บาปใดๆ ไหนเล่า...จะหอมหวานเท่าบาปสวาท ------------------- ปัง!! เพล้ง!! ขวดแก้วนั้นถูกปาเต็มแรงบุรุษไปกระทบกับประตูห้องที่สายตาคมเข้มเขม่นมองเคร่งขรึม เศษแก้วแตกกระจายเกลื่อนพื้น น้ำเมากระเด็นติดทั้งประตู ฝาผนังและพื้นตามแรงอารมณ์กราดเกรี้ยว หากนึกย้อนกลับไปคิดทบทวนดีๆ สัตตบงกชเป็นคนเอาเหล้าเข้ามาให้เขาก่อนจะขอตัวขึ้นไปนอน และเขาก็นั่งดื่มจนดึก...หลังจากนั้นก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งช่วงเช้า ทั้งที่...การดื่มก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา ต่อให้เมาแค่ไหนก็ไม่เคยไร้สติจนเลอะเลือนความทรงจำสูญสิ้น...อย่างเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา สันกรามขบเข้าหากันแน่นจนเกิดเสียงกรอดผ่านไรฟันหันกลับมาเปิดประตูห้องตัวเองแล้วย่างเท้าเข้าไปทันที มือนึงดึงประตูกระแทกปิดไม่เบาแรงนักตามอารมณ์ที่กำลังฉุนเฉียว นี่เขาต้องนอนร่วมบ้านกับผู้หญิงที่เพิ่งทำให้ครอบครัวของเขากับภรรยาแตกหักไม่มีชิ้นดีอย่างนั้นเหรอ ในคืนที่ฝนฟ้ากระหน่ำตกไม่ลืมหูลืมตา เมียรักต้องจากจรหนีไปอยู่ไหนเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ แต่คนก่อปัญหาร่วมกับเขากลับยังอาศัยอยู่ภายใต้หลังคาบ้านที่เพิ่งถูกสุมไฟจนวายวอด
“อืม... หงส์ ผมรักคุณ อย่าทิ้งผมไปแบบนี้อีกนะ” เสียงทุ้มพร่าเครือครางในลำคอพร่ำออกมาไม่ขาดปาก ใบหน้าคมสันซุกไซ้ซอกซอนไปตามผิวเนื้อหอมนวลเนียนนุ่ม กิริยาพิศวาสต่อเนื้อหนังมังสาที่กำลังดื่มด่ำอยู่นี้เหลือเกิน
‘เกิดอะไรขึ้น... ปล่อยนะ ใคร...’ เสียงประท้วงที่ไม่อาจเปล่งเอ่ยออกมาได้ หวีดร้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว หัวใจของร่างเล็กที่กำลังถูกนัวเนียลูบไล้สั่นสะท้าน ชาวาบปลาบแปลบไปทั้งตัว
มันเกิดอะไรขึ้น... ทำไมหล่อนขยับตัวไม่ได้เลย
กระนั้นหล่อนก็ยังมีความรู้สึกรู้สา เพียงแต่อ่อนล้าจนไม่อาจกระดิกส่วนใดได้เท่านั้นเอง
‘อือ...’ เสียงอือออเล็ดลอดเบาหวิว ไม่อาจยั้งหยุดความกักขฬะจากชายหนุ่มผู้มีแต่ความปรารถนาอันเหลือล้น เขาต้องการครอบครองหล่อน เขาคิดถึง... และโหยหิวลุ่มหลงในผิวเนื้อละมุนนี้จนไม่อาจถอนตัวได้ ริมฝีปากหยักหนาประทับจูบหอมไปตามพวงแก้มละมุน กรุ่นกลิ่นสาบสาวคลอฟุ้งอยู่ไม่เลือนหาย มือใหญ่ลากเลื้อยถลกเสื้อผ้าอาภรณ์ไปตามแรงอารมณ์ เนื้อผ้าเสียดสีกับผิวกายละอ่อน ค่อย ๆ ครูดและถูกกระชากดึงออกจากตัวผ่านศีรษะในเวลาอันรวดเร็ว
‘ช่วยด้วย... ช่วย! อื้อ!’ ความหนักอึ้งสัมผัสแนบสนิทถึงผิวเนื้อ หล่อนทำได้แค่เพียงส่งเสียงสะท้านต่อต้านอยู่ในหัว ไม่อาจมองเห็นทางรอดต่ออาเพศในครั้งนี้
“หงส์จ๋า... หงส์ของพี่...” พร่ำเพ้อพรรณนาไปพลางก็นัวเนียนวดเฟ้นร่างแบบบางเกือบเปลือยด้วยความเสน่หา ลมหายใจอุ่น ๆ รินรดรอยทางที่ริมฝีปากหยักหนาดูดเม้มจนเกิดรอยห้อเลือด
หล่อนแน่นิ่งไม่ไหวติง... แต่หัวจิตหัวใจนั้นดำดิ่งคร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ ร้าวรานร้อนรุ่มด้วยความรู้สึกผิดชอบ ชั่วดี เมื่อสำนึกรู้ถ่องแท้แล้วว่าผู้ชายที่กำลังล่วงเกินร่างกายของหล่อนนั้นเป็นใคร หล่อนจำน้ำเสียงของเขาได้...
