมื่อนึกถึงแม่และพี่สาวที่แสนใจดีของตนที่บ้านนอก

ร่างบอบบางถอนหายใจยาวออกมา แม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดของมารดาเธอนัก เพราะยังอายที่จะกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก เพราะแม้แต่จะโผล่หน้าออกไปทานข้าวนอกบ้านก็ยังไม่กล้า ไปไหนมาไหนก็ต้องสวมแว่นตาสีดำอันใหญ่อำพรางใบหน้าไว้ตลอดเวลา

“จะดีเหรอคะแม่” เสียงหวานใสที่เบาลงถามมารดาอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจนัก

ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนและยังคงมีสง่าราศีพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มอบอุ่นมองเรียวหน้ารูปไข่ด้วยความรักและห่วงใยความรู้สึกของลูกสาวอย่างเหลือล้น เพราะรู้ว่าพลอยไพลินต้องต่อสู้กับความรู้สึกต่างๆ ในทางลบตอนนี้มากแค่ไหน

พลอยไพลินมองหน้าบุพการีอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสวมกอดและอิงใบหน้าอ่อนเยาว์ลงซบกับอกนุ่มของร่างท่วมเล็กน้อยที่อบอุ่นเสมอนั่นอีกครั้ง เธอตัดสินใจแล้วที่จะทำตามที่แม่ของเธอแนะนำ บางทีการกลับไปบ้านเกิดคราวนี้มันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่เธอคิดไว้ก็ได้

เมื่อคิดว่าจะต้องกลับบ้านต่างจังหวัด ภาพของเด็กชายตัวมอมแมมคนหนึ่ง ก็ปรากฏแวบขึ้นมาในมโนภาพอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันนานกี่ปีมาแล้วที่ภาพนั้นยังคงแจ่มชัดในสมองน้อยๆ ของเธอ ตั้งแต่ที่หล่อนยังเป็นเด็กหญิงพลอยไพลินที่แสนเอาแต่ใจ และหยิ่งผยองจองหองเป็นที่สุด เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่นัก ก็เพราะตอนนั้นเธอยังเด็กนี่นา แต่หญิงสาวก็ยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีทีเดียว

วันนั้นที่บ้านหลังหนึ่งกำลังเพิ่งก่อสร้างได้ไม่กี่วันยังไม่เสร็จ ขณะที่ช่างก่อสร้างแต่ละคนกำลังตั้งใจทำงานในหน้าที่ของตนเอง เด็กวัยรุ่นชายตัวผอมๆ แต่งตัวก็แสนจะมอมแมมคนหนึ่งกำลังก่ออิฐบล็อกตรงฝาบ้าน ท่าทางของเขายังไม่คล่องนัก ซึ่งมันช่างขัดหูขัดตาเด็กสาวคนหนึ่งมากเหลือเกิน เพราะทั้งคู่ไม่ถูกชะตากันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“นี่ นายเสาโทรเลข ก่ออิฐให้มันเนียนๆ หน่อยสิ เห็นมั้ย...ช่องไฟตรงนี้ที่นายก่อไม่น่าดูสักนิด ยังมีรูโหว่อยู่เลย ฝีมือแบบนี้พ่อนายปล่อยให้มาทำงานแทนได้ยังไงเนี่ย ชุ่ยที่สุด!” เด็กหญิงเชิดหน้าพ่นวาจาดูถูกฝีมือคนตรงหน้าอย่างหมิ่นๆ สีหน้าท่าทางของเด็กหญิงตัวเล็กดูจะพอใจยิ่งนักที่ยั่วโมโหคู่อริของตนได้สำเร็จ

แววตาไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าคมคร้ามสีแทนนั้น เขามองเด็กหญิงที่อายุอ่อนกว่าเขาหลายปีอย่างข่มโทสะสุดๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเธอก็ตามราวีเขาได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่โรงเรียน ที่วัด ตลาดนัด หรือที่ไหนก็ตามที่บังเอิญต้องเจอกัน ยัยตัวแสบนี่ต้องหาเรื่องเขาก่อนทุกครั้ง นี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าหรอกนะ เขาถึงได้ยอมอ่อนข้อให้ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายด้วยกันคงไม่ปล่อยให้มายืนด่าทอต่อว่าเขาปาวๆ แบบนี้หรอก ร่างผอมสูงกัดฟันกรอดก่อนจะตอบโต้กลับไปด้วยวาจาแสบๆ คันๆ ไม่แพ้กัน

