รัก...ไม่มีถูกไม่มีผิด มีแต่รักหรือไม่รัก ความรัก...ไม่ใช่รางวัลของความดี ทำดีหรือไม่ดีไม่ได้มีผลอะไร...เพราะคนไม่รักก็คือไม่รัก ------------- คุณเชื่อในเรื่อง ‘รักแท้’ ไหม เคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีใครสะกดหัวใจของคุณไว้ แค่เพียงครั้งแรกที่เจอในช่วงเวลาสั้นๆ และหวั่นไหวทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องราวประทับใจเหล่านั้น แต่เขาไม่เคยจำ... ผ่านไปเนิ่นนาน... ในวันหนึ่งเมื่อฝันของคุณเป็นจริงขึ้นมา คุณได้อยู่เคียงข้างเขา ได้เป็นของเขา... คุณกลับพบว่าไม่มีอะไรเหมือนอย่างที่วาดฝันเอาไว้เลย ไม่มีเจ้าชาย ไม่มีความดีงามใดๆ ในตัวเขาที่คุณเคยศรัทธา... ทุกๆ วันมีแต่ความเลวร้ายที่คอยบั่นทอนให้จิตใจล่มสลาย ทุกๆ อย่างในตัวคุณไร้ค่าสำหรับเขา คุณไม่เคยได้เป็นคนสำคัญ และไม่มีวันได้เป็น คุณเป็นได้แค่เงาของใครบางคนที่เขาไม่เคยลืม แล้วคุณยังจะรักเขาได้เหมือนเดิมไหม ยังคงคิดว่าเขาคือ ‘รักแท้’ ของคุณหรือเปล่า....
ในค่ำคืนอันมืดมิด เสียงอสุนีบาตคำรามก้องทั่วพื้นปฐพีพร้อมๆ กับสายฝนที่กระหน่ำอย่างไม่หยุดยั้ง ลมพายุย่อมๆ โบกพัดต้นไม้โยกโอนเป็นทิวแถว ภายในบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งแสงไฟจากภายในบ้านยังคงสาดส่องมาด้านนอกแม้จะปาเข้าไปจวนจะตีสามอยู่แล้วแสงไฟนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเพื่อให้เจ้าของบ้านหลบลี้หนีพายุเข้านอนเหมือนบ้านหลังอื่นๆ
“คุณอคิราห์ทำไมยังไม่กลับคะ...ฝนตกหนักเสียด้วย” เสียงหวานปานระฆังแก้วทว่าเต็มไปด้วยความหมองหม่นพร่ำพูดรำพันอยู่อย่างนั้นพร้อมๆ กับเดินวนเวียนไปภายในห้องรับแขก สายตาก็สาดส่องมองด้านนอกหาคนที่กำลังรอคอยด้วยใจจดจ่อ
ความหวังครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะได้ยินเสียงรถของเขาขับเข้ามานั้นมืดมนเหมือนท้องฟ้าและใจเธอยามนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการรอคอยตลอดระยะเวลาสามเดือนที่แต่งงาน การรอสามีกลับบ้านจนดึกดื่นค่อนคืนเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอไปเสียแล้ว หญิงสาวไม่เคยได้สัมผัสเลยว่าการมีชีวิตคู่ที่แสนสุขอย่างคนอื่นๆ เขามันเป็นอย่างไร
“...”เสียงแตรรถดังขึ้นพร้อมๆ กับรถคันหรูที่ขับเข้ามา หญิงสาวที่ดีใจในตอนแรกกลับมองด้วยความสงสัยเพราะรถคันนั้นไม่ใช่คันที่เธอรอคอยแต่กลับเป็นรถที่บ้านแม่สามีของเธอ มันเกิดอะไรขึ้น...หรืออคิราห์จะเป็นอะไรไปเสียงหัวใจเต้นระทึกเท้าน้อยๆ วิ่งออกไปยังหน้าบ้านทันที
“คุณรัญครับ...ช่วยหน่อยครับ คุณคีมเมามากแถมยังเปียกไปทั้งตัวเลยครับ” คนขับรถประจำบ้านเลนเบิร์ครีบเปิดประตูด้านคนขับออกมาขอความช่วยเหลือจากนายหญิงของตน ซึ่งณัฏฐนิชก็ตรงปรี่เข้าไปทันที
ขอบคุณคุณพระที่เขาปลอดภัย “ทำไมเป็นแบบนี้คะลุงรื่น...แล้วรถคุณคีมไปไหนคะ” หญิงสาวเปิดประตูรถด้านข้างก็พบสามีหนุ่มที่นอนสะลึมสะลือไม่ได้สติแถมทั้งตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน มีกลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาเตะจมูกจนต้องเบือนหน้าหนี เสมือนว่าร่างที่เปียกโชกนั้นถูกอาบด้วยเหล้าก็ไม่ปาน