‘พี่เดล... อย่าทำแบบนี้นะ นี่หนูนา... ไม่ใช่พี่หงส์...’ แต่บทประโยคนั้นก็ได้แต่ดังก้องอยู่ข้างใน ไม่อาจเอ่ยเอื้อนออกมาให้ชายหนุ่มได้รับทราบ
หล่อนได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งร่วมกับลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ความรู้สึกในยามที่จมูกและริมฝีปากแตะต้องผิวเปลือย มันทำให้ความรู้สึกสั่นไหวไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ทั้งกลัว... ทั้งหวาดระแวงสับสน
“อืม...”
‘พี่เดล!!’ พึ่บ! แม้ร่างกายไม่อำนวยต่อการขัดขืน แต่หล่อนก็ยังมีความรู้สึกแทบครบถ้วน น้ำตาหยดชื้นไหลรินอาบขมับทั้งสองข้างเป็นทางเปียกปอนไปถึงหมอนที่รองหนุน เมื่อปราการซึ่งโอบอุ้มทรวงอกอวบเอาไว้ขาดผึงหลุดปลิวหายไปจากร่าง...
“อา... หงส์จ๋า หอมหวานเหลือเกิน” อุ้งปากอุ่นร้อนครอบครองความงดงามที่ชูช่ออยู่ตรงหน้านั้นอย่างขาดสติ เรียวลิ้นสากตวัดช้อนยอดเกสรที่เกร็งเครียดให้ตอบสนองต่ออารมณ์ปรารถนา
เขาลุ่มหลงหล่อนเกินกว่าจะล่าถอยออกห่างแม้เพียงคืบ คิดถึงสุดหัวใจจนไม่อาจควบคุมความหยาบช้าที่กบดานดำดิ่งให้สำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
ไม่เหลือเลยแม้แต่เศษสติจะใคร่ครวญให้ละเอียดว่าหญิงสาวที่นอนนิ่งให้เขาสำรวจร่างตามแต่ใจอยู่นี้ ไม่ใช่ภรรยาที่เขาพร่ำเพรียกร้องหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อยาม แต่กลับเป็นใครบางคน... ที่เขาไม่เคยนึกฝันปรารถนา
และเป็นบุคคลต้องห้ามในเรื่องหยาบช้าเช่นนี้...
“ไม่เจอกันตั้งเกือบเดือน อืม... พี่จะทำให้หงส์เข้าใจ... ความคิดถึงที่พี่มี” ชายหนุ่มกล่าวกระท่อนกระแท่นสลับกับการอมกลืนปทุมถัน หล่อนหายใจแรงจนอกอิ่มกระเพื่อมเป็นจังหวะ อำนวยให้อุ้งปากร้อนผ่าวสำรวจครอบครองได้เต็มที่ มือใหญ่สองข้างที่ลูบคลำไปตามทรวดทรงที่เต็มแน่นของวัยแรกสาว แล้วเคลื่อนมาประกบแล้วนวดเคล้นก้อนเนื้ออวบเต็มกำมือ กระตุ้นกำหนัดป่าเถื่อนให้พุ่งทะยาน สัตตบงกชได้แต่ส่งเสียงอือออที่แทบไม่ได้ยินในขณะที่ถูกกระทำ หากรอดพ้นจากความบัดสีนี้ไม่ได้ หล่อนคงต้องถูกตราบาปสาปแช่งไปชั่วชีวิต
“ที่รัก... คุณสวยไม่มีที่ติ...” ใช่... ทุกอย่างที่เขารู้สึก ทุกสิ่งที่เขากำลังเข้าใจอยู่ในขณะนี้คือจิตสำนึกในส่วนลึกที่มีต่อหญิงสาวอันเป็นที่รัก ไม่ใช่เพราะรู้สึกพิศวาสต่อตัวตนแท้จริงของคนใต้ร่างนี้แม้แต่น้อย
เพียงแต่เขาไม่รู้... เท่านั้นเอง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินอาบเอ่อในขณะที่หล่อนถูกทาบทับจนหนักอึ้งหายใจติดขัด มือของเขาควานคว้าลงไปดึงร่นชายกระโปรงสั้นจนถลกขึ้นถึงไหนต่อไหน แล้วชั้นในสีดำตัวบางก็หลุดลุ่ยออกจากตัว
“!!” หล่อนเจ็บ... และหวาดกลัวเหลือคณา บางอย่างที่แปลกปลอมกำลังกดกระแทกเป็นจังหวะเสียดสีอยู่ตรงหน้าขากลางลำตัว เขาเน้นนาบรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และแทรกสู่ความบอบบางทีละน้อย
‘พี่เดลอย่าทำ ฮือ ๆ พี่หงส์จะเสียใจ...’