“ยัยหลักกิโลเมตร คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นตรงไหนฮะ ถึงได้มาพูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ หัดลองส่งกระจกมองดูตัวเองเสียบ้างสิ เตี้ยก็เตี้ย ฟันก็เหยิน ขาอย่างกับตะเกียบ เก้งก้างอย่างกับตั๊กแตนตำข้าว ปากก็เน่าอย่างกับปลาร้า นิสัยก็แย่ทั้งที่มีพ่อแม่สั่งสอน มิน่าถึงไม่มีใครอยากคบเป็นเพื่อน”

เด็กหญิงตัวเล็กเต้นเร่าๆ เจ็บใจที่สุดก็ตรงประโยคท้ายๆ นี่แหละ แม้ว่ามันจะจริงอย่างที่เขาว่าที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่ค่อยมีใครคบกับเธอ แต่ว่ามันหนักหัวใครไม่ทราบ เขาบังอาจนักที่มาตอกย้ำปมด้อยของเธอแบบนี้ นิ้วเรียวจึงชี้ไปที่หน้าคมคร้ามออกมอมแมมนั้นอย่างโกรธแค้นสุดขีด

“นาย! นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันแบบนี้ ทั้งที่นายมันก็แค่ลูกกรรมกรจนๆ นายมันก็แค่ไอ้ลูกกำพร้าไม่มีแม่ นายมันก็แค่เด็กวัดที่ต่ำต้อยที่ขอข้าววัดมากินไปวันๆ” เด็กสาวพูดเสียงดังโดยไม่คิดสนใจคนรอบข้างว่าจะมองเธอด้วยสายตาตำหนิเช่นไร หวังเพียงแค่จะเถียงให้ชนะเขาเท่านั้น แต่คำพูดของเธอกลับทำให้ใบหน้าที่บัดนี้เครียดขรึม ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัว เขาแทบจะกระโจนไปบีบคอเล็กของเธอให้ขาดใจตายคามือ เด็กอะไรปากร้ายไม่มีอะไรเปรียบ

สายตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่มองเด็กสาวที่มีฐานะดีกว่าเขาในยามนี้ ทำให้เด็กหญิงที่กำลังตั้งท่าจะอ้าปากต่อว่าอีกระลอกต้องหยุดชะงักลงกลางคัน แววตาที่เจ็บปวดเต็มไปด้วยเพลิงนรกขนาดย่อมที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาคมวาวคู่นั้น มองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแทบจะแผดเผาร่างเล็กของเธอให้มอดไหม้เป็นจุณ มันดูน่ากลัวจนร่างผอมบางต้องถ่อยร่นไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหันหลังรีบเดินหนีไปไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีก

นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทะเลาะกับเขา มันนับครั้งไม่ถ้วนด้วยซ้ำที่เขากับเธอด่าทอกันด้วยวาจารุนแรงแบบนั้น แต่เหตุการณ์วันนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอกับเขามีปากเสียงกัน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ไม่ได้พบกับเขาอีกเลย จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว

และในวันนี้เป็นวันที่พลอยไพลินกลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างที่เขาเคยเป็น กำลังแย่ยิ่งกว่าที่เขาเคยแย่ กำลังจะจนอย่างที่เขาเคยจน แทบจะไม่กล้าเอาหน้าไปสู้ใครด้วยซ้ำ ถ้าหากเขาเห็นสภาพของเธอตอนนี้ เขาอาจจะหัวเราะเยาะเธอก็เป็นได้

แต่ว่ามันก็ผ่านมานานสิบกว่าปีแล้ว สิบสองปีได้แล้วมั้ง เพราะครอบครัวของเธอย้ายออกจากบ้านตั้งแต่เธอยังเด็ก เด็กผู้ชายสายตาเย็นชาแข็งกร้าวคนนั้นก็อาจจะแต่งงานมีเมียมีลูกไปแล้วก็ได้และอาจจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปแล้ว

หากต้องบังเอิญเจอกันอีกครั้งเธอเองก็อาจจะจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่แววตาแข็งกระด้างเต็มไปด้วยไฟโทสะและโกรธแค้นคู่นั้น เธอยังจำมันได้ดี แต่รูปร่างหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนเธอเองก็ไม่อาจรู้ได้

