“เขาสั่งให้เธอย้ายเข้ามานอนห้องเดียวเตียงเดียวกับเขาเพราะคุณแม่ของเขาจะได้มีความสุข” เธอ น้ำแข็ง ชะตาชีวิตให้โอกาสกับเธอเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อเล่นและหน้าตาแทบจะเหมือนกันกับเธอได้เสียชีวิตไป ทำให้เธอได้เข้ามาในชีวิตของเขา ไมล์ ผู้ที่มีรักครั้งแรกแต่ชะตาเล่นตลกให้ความรักครั้งแรกของเขาต้องพลัดพรากจากกันอย่างไม่มีทางได้กลับมา น้ำแข็งหลงรักไมล์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ก็เขาทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ ดูดีทุกอิริยาบถ แต่ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขา เธอรู้ว่ามันจะต้องค่อยๆจืดจางไปทีละน้อยอย่างแน่นอน ก็เพราะเขาแสนร้ายกาจกับเธอทุกอย่าง เช่น เขาสั่งให้เธอย้ายเข้ามานอนห้องเดียวเตียงเดียวกับเขาเพราะคุณแม่ของเขาจะได้มีความสุข หน้าที่เดียวของเธอคือทำตามที่เขาสั่งเพื่อทดแทนบุญคุณที่แม่เขามีต่อเธอ สำหรับเขาแล้วเธอก็เป็นเพียงเงา เงาของเธอคนนั้น คนที่เขาไม่มีโอกาสได้ครอบครอง แล้วเธอ น้ำแข็ง คนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ใครเล่าจะเป็นวีรบุรุษดึงเธอมาพบกับแสง จะเป็นเขาได้มั้ย? คนที่ตรึงเธอไว้แค่เป็นเพียงเงา
ตึก ตัก ตึก ตัก
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นกระเบื้องในโรงพยาบาล
ไมล์ เร่งฝีเท้าการก้าวขยับ ปลายทางหน้าห้องไอซียู ...
"น้ำแข็ง..." เสียงเรียกสั่นเครือของไมล์ เขารีบเร่งเดินทางมาทันทีที่ได้รับแจ้งข่าว ข่าวที่ทำให้ ไมล์แทบเสียสติ กับสิ่งที่น้ำแข็งต้องประสบ หน้าห้องไอซียู มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ ไมล์หันกลับและยกมือทำความเคารพ "สวัสดีครับคุณพ่อ" ประกอบ พ่อบังเกิดเกล้าของ น้ำแข็ง ปติมา สินทรัพย์นคร พ่อลูกที่มีกันแค่สองคน ไมล์มองประกอบที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยอะไร น้ำแข็งถูกทำร้าย มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเขาไปกับเธอด้วย
ไมล์ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ถัดจากประกอบไปสองตัว ศีรษะแหงนพิงกำแพงด้านหลัง หลับตา เขาไม่ได้ภาวนาขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ แต่เขากำลังระงับความเจ็บปวดในใจ...
"ไมล์ รีบมาก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ลา" คำพูดที่ประกอบบอกเขาทางโทรศัพท์ หมอออกมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ ตอนนั้นไมล์ยังมาไม่ถึง
"ผม อยากให้ญาติ ทำใจครับ ผู้ป่วยอดทนมาก แต่ร่างกายของเธออดทนรับต่ออาการบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ไม่ได้นานครับ ร่างกายเธอเสียหายทั้งจากการถูกทำร้ายและถูกรถชน"
ผลั๊ก เสียงประตูถูกเปิดอีกครั้ง สองคนลุกขึ้นทันที สีหน้าและแววตาของหมอไม่ค่อยสู้ดีนัก
"หมอ เสียใจครับ..." ประกอบหลับตาแน่น ไมล์แทบยืนด้วยขาไม่อยู่ เขาถลาเซถอยหลังอย่างคนสิ้นหวัง
"เชิญญาติค่ะ..." เสียงพยาบาลเรียกสติของทั้งสอง
"คุณน้ำแข็ง ผมขออนุญาตเรียกชื่อเล่นเธอนะครับ คุณน้ำแข็งอยากกล่าวลาคุณทั้งสอง เธออดทนมาก ใจสู้มากครับ " ไมล์และประกอบเดินตามพยาบาลเข้าไปอย่างคนสิ้นหวัง
...สามเดือนต่อมา
ไมล์ยืนมองภาพหญิงสาวที่ยังอยู่ในหัวใจเขาไม่เคยจืดจาง สามเดือนแล้วที่น้ำแข็งจากไป เธอไม่ได้เรียนจบพร้อมเขา วันนี้ไมล์กำลังจะเดินทางไปอังกฤษ ไปเรียนต่อ ตามความต้องการของแม่ ที่ต้องการให้เขาไปปรับตัวปรับใจที่นั่น