สองขาถูกจับผลักให้ออกห่างในขณะที่หล่อนร่ำไห้เหมือนใจจะขาดอยู่นั้น ไม่ได้รู้สึกคล้อยตามไปกับครรลองอารมณ์ของเขาเลยแม้แต่น้อย ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นสูงขนาบกับลำตัวคนเบื้องบนซึ่งเปลือยเปล่า... ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
แล้วความเลวร้ายที่สุดในชีวิตก็กดแทรกเข้ามา หล่อนกรีดร้องอยู่ในใจ แต่น้ำตาไหลปริ่มท่วมเอ่อ เจ็บปวด... แสบระบมทุก ๆ จังหวะการขยับของเขา เสียงทุ้มครางกระหึ่มอยู่เหนือร่างในขณะที่ขยับโยกตัวจนหล่อนไถลไปกับที่นอนทุก ๆ ครั้งตามอารมณ์ของเขาที่ไม่ลดหลั่นลงเลย มีแต่จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกขณะจิต
หล่อนสูญสิ้นทุกอย่างแล้ว... ความดีงาม... ความสาว... ความจงรักภักดีและความเชื่อใจที่มีต่อกันในสายเลือด เขาพรากทุกสิ่งโดยไม่นึกปรานี แล้วต่อไปนี้หล่อนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรกัน
“หงส์... อื้อ!” ความคับแน่นในยามรุกล้ำบีบอัดให้ชายหนุ่มแทบจะบ้าคลั่ง เขายอมรับในความอิ่มเอมนี้โดยไม่มีข้อแม้ ใบหน้าคมกร้านโน้มลงพรมจูบไปทั่วร่างระหง โยกขยับสะเอวสอบไปตามอารมณ์กระสันที่ฉีดพล่านร้อนเร่าอยู่ในตัวครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อจวนเจียนแก่เวลา... เขาก็ดึงตัวสอดแทรกจนจมมิดสิ้นสุดเสน่หา แล้วกอดรัดหล่อนเอาไว้เต็มแรง ก่อนจะขยับสะโพกสอบถี่รัวหนักหน่วงต่อเนื่องแต่ไม่ยาวนานนัก
ก่อนจะปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามอารมณ์...
ฝากฝังความปรารถนาอันเร่าร้อนเอาไว้ในกายหล่อนจนเอ่อล้นแปดเปื้อนผ้าปูที่นอนด้านล่าง ร่างใหญ่เกร็งตัวและฟุบลงหมดแรงคร่อมตัวของหล่อนเอาไว้ เหงื่อกาฬเปียกชื้นผุดพรายไปทั่ว แรงหายใจหอบหนักเป็นจังหวะค่อย ๆ บรรเทาลงในขณะที่สติของหล่อนเริ่มเลือนรางหนักอึ้งลงไปทุกที
แล้วโลกทั้งใบก็ดับมืดลงราวกับบางอย่างกำลังดึงดูดให้หล่อนจมดิ่งสู่ห้วงเหวอันลึกล้ำราวกับว่าความบัดสีวิบัติที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพฝันอันเลวร้าย
จิตสำนึกคร่ำครวญภาวนาว่า ขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริงเลย
"ไสหัวจากบ้านฉันซะ! แล้วไม่ต้องกลับมาอีกที่นี่ไม่ต้อนรับกาลกิณีที่มีเลือดชั่วๆ อย่างเธอ" "พี่อาร์ม...ปล่อยนะคะพี่อาร์มเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันดึกแล้วจะให้จันทร์เจ้าไปไหนคะ" หล่อนรู้ดีว่าเขาพูดจริงทำจริง ใจดวงน้อยแปลบปลาบหวิวเหมือนจะหลุดลอยไปตามแรงลากดึง อุตส่าห์หลบลี้หนีหน้าไม่ออกไปให้เขาเห็นวายยังถูกตามรังควาญจนได้ และที่สำคัญเขากำลังผลักไสหล่อนออกไปทิ้งข้างถนนหน้าบ้าน "อย่ามาเรียกฉันว่าพี่...ฉันไม่เคยคิดจะนับญาตินับเชื้อกับผู้หญิงกาลกิณีอย่างเธอ อย่าคิดว่ามีคุณแม่ให้ท้ายแล้วจะตีเสมอเป็นเจ้าของบ้านคนนึงได้นะ เพราะต่อไปนี้เธอ! ไม่ต้องเข้ามาเหยียบบ้านฉันอีกแล้ว จะไปไหนก็ไป!!!" ปัง! "ว้าย! พี่อาร์ม!!" ร่างเล็กถูกเหวี่ยงจนกระเด็นติดประตูรั้วที่ยังปิดสนิท แล้วยืนเท้าสะเอวทะมึงถึงจ้องหล่อนราวเป็นสัตว์เดรัจฉานน่ารังเกียจนักหนา "ออกไปซะ...ไม่มีเธอสักคนที่นี่คงสงบสุขมากขึ้น อีกหน่อยฉันจะแต่งงานพาเมียมาอยู่ที่นี่! ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องเลี้ยงลูกเมียน้อยอย่างเธอไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไม" พรพระจันทร์น้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ หัวอกของหล่อนแน่นจุกกับคำถาถางด่าทอต่างๆ นาๆ ที่เขาสรรหามาพ่นพูด ชายหนุ่มจะรู้บ้างไหมว่าหล่อนก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้หล่อนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เป็นภาระ เป็นตัวปัญหาของใครหรอก....