ที่ไร่ส้มแสงตะวัน

“พ่อเลี้ยงทินคะ พรุ่งนี้ป้าขอหยุดงานหนึ่งวันนะคะ บังเอิญว่าพรุ่งนี้น้องสาวกับหลานสาวของป้าจะมาหาค่ะ” นางนิภาซึ่งเป็นลูกจ้างในไร่แสงตะวันมานานเอ่ยขออนุญาตลางานกับเจ้านายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของนางด้วยความเกรงใจ

“น้องสาวกับหลานสาวของป้าจะมาหางั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ไม่มั่นใจว่าที่เขาได้ยินป้าภาพูดถึงน้องสาวกับหลานสาวของนางมันเรื่องจริงหรือเปล่า

‘แม่ดารานางเอกชื่อดังกับแม่ของหล่อนนะเหรอจะกล้ากลับมาบ้านนอก ไม่อยากจะเชื่อ’ แต่คนที่กำลังคิดสงสัยก็ชักอยากจะเห็นหน้านางเอกสาวฉาวโฉ่ชื่อดังตัวเป็นๆ นั่นแล้วสิ ไม่รู้ว่าตัวจริงกับในโทรทัศน์จะสวยเหมือนกันหรือเปล่า และหล่อนจะยังจำเขาได้อยู่ไหม ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายปีนี่ แต่สำหรับเขา...ยังจำเธอได้ไม่เคยลืม

“ใช่จ้ะ ป้าว่าจะไปรอรับสองคนนั่นที่สถานีขนส่ง ถ้าจะปล่อยให้มาที่นี่เอง กลัวว่าจะจำทางเข้าหมู่บ้านไม่ได้ เพราะสองคนนั้นออกจากบ้านไปก็หลายปีแล้ว”

“แล้วทำไมหลานสาวของป้าไม่ขับรถมาเองล่ะครับ”

“คือว่าทางขึ้นเขามันอันตราย แม่ของเขาเลยห้ามไม่ให้ลูกสาวของเขาขับมาเอง จึงพากันนั่งรถทัวร์ปรับอากาศมาแทนเพื่อความปลอดภัย” นางนิภาตอบตามที่น้องสาวของเธอโทรบอกเมื่อวานนี้

“อ้อ” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ และเขาก็เห็นด้วยตามที่ผู้อาวุโสบอก เพราะตอนนี้ก็อยู่ในช่วงหน้าฝนพอดี ถึงจะเป็นช่วงปลายฤดูแต่ฝนก็ยังตกอยู่บ่อยๆ ยิ่งทำให้การสัญจรไปมาบนเนินเขาที่ลาดชันยากลำบากหลายเท่า หากคนขับรถไม่ระมัดระวังและมีความประมาทก็พลาดขับรถตกเนินเขาหรือตกเหวลึกได้

“ถ้าอย่างนั้น ให้ผมไปรับให้ดีมั้ยครับ ผมมีรถ เดี๋ยวผมไปรับน้องสาวกับหลานสาวของป้าให้เอง และพรุ่งนี้ผมให้ป้าหยุดงานได้หนึ่งวัน ตกลงนะครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มขันอาสา เพราะอยากจะเห็นหน้านางเอกสาวตกกระป๋องไวๆ อยากจะรู้ว่าถ้าหล่อนเจอหน้าเขาครั้งแรก ยัยหลักกิโลเมตรนั่นจะยังจำเขาได้หรือเปล่า และยังจะพูดจาดูถูกกันอีกมั้ย

“จะดีเหรอคะ ป้าเกรงใจคุณทินจัง” ผู้สูงวัยกว่ามองหน้าคมคร้ามนั่นด้วยความรู้สึกขอบคุณ ที่ชายหนุ่มใจดีกับครอบครัวของนางมาโดยตลอด แต่ก็ยังอดเกรงใจไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ธุระหน้าที่ของเขาที่จะต้องไปรับสองแม่ลูกนั่นแทนนาง

“ป้าจะมาเกรงอกเกรงใจผมทำไมครับ ผมนับถือป้าเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ป้าเป็นเหมือนแม่คนที่สองของผมเลยก็ว่าได้ ไอ้ครลูกชายป้าก็เป็นเพื่อนรักของผม วางใจได้ครับ พรุ่งนี้ผมไปรับป้าพรรณกับน้องพลอยเอง”