คุณคีมโดนจับข้อหาเมาแล้วขับครับ...แถมยังพูดจาไม่รู้เรื่องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เลยโทร. ไปหาที่บ้านให้รับตัวกลับแล้วยึดรถเอาไว้...ยังดีที่มีตำรวจบางคนรู้จักกันไม่อย่างนั้นคงได้เข้าไปนอนในมุ้งเหล็กกันบ้างล่ะครับ” คนขับรถเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนจะรีบเดินมาช่วยเธอพยุงคนเมาพาเข้าไปในบ้าน
“อาราย...คนจานอน..เอิ๊ก...พาไปหนายเนี่ย” เมื่อถูกลากออกจากรถคนเมาก็ออกอาการพร่ำเพ้อทันที ทั้งสองช่วยกันพยุงร่างสูงใหญ่นั้นขึ้นไปจนถึงชั้นบนตรงไปยังห้องนอนอย่างทุลักทุเล
“อื้อ...ขิง...ขิงอยู่หนาย...มาหาผมหน่อย ผมคิดถึงคุณ...” คำรำพันของสามีทำให้ร่างเล็กหยุดชะงัก นายรื่นคนขับรถเองก็เริ่มทำหน้าไม่ถูกเมื่อนายของตัวเองพูดถึงหญิงสาวคนอื่นต่อหน้านายสาว
“ส่งแค่นี้ก็พอค่ะ...ที่เหลือเดี๋ยวรัญจัดการเองค่ะ” ณัฏฐนิชยิ้มพร้อมกล่าวเสียงอ่อน เธอไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ชีวิตครอบครัวเธอไปมากกว่านี้อีก เท่าที่เป็นอยู่ก็อับอายและเจ็บช้ำเกินจะทนแล้ว
“เอ่อ...ถ้าคุณรัญไหวผมก็ขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะลุงรื่น....ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะคะว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ครับ...ผมขอตัวก่อนครับคุณรัญ” คนขับรถวัยชราปล่อยแขนจากนายหนุ่มให้หญิงสาวประคองแล้วตัวเองก็เดินจากไป
หญิงสาวใช้มือหนึ่งประคองสามีเอาไว้ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปเปิดลูกบิดประตูห้อง ซึ่งเป็นห้องนอนของเขาที่ภรรยาอย่างเธอไม่เคยได้รับสิทธิ์ให้ย่างกรายเข้ามายามเขามีสติสมบูรณ์ และเธอเองก็ไม่ได้อยากเข้ามาสักนิด มือบางเปิดสวิตช์ไฟจนทั้งห้องสว่างจ้าด้วยแสงนีออน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอไม่อยากมองไม่อยากรับรู้ก็ปรากฏขึ้น ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยรูป...ข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของผู้หญิง แต่ไม่ใช่ของเธอ
“อื้อ...ขิง...ขิงอยู่หนาย” คนเมายังเพ้อไม่เลิก คำเรียกหาใครบางคนจากชายหนุ่มยิ่งเป็นการตอกย้ำสถานะว่าคนที่อยู่ในหัวใจของเขาไม่ใช่ภรรยาที่จดทะเบียนอย่างเธอ ณัฏฐนิชพยายามไม่ฟังไม่สนใจ เพ่งเล็งมาที่การพาเขาให้ถึงเตียงนอนนั้นเสียที
ร่างหนาบึกบึนนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนอนของตัวเองโดยมีภรรยาสาวกำลังพยายามถอดเสื้อผ้าที่เปียกปอนออก เพราะกลัวเขาจะเป็นหวัด ปกติแล้วถ้าเขากลับมาและมีสภาพเมามายเธอจะแค่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แล้วปล่อยให้เขานอนไปแต่วันนี้คงทำแค่นั้นไม่ได้ เมื่อเขาเปียกไปทั้งตัวอย่างนี้
ถึงแม้จะเป็นสามีภรรยากันก็ตาม แต่ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาอย่างที่ควรเป็น
เวลาเมาเท่านั้นที่ได้ใกล้กันที่สุด โดยปกติแล้วแม้แต่หน้าเธอเขายังไม่เคยมองด้วยซ้ำ มีแต่ความเฉยชาชิงชังเสียด้วยซ้ำ เมื่อต้องมาแตะเนื้อถูกตัวอย่างนี้ก็ทำเอาหญิงสาวเขินอายจนหน้าแดงการใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดากับเธอนัก ถึงเขาจะเป็นสามี แต่ก็แค่สามีในนาม
แต่การได้ใกล้ชิดผู้ชายที่ร่างเปลือยเปล่าก็เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ...