"รัก" คำที่ไร้ซึ่งตัวตนไม่สามารถจับต้องได้แต่กลับสร้างความสะท้านสะเทือนให้กับทุกคนที่หลงเข้าสู่ห้วงวังวนนั้น ไม่ได้ต่างจากเธอ หญิงสาวซึ่งถูกลวงล่อผูกมัดให้หลงอยู่กับความงดงามเพริดแพร้วหฤหรรษ์ โดยหารู้ไม่ว่าอีกด้านของมันที่มืดมิดทมิฬและเต็มไปด้วยการทำลายล้างจะเผาผลาญเธอให้เหลือเพียงเถ้าธุลีในวันหนึ่ง... เมื่อปฐมบทแห่งการล้างแค้นเปิดฉากขึ้น ความรักอันสวยหรูหวานล้ำ เสน่หาที่ตรึงใจไว้กับร่างกายซึ่งเคยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกลับกลายเป็นเพียงมายาที่ไร้ซึ่งความความจริงใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวจึงมาเยือน "อรุโณรีย์ วรวงค์นุเดช" หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ เพราะเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถูกชายหนุ่มรูปงามนามทอเลเมียส นิโคไลคัส หลอกใช้เป็นเครื่องมือให้คอยประหัตประหารบิดาของเธอเอง ท่ามกลางความพยาบาทที่ร้อนระอุ แม้แต่เสน่หาที่เคยเพียรป้อนให้กันก็ไม่สามารถดับกระหายความแค้นที่ทับถมอยู่ในใจของชายหนุ่มให้บรรเทาเจือจาง
ผมไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงรักคุณ หัวใจสั่งให้รัก ผมก็รัก ...หรัญย์... ____________ ว่ากันว่า...หากหญิงสาวคนใดได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาว หรือช่อบูเก้ในงานแต่งจะได้สละโสดเป็นคนต่อไป แต่ไม่เคยมีใครบอกหล่อนเลยว่า ผู้หญิงที่รับช่อบูเก้ของหล่อนได้ จะได้ว่าที่ผัวหล่อนไปด้วย!! ชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืน เมื่อเจ้าสาวหม้ายขันหมากอย่างณธิดาต้องหอบหิ้วหัวใจอันบอบช้ำอุ้มขวดเหล้าทั้งชุดเจ้าสาวซัดเซพเนจรหนีอดีตคนรักสุดโฉดที่ไม่โสดอย่างปากว่า เพราะมีทั้งเมียทั้งลูกมาเดินร่อนรื่นในงานแต่งที่หล่อนควรเด่นหรูที่สุด แต่กลับถูกแย่งซีนจนชุดแพงหมดแสงออร่า แล้วใครจะทน! ความเมาและบ้าบิ่นทำให้ณธิดาพบชายรูปงามท่ามกลางแสงดาวแสงเดือนและคลื่นทะเล หล่อนจึงบอกเขาว่าเมาจนความจำเสื่อมเพื่อให้เขาเอ็นดูอุปการะ ตั้งใจหันหลังให้รักครั้งเก่าที่น้ำเน่าจนเหม็นเขียว หลบลี้หนีหน้าผู้คนมาซบอกพ่อค้าผู้น่ากินกว่าลูกชิ้นปิ้งที่เขาขาย แต่กลายเป็นว่าหล่อนกลับถูกเขากิน! นัวๆ และตั้งชื่อใหม่ตามสินค้าหน้าร้านให้ว่า ‘ลูกชิ้น’ หรัญย์เป็นผู้ชายใจดี รักหมารักแมวและรักโลก ที่สำคัญ...เขาชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"