เมื่อทินกรพูดแบบนี้นางนิภาก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของพ่อเลี้ยงหนุ่มได้ ได้แต่ยิ้มรับขอบคุณ และพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่าตกลง

แต่พอคล้อยหลังร่างค่อนข้างท้วมที่เดินลับหายเข้าไปในไร่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น สายตาที่แสนจะอ่อนโยนเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนไป

‘พลอยไพลิน นางเอกชื่อดังตกกระป๋อง พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอเอง’ ร่างสูงพูดกับตัวเองในใจด้วยแววตาแข็งกร้าวดุจสายตาของพญาอินทรีย์ในวันนั้น วันที่ผ่านมาแล้วกว่าสิบสองปี

แต่ชายหนุ่มไม่มีวันลืมความรู้สึกโกรธแค้นในวันนั้นได้ และยังคิดอยากจะเอาคืนแม่ดาราคนสวยตัวแสบคนนั้นบ้าง แต่เขาก็คงไม่แค้นถึงขนาดจะต้องบังคับขืนใจให้หล่อนมาเป็นเมียทาสเหมือนในละครหรอก ก็แค่อยากจะสั่งสอนยัยหลักกิโลเมตรนิสัยเสียนั่นให้รู้จักสำนึกเสียบ้างก็เท่านั้นเอง

บ้านอิงตะวัน

“ฮึ...เปลี่ยนชื่อแล้ว นึกว่าฉันจะจำเธอไม่ได้งั้นเหรอ” ร่างสูงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่ง ที่ยังคงลงภาพกอดรัดฟัดเหวี่ยงของนางเอกสาวสวยกับไฮโซหนุ่มรูปหล่อ ดูแล้วช่างน่าสมเพชนัก

“เธอนี่มันนอกจากจะปากเน่าแล้ว เนื้อตัวของเธอก็คงจะเน่าเฟะจนไม่เหลืออะไรดีแล้วสินะ”

ทินกรพึมพำคนเดียวขณะที่อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าแบบคร่าวๆ ชายหนุ่มไม่เชื่อหรอกว่าข่าวนั้นมันจะไม่มีมูล ภาพชัดเจนขนาดนั้น และเจ้าหล่อนก็ไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์กับหนุ่มไฮโซคนนั้นว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เพียงแค่บอกปัดว่าภาพนั้นไม่ใช่ภาพของเธอกับแฟนหนุ่ม แล้วใครเขาจะโง่เชื่อตามนั้นล่ะ

“ก็แค่ของเล่นไฮโซ” ร่างหนาพึมพำออกมาอีกครั้งก่อนจะเก็บพับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้ที่เดิมและเดินเข้าไปในห้องนอน

แต่ยังไม่ทันที่จะเอนตัวลงนอนบนเตียง เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าจากมือถือเครื่องเล็กก็ดังขึ้น แค่รู้ว่าใครโทรมา ใบหน้าคมเข้มนั้นก็ทำสีหน้าเบื่อหน่าย แล้วกดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่มีหรือที่คนโทรมาจะหยุดโทรหาเขาง่ายๆ

ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!

มือเรียวยาวที่หยาบกร้านกดวางหลายครั้ง แต่ก็ต้องกดรับด้วยความหงุดหงิดใจก่อนที่จะกรอกเสียงไปตามสายด้วยความรำคาญ

“มีอะไรนุช นี่มันดึกแล้วนะครับ พี่จะนอน” ชายหนุ่มพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติให้มากที่สุด แต่คนฟังกังรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจที่เธอโทรไปรบกวน

อรนุชนั่นเองที่โทรมา ไม่รู้ว่าหล่อนมีความจำเป็น หรือมีเรื่องอะไรสำคัญนักหนา ถึงได้โทรมาหาเขาในช่วงเวลาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ หรือคิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวกำนันหรือไง ถึงได้ไม่มีความเกรงอกเกรงใจชาวบ้านเขาเลย

“ก็นุชคิดถึงพี่ทิน”

“กรุณาคิดถึงพี่ในเวลาที่เหมาะสมหน่อยได้มั้ยคร้าบ วันนี้พี่เหนื่อยมาก อยากจะนอน” ชายหนุ่มจงใจลากเสียงยาว เพื่อให้อรนุชเข้าใจแจ่มแจ้งว่าหล่อนโทรมารบกวนเวลานอนของเขา