"จะเดินทางวันนี้เหรอ โยมไมล์" ไมล์หันไปและคุกเข่าลงกับพื้น ก้มกราบพระสงฆ์ คุณพ่อประกอบท่านบวชมาได้เกือบสองเดือนแล้ว หลังจากจัดการเคลียเรื่องทางโลกทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย
"ครับ หลวงพ่อ"
"ดีแล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่นะ คิดเสียว่าน้ำแข็งเขาพ้นทุกข์ไปแล้ว เราต่างหากที่ยังมีสิ่งที่ต้องทำ" ไมล์แค่ฟัง ผ่านมาสามเดือนแล้ว เขายังทำอย่างที่หลวงพ่อว่าไม่ได้เลย โดยที่เขาไม่แน่ใจว่า เขาอยากทำจริงๆเหรอเปล่า เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มี น้ำแข็ง
"ผมจะพยายามครับ" ประกอบในชุดผ้าเหลือง มองชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มและดวงตาแห่งความเมตตา ไมล์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ตั้งแต่ที่ น้ำแข็งจากไป วัดแห่งนี้ ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ของไมล์ คือ บริเวณโกศของน้ำแข็งที่เขาคอยดูแลทำความสะอาดตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
"โยมไมล์ น้ำแข็งจากไปแล้ว ไม่รับรู้เรื่องทางโลกอีกแล้ว เริ่มต้นใหม่กับชีวิต โยมยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของลูก หน้าที่ที่มีต่อคนที่รักและเป็นห่วงโยม" ไมล์ก้มลงกราบลาหลวงพ่ออีกครั้ง กล่าวขอบคุณ ท่านที่ตลอดสองสามเดือนมานี้ ให้ความเมตตาเขามาก
ไมล์เดินจากไป จนลับสายตา หลวงพ่อที่ได้แต่ส่งคำอวยพรทางธรรมติดตามเขาไป หวังให้เขาปล่อยวาง ปล่อยน้ำแข็งไป และเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ได้ในเร็ววัน
สี่ปีต่อมา....
"มันจะไม่กลับใช่มั้ย?" คุณตาเอกพจน์ เสียงกังวาล ตามอารมณ์ เมื่อคิดถึงหลานชายที่จากไปนานสี่ปีแล้ว
ศศิกานต์ต้องขยับเข้าไปหา กลัวว่าความดันของคุณพ่อจะขึ้นมากไปจนเป็นอันตราย
"ขอ ศศิ คุยกับตาไมล์ก่อนนะคะคุณพ่อ...คุณพ่ออย่าโกรธเลยนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะคะ"
"ความเสียใจ ฉันก็เข้าใจ แต่ช่วยบอกมันทีว่า ไม่ใช่มีแต่มัน ที่ต้องเจอความสูญเสีย...ถ้ามันไม่กลับมาดูแลมรดกของมันเอง ฉันจะยกให้นับแสนกับน้ำแข็งให้หมดสิ้นเรื่องสิ้นราวไป" ศศิกานต์ยิ้มให้กับคำประชดประชันของเอกพจน์ ท่านก็พูดแบบนี้มาตลอดสองปีแล้ว ทางโน้นก็ไม่สนใจ ไมล์ไม่สนใจเรื่องมรดกของเธอและของคุณตา ถ้าต้องการให้ไมล์กลับเมืองไทย คงต้องหาเหตุผลอื่น
รวมเรื่องสั้น_เรื่องราวความรัก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ -- เมื่อเขาต้องการ -- มายผู้ที่ไม่เคยปฎิเสธยามเมื่อคุณอาหนุ่มต้องการ ซึ่งเธอไม่ปฎิเสธเขาอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม เสแสร้งแกล้งเล่นตัวทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เหลือความสดใหม่ให้ค้นหาอีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงร่วมมือกับเขาอย่างเร้าร้อนในทุกที่ทุกเวลา ‘เมื่อเขาต้องการ’ -- ชนท้องน้องสาว -- หากน้องสาวที่ผมหวังจะท้องชนกัน กำลังจะมีความรักกับผู้ชายคนอื่น...คุณจะทำอย่างไร? -- ค่าคุ้มครองมาเฟีย -- กานต์ จะว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มก็ได้ ชายหนุ่มวัยขบเผาะก็ไม่ผิด เมื่อเขากลายเป็นค่าตอบแทนชดเชยการล้างแค้น อันแสนเร้าใจ ให้กับ คุณเชอร์รี่ พี่สาวที่มักจะปรากฎตัวในชุดรัดรูปอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง ต่อหน้าเขา... เอือก!...เสียงลูกกระเดือกขยับเมื่อกานต์พยายามกลืนน้ำลายไม่ให้ไหลออกมา -- ผู้ชายแพร่พันธุ์ -- “หากภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 5 ปี บอกกับคุณว่า จะให้คุณทำกับผู้หญิงอื่น เพื่อมีลูกให้กับเธอ...คุณจะทำอย่างไร?
...ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! 🌼 🌼 🌼 ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันมาก่อน มันไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้นแต่มันค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงต่างหาก ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! ปิ้ง! นั่งอยู่แบบนี้นานแค่ไหนเธอแทบไม่รู้ตัวจนมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ ‘พี่จะออกไปข้างนอก อยากได้อะไรอยากกินอะไรส่งข้อความมานะ’ ลำธารมองประโยคที่ปรากฎบนหน้าจอด้วยใบหน้าซีดเผือก ‘...ส่งข้อความมานะ’ ไม่มีช่องโหว่ตรงไหนให้เธอได้มีความหวังเลยว่าเขาจะชวนเธอไปด้วย “พี่หัสพาลำธารไปด้วย” หญิงสาวพร่ำเพ้อเพียงลำพัง แม้ได้ไปแล้วจะต้องเจ็บปวดยามที่ต้องเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าเธอได้ไปด้วยช่วงกลับเวลาตรงนั้นก็จะเป็นของเธอกับเขาเพียงลำพังสักนิดก็ยังดี แต่เธอก็ได้แต่หลับตาและเอาความต้องการนี้ไปยังความฝัน
พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond of Love - Wedding] #รุ่งอรุโณทัย เขาเรโนลต์ที่ต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียวตามคำสั่งพ่อ ซึ่งทำให้เขาต้องเสียทั้งเงินและเสียสถานะโสด เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางที่จะต้องแต่งเมียคนนี้แล้วเอาขึ้นหิ้งบูชาเป็นแน่ พ่อจะจัดหนักให้อย่างไม่แทงกั๊กในทุกๆ ทั้งเรื่องXXXทั้งแสวงหาผลประโยชน์จากเมียที่ได้มาจากวิวาห์จำเป็นคนนี้เท่าทบทวีเงินที่เขาต้องลงทุนจ่ายไปไม่น้อยคืนมาจนครบพร้อมดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย... คำโปรย:: … เรโนลต์ เงียบ! เขาประธานผู้มากด้วยอำนาจ เพียบพร้อมไปด้วยรูปร่างหน้าตาที่สามารถขึ้นแท่นสามีแห่งชาติได้อย่างไร้ข้อกังขา ฐานะการเงินแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงอสังหาริมทรัพย์กับรถสามคันและเงินเดือนแต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ในหมู่สาวๆ และเหล่าไก่วัดที่เต็มใจให้สมภารอย่างเขากัดแทะเล่นเป็นครั้งคราว คนโสดทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดไม่ผิด แต่จากคำพูดล่าสุดของคุณพ่อไม่กี่คำ เขาที่เป็นฝ่ายกระดิกนิ้วเรียกสาวๆ กลายมาเป็นคนที่ถูกกระดิกนิ้วเรียกไปแล้วอย่างงั้นเหรอ “เธอเป็นหม่อมเจ้าหรือครับ...ผมหมายถึงว่าที่สะใภ้นะครับ” เขาขยายความเมื่อจู่ๆ เขาเงียบไปนานและเอ่ยขึ้นมาคุณพ่อจึงมุ่นคิ้วไม่เข้าใจในตอนแรก คุณอำพลส่ายหน้า “นางสาวธรรมดา” “เธอเป็นลูกนักการเมืองใหญ่หรือเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้ทรงอิทธิพล” เรโนลต์ยังพยายามต่อ “คุณอำพลส่ายหน้า “กำพร้า” … เรโนลต์ เงียบ! “เป็นผู้มีพระคุณของคุณพ่อ” เรโนลต์ไม่ละความพยายาม “แกดูละครมากไปมั้ย” … เรโนลต์ เงียบ! ======================= SET : Bond Of Love พันธะรักโดยไม่ตั้ง [Bond Of Love - Accidence] พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond Of Love - Wedding] พันธะรักราคีแค้น [Bond Of Love - Revenge]