"ไสหัวจากบ้านฉันซะ! แล้วไม่ต้องกลับมาอีกที่นี่ไม่ต้อนรับกาลกิณีที่มีเลือดชั่วๆ อย่างเธอ" "พี่อาร์ม...ปล่อยนะคะพี่อาร์มเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันดึกแล้วจะให้จันทร์เจ้าไปไหนคะ" หล่อนรู้ดีว่าเขาพูดจริงทำจริง ใจดวงน้อยแปลบปลาบหวิวเหมือนจะหลุดลอยไปตามแรงลากดึง อุตส่าห์หลบลี้หนีหน้าไม่ออกไปให้เขาเห็นวายยังถูกตามรังควาญจนได้ และที่สำคัญเขากำลังผลักไสหล่อนออกไปทิ้งข้างถนนหน้าบ้าน "อย่ามาเรียกฉันว่าพี่...ฉันไม่เคยคิดจะนับญาตินับเชื้อกับผู้หญิงกาลกิณีอย่างเธอ อย่าคิดว่ามีคุณแม่ให้ท้ายแล้วจะตีเสมอเป็นเจ้าของบ้านคนนึงได้นะ เพราะต่อไปนี้เธอ! ไม่ต้องเข้ามาเหยียบบ้านฉันอีกแล้ว จะไปไหนก็ไป!!!" ปัง! "ว้าย! พี่อาร์ม!!" ร่างเล็กถูกเหวี่ยงจนกระเด็นติดประตูรั้วที่ยังปิดสนิท แล้วยืนเท้าสะเอวทะมึงถึงจ้องหล่อนราวเป็นสัตว์เดรัจฉานน่ารังเกียจนักหนา "ออกไปซะ...ไม่มีเธอสักคนที่นี่คงสงบสุขมากขึ้น อีกหน่อยฉันจะแต่งงานพาเมียมาอยู่ที่นี่! ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องเลี้ยงลูกเมียน้อยอย่างเธอไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไม" พรพระจันทร์น้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ หัวอกของหล่อนแน่นจุกกับคำถาถางด่าทอต่างๆ นาๆ ที่เขาสรรหามาพ่นพูด ชายหนุ่มจะรู้บ้างไหมว่าหล่อนก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้หล่อนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เป็นภาระ เป็นตัวปัญหาของใครหรอก....
"รัก" คำที่ไร้ซึ่งตัวตนไม่สามารถจับต้องได้แต่กลับสร้างความสะท้านสะเทือนให้กับทุกคนที่หลงเข้าสู่ห้วงวังวนนั้น ไม่ได้ต่างจากเธอ หญิงสาวซึ่งถูกลวงล่อผูกมัดให้หลงอยู่กับความงดงามเพริดแพร้วหฤหรรษ์ โดยหารู้ไม่ว่าอีกด้านของมันที่มืดมิดทมิฬและเต็มไปด้วยการทำลายล้างจะเผาผลาญเธอให้เหลือเพียงเถ้าธุลีในวันหนึ่ง... เมื่อปฐมบทแห่งการล้างแค้นเปิดฉากขึ้น ความรักอันสวยหรูหวานล้ำ เสน่หาที่ตรึงใจไว้กับร่างกายซึ่งเคยหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกลับกลายเป็นเพียงมายาที่ไร้ซึ่งความความจริงใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวจึงมาเยือน "อรุโณรีย์ วรวงค์นุเดช" หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ เพราะเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถูกชายหนุ่มรูปงามนามทอเลเมียส นิโคไลคัส หลอกใช้เป็นเครื่องมือให้คอยประหัตประหารบิดาของเธอเอง ท่ามกลางความพยาบาทที่ร้อนระอุ แม้แต่เสน่หาที่เคยเพียรป้อนให้กันก็ไม่สามารถดับกระหายความแค้นที่ทับถมอยู่ในใจของชายหนุ่มให้บรรเทาเจือจาง
ผมไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงรักคุณ หัวใจสั่งให้รัก ผมก็รัก ...หรัญย์... ____________ ว่ากันว่า...หากหญิงสาวคนใดได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาว หรือช่อบูเก้ในงานแต่งจะได้สละโสดเป็นคนต่อไป แต่ไม่เคยมีใครบอกหล่อนเลยว่า ผู้หญิงที่รับช่อบูเก้ของหล่อนได้ จะได้ว่าที่ผัวหล่อนไปด้วย!! ชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืน เมื่อเจ้าสาวหม้ายขันหมากอย่างณธิดาต้องหอบหิ้วหัวใจอันบอบช้ำอุ้มขวดเหล้าทั้งชุดเจ้าสาวซัดเซพเนจรหนีอดีตคนรักสุดโฉดที่ไม่โสดอย่างปากว่า เพราะมีทั้งเมียทั้งลูกมาเดินร่อนรื่นในงานแต่งที่หล่อนควรเด่นหรูที่สุด แต่กลับถูกแย่งซีนจนชุดแพงหมดแสงออร่า แล้วใครจะทน! ความเมาและบ้าบิ่นทำให้ณธิดาพบชายรูปงามท่ามกลางแสงดาวแสงเดือนและคลื่นทะเล หล่อนจึงบอกเขาว่าเมาจนความจำเสื่อมเพื่อให้เขาเอ็นดูอุปการะ ตั้งใจหันหลังให้รักครั้งเก่าที่น้ำเน่าจนเหม็นเขียว หลบลี้หนีหน้าผู้คนมาซบอกพ่อค้าผู้น่ากินกว่าลูกชิ้นปิ้งที่เขาขาย แต่กลายเป็นว่าหล่อนกลับถูกเขากิน! นัวๆ และตั้งชื่อใหม่ตามสินค้าหน้าร้านให้ว่า ‘ลูกชิ้น’ หรัญย์เป็นผู้ชายใจดี รักหมารักแมวและรักโลก ที่สำคัญ...เขาชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่