“นุชขอโทษค่ะ แต่ว่าพรุ่งนี้นุชมีธุระจะออกไปในเมืองแต่เช้า ได้ข่าวว่าพี่ทินจะออกไปในเมืองเหมือนกัน เลยจะขอติดรถไปด้วยคนค่ะ” ปลายสายตอบเสียงอ่อยๆ

ที่จริงอรนุชรู้จากคนงานในไร่แสงตะวันแล้วว่า ทินกรจะออกไปรับพลอยไพลิน หรือยัยเพลินใจจอมหยิ่งนั่น และที่รู้ว่ายัยนางเอก พลอยไพลิน คือคนๆ เดียวกับยัย เพลินใจ ศัตรูคู่อาฆาตของเธอเมื่อครั้งยังเด็ก ก็เพราะเธอไปถามไถ่ข่าวคราวจากสาครอีกทีเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง

สมัยก่อนพลอยไพลินเหนือกว่าเธอทุกอย่างทั้งรูปร่าง ฐานะ และผลการเรียน ทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็จะทะเลาะกันตลอด ถึงขนาดยกพวกตีกัน จนหัวร้างข้างแตกกันไปข้าง ครั้งหนึ่งที่อรนุชจำได้แม่นที่สุด ยัยเพลินใจตัวแสบเอาลูกหินปาหน้าผากเธอจนกลายมาเป็นแผลเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

“พรุ่งนี้พี่เอารถกระบะออกไป ไม่มีที่นั่งว่าง เพราะสาครมันจะติดรถไปด้วย อีกอย่างข้าวของก็เต็มรถ ให้คนอื่นไปส่งเถอะ” ชายหนุ่มรีบตัดรำคาญเสียงห้วน

“แต่ว่าก้นนุชนิดเดียวเองนะคะ ให้นุชเบียดกับพี่ครข้างหน้าก็ได้ นะๆ” หล่อนยังคงออดอ้อนไม่เลิก

“ไม่ได้! แค่นี้นะ” ทินกรตวาดเสียงดังมากขึ้น มือเรียวรีบกดวางสายไป และรีบปิดมือถือทันที เพราะกลัวว่าอรนุชจะตื๊อไม่เลิก จึงไม่ทันได้ยินเสียงปลายสายร้องโวยวายลั่นบ้าน

ทินกรรู้ว่าอรนุชมีใจให้กับเขามานานแล้ว แต่เขาก็ให้เธอได้แค่คำว่า ‘น้องสาว’ แต่ที่ยังไม่ตัดรอนเสียทีเดียวก็เพราะเกรงใจลุงกำนันซึ่งเป็นพ่อของหญิงสาว อย่างน้อยความสัมพันธ์ของสองครอบครัวก็สนิทสนมกันมานมนาน และลุงกำนันแกก็เป็นคนดีมีน้ำใจ อีกอย่างลุงแกก็มีลูกสาวเพียงคนเดียวที่รักและหวงมาก แต่ก็ไม่เคยว่าอะไรสักครั้งถ้าลูกสาวจะแวะเวียนมาที่บ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งไร่ส้มแสงตะวันบ่อยๆ

ท่ามกลางผู้โดยสารมากมายที่เดินสวนกันไปมาด้านนอกประตูทางเข้าของห้องพักผู้โดยสาร ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นผู้หญิงรูปร่างผิวพรรณดีสวมแว่นตาดำอำพรางดวงตาสวยซึ้ง กำลังหันซ้ายแลขวาเพื่อสอดส่องสายตามองหาใครบางคนที่นัดเอาไว้ว่าจะมารับเธอในช่วงเวลาดังกล่าว

“แม่คะ ทำไมยังไม่เห็นป้าภามารับพลอยสักทีล่ะคะ” ใบหน้าเนียนใสที่โผล่พ้นแว่นอันเบ้อเริ่มออกมา ยืนคุยโทรศัพท์ถามมารดาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอเริ่มหงุดหงิดเต็มทีแล้ว เมื่อต้องรอคนมารับตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของร่างอวบๆ ที่สวมเสื้อสีม่วงลายดอกพลับพลึง กางเกงขายาวสามส่วนสีดำ ผมยาวรวบมัดไว้กลางหลัง ตามที่คนนัดได้บอกเอาไว้