“ถอยไปนะ!!!” “ไม่สู้แล้วเหรอ” น้ำใสกำปมผ้าขนหนูไว้แน่น ดวงตากลมจดจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาของเขาเขม็ง แม้ตัวเองจะเสียเปรียบแต่เธอไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ “จะเอายังไง” “นั่นสินะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าอย่างเราสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน...ใครกันนะที่บอกรักกันได้ทุกเวลา...ไม่อายปากบ้างเหรอ” คำเย้ยหยันที่ถูกพ่นออกมามันไม่ได้แค่ทำร้ายจิตใจคนฟังเพียงฝ่ายเดียว ในทางตรงข้ามคนพูดน่าจะอาการสาหัสยิ่งกว่า “แล้วไง! คุณก็เหมือนของกินมีใครบ้างที่กินของเดิมซ้ำๆกันทุกวัน คำแรกมันก็ชื่นมื่นน่าลิ้มลองเป็นธรรมดา คำที่สองก็ยังน่าพิสมัย แต่คำต่อๆไปใครจะยังกลืนมันลงละในเมื่อรู้รสชาติแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ต้องหารสชาติใหม่ๆมาลอง...ใช่มั้ย” แววตาของเอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนไป สีหน้าและแววตาของน้ำใสมันช่างเข้าได้กับคำพูดของเธอเสียจริง นี่เขาเกิดหวั่นไหวใช่เหรอเปล่าว่าเธอคิดอย่างที่พูดจริงๆ ความเบื่อหน่ายอย่างงั้นเหรอ... “ได้!!! ในเมื่อเธอเบื่อรสชาติที่ฉันอุตส่าห์ปรุงแต่งมันเพื่อเธอคนเดียว งั้นลองรสชาติใหม่ก็...แล้ว...กัน!” อร้ายยยย!!! น้ำใสร้องดังลั่นเมื่อเอ็ดเวิร์ดกระชากผ้าขนหนูออกจากการปกป้องเรือนกายเปลือย ควับ!!! แรงเขากับแรงเธอมันเทียบกันไม่ได้หรอก ควับ!!! และอีกผืนที่หลุดล่วงไปคือของเขา สองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดกัน เมื่อน้ำใสพยายามจะหนีให้พ้นจากรัศมีไอร้อนของร่างกายเขาที่พวยพุ่งออกมากระทบพื้นผิวเนียนของเธอ
“พามาที่นี่ทำไม” “กินมื้อเช้า” ณิชาเบิกตากว้างมองเขา นี่เขาไปรับเธอมากินมื้อเช้า ดวงตากลมมองนาฬิกาด้านหน้ารถ และหันกลับมามองเขา เขาอยู่ในชุดกึ่งสูท เป็นทางการมาก โอ้! นี่เขาอายุเท่าไหร่กัน ปกติเขาตื่นกี่โมงกัน เพราะตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า “ปกติคุณตื่นกี่โมง” “ตีห้าเป็นประจำทุกวัน” “ทุกวันเลยเหรอ” ภีมะพยักหน้า “แล้วนอนกี่โมง” “ก็แล้วแต่...อยากรู้ไปทำไม” “สงสัยบ้างไม่ได้เหรอ...” พวกเขาแปลกหรือเปล่านะ พี่เหนือก็เป็นคนตื่นเช้าเช่นกัน “คุณออกกำลังตอนเช้าทุกวันเลยใช่มั้ยคะ” ภีมะพยักหน้าอีกครั้ง “คนในตระกูลเราไม่สอนให้ลูกหลานนอนตื่นสาย...แต่สะใภ้อย่างเธอฉันจะให้เวลาค่อยๆปรับตัว”
ฉันเป็น ขวัญชนก วงศ์ษา ตั้งแต่อายุ 1 วัน ถึง อายุ 18 ปี 1 วัน อายุ 18 ปี 2 วัน ฉันเป็น ขวัญชนก ฟง เขาคือ ดีแลน ฟง อายุอานามก็ 30 ปี ชายร่างสูงเมื่อสามปีก่อน ปัจจุบันเขาคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอย้ำว่าถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น คำโปรย : “ห้าแสน!” “เจ็ดแสน!” เสียงประมูลราคาจากคนด้านล่างเวทีดังแข่งกัน “หนึ่งล้าน” การประมูลยังคงดำเนินกันต่อไปเรื่อยๆ ขวัญชนก สาวน้อยวัยใสวัยย่างสิบเก้าสอดส่ายสายตามองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า “หนึ่งล้านสองแสน” เอาสิ! ถ้าเขาไม่มา เธอก็...ขวัญชนกยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ กระตุ้นราคาประมูลจนสูงลิ่วถึงสองล้าน “สองล้านครั้งที่หนึ่ง...” ในมุมมืดชายร่างสูงยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง เมื่อเห็นดวงตากลมโตแสดงความหวาดหวั่นในที่สุด “ห้าล้าน!” ก่อนที่ราคาสองล้านจะถูกเคาะครั้งที่สาม เสียงบอกราคาใหม่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในงาน แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้หญิงสาวบนเวที เธอไม่เคยลืมเสียงของเขา “ชนะแล้ว” ขวัญคิดในใจ “ห้าล้านครั้งที่สาม...ขาย!”
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"