“บางทีรถอาจจะติดก็ได้นะลูก” นางพรพรรณพยายามบอกเหตุผลให้ลูกสาวใจเย็นๆ

ทีแรกก่อนมาคนเป็นแม่ตั้งใจจะเดินทางมาพร้อมกับบุตรสาวด้วย แต่พอคิดไปคิดมา บ้านก็ห่วงรถก็ห่วง เธอจึงบอกให้ลูกสาวกลับไปบ้านหลบหน้านักข่าวที่บ้านนอกคนเดียวเพียงลำพัง หากข่าวฉาวโฉ่ของพลอยไพลินซาลงเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ

“แต่นี่มันต่างจังหวัดไม่ใช่กรุงเทพฯ นะคะแม่ อะไรมันจะติดนานขนาดนั้น” พลอยไพลินเริ่มบ่น โชคดีที่อากาศทางเหนือไม่ร้อนมากเหมือนภาคกลาง ไม่อย่างนั้นเธอต้องหงุดหงิดมากกว่านี้แน่

“รออีกหน่อยแล้วกันนะพลอย อีกประเดี๋ยวป้าภาก็คงจะมารับลูกเอง” นางพรพรรณกล่าวเพื่อกล่อมให้ลูกสาวใจเย็นลงอีกไม่กี่ประโยคก็วางสายไป

หลังจากวางสายจากมารดาร่างระหงก็เดินตรงไปยังที่นั่งว่างที่ติดอยู่กับผู้โดยสารท่านอื่นที่เหมือนจะมานั่งรอญาติมารับเช่นกันกับเธอ สายตาคู่สวยก็คอยกวาดมองไปโดยรอบตามทางเดินที่คิดว่าป้านิภาของเธอน่าจะเดินมารับ

นางเอกสาวในตอนนี้คงไม่มีใครจำเธอได้ เพราะสวมแว่นตาสีดำอันใหญ่อำพรางใบหน้าอยู่ตลอดเวลา มองใกล้ๆ อาจจะดูคุ้นๆ แต่คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจะเป็นนางเอกสาวชื่อดังที่ชื่อว่า ‘พลอยไพลิน’ เป็นแน่

หญิงสาวนั่งหน้ามุ่ย สายตายังมองไปทางโน้นทีทางนี้ทีไม่หยุดหย่อน พร้อมกับปล่อยเสียงพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาเป็นระยะๆ ด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายหงุดหงิดรำคาญใจที่ต้องมารอคอยคนอื่นนานมากขนาดนี้ เพราะปกติก็มีแต่คนอื่นเท่านั้นแหละที่เป็นฝ่ายรอเธอ

เวลาผ่านไปอีกสิบห้านาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมารอรับ พลอยไพลินจึงเดินไปซื้อของกินรองท้อง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถขายขนมจีบซาลาเปากำลังจะจอดอยู่ตรงข้างหน้าบนทางเดินที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยจากจุดที่พักผู้โดยสารด้านนอก

ขณะที่นางเอกสาวเดินไปถึงรถขายซาลาเปา ก็มีลูกค้ายืนรอซื้อสองสามคน แต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายตัวโตๆ แต่งตัวด้วยชุดยีนสีซีดทั้งชุด สวมรองเท้าหนังเก่าๆ สีน้ำตาลเข้ม สวมแว่นตาดำเดินเข้ามาเรียกชื่อพ่อค้าซื้อซาลาเปาตัดหน้าไปโดยที่ไม่คิดจะต่อคิว

‘แบบนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก และให้ได้อายกันไปข้าง’ นางเอกสาวที่กำลังยืนต่อคิวซื้อขนมคิดอย่างคาดโทษ ชำเลืองมองไปทางผู้ชายที่เสียมารยาทข้างๆ ด้วยสายตามันวับอย่างเอาเรื่อง

“นี่คุณ เป็นพวกไร้วัฒนธรรมหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่ต่อคิวเหมือนคนอื่นเขา เส้นใหญ่นักหรือไง ถึงได้ไม่รู้จักเกรงใจคนที่เขายืนรอซื้อก่อนตัวเอง รู้จักมั้ยคำว่าระเบียบวินัย” ร่างบางหันไปตะคอกใส่ผู้ชายตัวโตๆ ข้างๆ โดยไม่เกรงใจ

เฮอะ...จะให้หล่อนเกรงใจคนนิสัยไม่ดีแบบนี้น่ะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก หางตาหล่อนก็ไม่อยากจะแลเสียด้วยซ้ำ หน้าตาก็ดูดีใช้ได้อยู่หรอกแต่นิสัยแย่ไร้ระเบียบวินัยแบบนี้ น่าจะโดนสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง

ไอ้เรื่องแซงคิวนี่พลอยไพลินรับไม่ได้จริงๆ เพราะที่ผ่านมาเธอเคยชินกับการมีระเบียบวินัยในตัวเอง และตรงต่อเวลาเสมอ แต่วันนี้นอกจากป้านิภาจะมาไม่ตรงเวลาให้เธอต้องนั่งแกร่วรอตั้งนานสองนานแล้ว หล่อนยังมาโดนผู้ชายนิสัยแย่ ไร้ระเบียบวินัยมาแซงคิวตัดหน้าเธออีก หญิงสาวจึงรู้สึกโมโหสุดๆ และระเบิดอารมณ์ใส่เขาเป็นชุดๆ

ชายหนุ่มนิรนามที่เธอเองก็ยังไม่เคยรู้จักมองหน้าหล่อนตาปริบๆ ไม่คิดว่าจะโดนว่าแรงขนาดนี้

“เอ่อ ผมขอโทษครับคุณผู้หญิง ลุงมิ่งครับจัดขนมให้คุณผู้หญิงคนนี้ก่อนก็ได้ครับ สงสัยเธอจะมาก่อน ผมไม่ทันมองจริงๆ”

ทินกรรีบขอโทษสาวสวยแถมหุ่นดีที่ด่าเขาฉอดๆ ด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ ชายหนุ่มไม่เห็นจริงๆ ว่าเธอมายืนรอซื้อขนมก่อนเขา เพราะมัวแต่เหม่อมองไปทางประตูทางเข้าห้องพักผู้โดยสาร จึงไม่ทันได้เหลียวมามองคนข้างๆ ว่าหล่อนมายืนรอก่อนเขานานแล้ว

“เฮอะ ไม่ทันมอง ตั้งใจล่ะสิไม่ว่า” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะพูดแขวะชายหนุ่มอีกครั้งอย่างหมั่นไส้ ที่เขาช่างตีหน้าตายได้เนียนจริงๆ

“เอ่อ จะรับอะไรดีครับ” พ่อค้าชิงถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนที่หล่อนจะตวาดแว้ดๆ ใส่คนตัวใหญ่ข้างๆ อีกรอบ

ใจจริงพลอยไพลินก็อยากจะต่อว่าพ่อค้าคนนี้ต่อเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงไม่หันมองดูเสียบ้างว่าลูกค้าคนไหนมาก่อนมาหลัง แต่ก็รีบยั้งปากไว้ทันเพราะเกรงใจคนอื่นที่ทยอยมายืนรอซื้อขนมเหมือนกัน จึงรีบตอบห้วนๆ กลับไป

“ซาลาเปาไส้หวานสองเค็มสอง แล้วก็ขนมจีบสองถุง” ไม่รู้หรอกว่าพ่อค้าเขาขายเท่าไหร่ยังไง แต่ก็เดาเอาว่ามันคงไม่ถึงร้อยหรอก ก่อนที่มือเรียวจะหยิบแบงค์สีแดงยื่นให้พ่อค้า

“ไม่ต้องทอน” ร่างเพรียวระหงรีบพูดเสียงห้วน และยัดเงินใส่มือพ่อค้าเพราะขี้เกียจยืนรอนานๆ ยิ่งต้องมายืนอยู่ข้างผู้ชายที่ไม่ค่อยมีมารยาทคนนี้แล้วด้วย เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นเท่าทวีคูณ

“หึ อวดรวยซะด้วย”

เสียงทุ้มลอยมาเข้าหูดาราสาวพอดี ขณะที่หล่อนกำลังจะก้าวขาออกไปก็ต้องหยุดชะงัก เธอไม่ใช่คนหูหนวกและไม่ใช่คนโง่นะ ที่จะไม่ได้ยินว่า ‘เขา’ พูดแดกดันเธออยู่

“นายว่าอะไรนะ!” ร่างบางหันขวับกลับมามองหน้าเขาทันควัน มองร่างสูงใหญ่ตาขวางอย่างเอาเรื่อง นอกจากจะไร้ระเบียบวินัยแล้ว เขายังจะมีนิสัยชอบนินทาคนอื่นลับหลังอีกต่างหาก ผู้ชายนิสัยแย่ๆ แบบนี้เธอรับไม่ได้จริงๆ

‘หูดีจริงจริ้ง แม่คุ้ณ’ ทินกรแอบบริภาษหญิงสาวในใจขำๆ แต่ก็หันหน้าไปมองหน้าเธอนิ่ง เมื่อใบหน้าสวยใสใต้แว่นสีดำนั้นมองมา

“ผมเปล่าว่าอะไรคุณนี่ครับ ใครจะกล้าว่าคนสวยๆ อย่างคุณ” ใช่หล่อนสวยจริงๆ นั่นแหละ โดดเด่นอีกต่างหาก และเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาที่เขามองเธอก็เปลี่ยนไปเป็นพิจารณามองหญิงสาวอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่หัวจรดเท้า

‘มันดูคุ้นๆ แฮะ’ ชายหนุ่มคิด พลางเพ่งพิศเค้าโครงหน้ารูปไข่นั้นอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง

รูปร่างและทรงผมของหล่อน มันดูคล้ายๆ ดารานางเอกสาวที่ชื่อพลอยไพลินมากเหลือเกิน นี่ถ้าหล่อนถอดแว่นตาอันใหญ่นั่นออก เขาคงจะหายสงสัยว่าเจ้าหล่อนเป็นใคร

พลอยไพลินจ้องหน้าผู้ชายไร้มารยาทอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ไม่อยากจะเสียเวลากับคนอย่างเขาอีก จึงรีบเดินไปนั่งที่เดิม แต่ร่างสูงเกินสันทัดก็เดินตามมา และมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้สายตาคู่สวยภายใต้กรอบแว่นตาอันใหญ่ ต้องเลิกคิ้วขึ้นมามองชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยสีหน้าแปลกใจระคนไม่พอใจ ที่เขาจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปจะขยับเอื้อนเอ่ยออกมา

“คุณใช่ลูกสาวของป้าพรพรรณหรือเปล่า” ชายหนุ่มไม่อยากถามไปตรงๆ ว่าเธอใช่ดารานางเอกสาวที่ชื่อพลอยไพลินใช่หรือไม่ เพราะกลัวว่าเธอจะอายเพราะข่าวที่ยังคงอื้อฉาวไม่ซาลง อาจทำให้บางคนแถวๆ นี้เบี่ยงเบนความสนใจมาที่เธอ ซึ่งมันคงไม่เป็นที่ปรารถนาของนางเอกสาวตกกระป๋องอย่างพลอยไพลินนัก

พลอยไพลินรู้สึกอึ้งมากเมื่อถูกชายหนุ่มแปลกหน้า เอ่ยชื่อมารดาของเธอออกมาอย่างสนิทสนม แล้วเขาเป็นใครกันทำไมถึงได้รู้จักชื่อแม่ของเธอ แต่พอมองๆ ไป โครงหน้าของเขาก็คุ้นๆ เหมือนกันนะ และพอดีกับที่ทินกรถอดแว่นตาดำออกพอดี หญิงสาวจึงมีโอกาสสำรวจใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง

แล้วสายตาสวยซึ้งก็ไปสะดุดเข้ากับสายตาที่เธอคุ้นเคยมานานแสนนาน สายตาคมกล้าดุจพญาเหยี่ยว ที่ยังคงความเข้มคมกริบเมื่อมองสบตา หากใบหน้าเรียบตึงนั้นแย้มยิ้มออกมาสักนิด เขาคงจะดูดีมีเสน่ห์มากขึ้นไม่น้อย แต่เคราเขียวครึ้มที่ไม่ได้โกนมาหลายวัน กลับทำให้ใบหน้าคมคร้ามนั้นดูเถื่อนหน่อยๆ

“นายนั่นเอง ทินกร” หญิงสาวครางเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วอย่างตกตะลึง รู้สึกว่าหล่อนเพิ่งจะหาเสียงของตัวเองเจอเดี๋ยวนี้เอง หลังจากสำรวจใบหน้าหล่อเหลาคมคายของชายหนุ่มอยู่นานสองนาน แล้วแก้มนวลสองข้างก็แดงระเรื่อขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอจ้องเขานานเกินไปแล้ว

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY