นิรดาเคยมีคนเตือนเธอไว้แล้วว่า เธออย่าคิดที่จะเอาร่างกายเข้าแลกกับเงินตราและการแก้แค้นแทนพี่ชาย เพราะสุดท้ายเธอจะไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความเสียใจ หรือเป็นฝ่ายหลงรักซาตานหนุ่มอย่างหมดหัวใจเสียเอง
“ตะวันเรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก แม่อยากให้ลูกลองคิดทบทวนอีกสักครั้งได้ไหม”
ชม้อยไม่ชอบว่าที่ลูกสะใภ้เสียเท่าไหร่ถึงแม้จะไม่เคยเจอกันแต่ก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาขัดลูกชาย “ผมตัดสินใจมาดีแล้วครับคุณแม่ เราสองคนอาจจะคบกันได้ไม่นานแต่เรามั่นใจว่าเราทั้งคู่รักกันมากพอที่จะร่วมสร้างครอบครัว คุณแม่เชื่อใจผมนะครับ” ตะวันโอบกอดมารดาอย่างเอาใจ ตั้งแต่บิดาจากไปครอบครัวชัฏพนาลีก็มีกันอยู่เพียงแค่สามคนแม่ลูก ชม้อยดูแลธุรกิจต่อจากสามีและทำมันได้ดีจนฐานะร่ำรวยส่งลูก ๆ ทั้งสองคนให้ได้เรียนต่อต่างประเทศอย่างที่ลูก ๆ ต้องการ ทุกการตัดสินใจในทุกเรื่องชม้อยจึงเป็นใหญ่ที่สุด “ในเมื่อแม่ห้ามลูกแล้วลูกไม่ฟังก็คงต้องยอมแต่...คงไม่ใช่แต่งภายในปีนี้นะแม่ขอเป็นคนไปดูฤกษ์เอง” “ได้เลยครับแค่เราสองคนได้แต่งงานกัน ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว” คนเป็นแม่ยืดเวลาเพื่อหวังว่างานแต่งงานครั้งนี้จะถูกล้มเลิกก่อนที่วันแต่งงานจะมาถึงเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของลูก ๆ เธอที่อยากแต่งงานแต่ทุกครั้งสุดท้ายก็มีอันต้องยกเลิกก่อนพอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาชม้อยก็อดคิดถึงลูกสาวไม่ได้เพราะเมื่อสองปีที่แล้วรุจิรามาปรึกษาเธอเรื่องจะแต่งงานแต่ยังไม่ทันได้แต่งว่าที่เจ้าบ่าวก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อน “ฟ้ากลับมาบ้านบ้างสิลูก แม่กับตะวันอยากกินข้าวเย็นพร้อมหน้ากัน” คนเป็นแม่ทนคิดถึงลูกสาวไม่ไหวจึงตัดสินใจโทรศัพท์หา ตั้งแต่แฟนหนุ่มจากไป ฟ้าก็ย้ายตัวเองไปเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เชียงใหม่ปิดตัวเองจากสังคมชั้นสูงเก็บตัวเงียบนาน ๆ ทีถึงจะกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ของครอบครัว “คุณแม่ฟ้าขอเวลาสักพักนะคะตอนนี้เพิ่งเปิดสาขาใหม่ไว้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจะรีบบินไปเลยนะคะ” คำตอบที่ได้ไม่ได้ทำให้คนคิดถึงแปลกใจอะไรเพราะมันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ชม้อยไม่ค่อยได้รู้เรื่องส่วนตัวของลูกสาวเพราะรุจิราเป็นผู้หญิงที่โลกส่วนตัวสูง วันที่ลูกสาวพาชายหนุ่มมาแนะนำให้ชม้อยรู้จักและบอกว่าเขาคือคนที่เธอจะแต่งงานด้วยวันนั้นชม้อยตกใจมากและพยายามยืดเวลาเหมือนครั้งนี้ที่ตะวันอยากแต่งงานแต่ยังไม่ทันจะได้รู้จักอนาคตลูกเขยก็ได้ข่าวอีกทีว่าเขาเสียชีวิตแล้ว รุจิราไม่ยอมให้คนในครอบครัวไปงานศพของคนรักและนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นหญิงสาวก็ย้ายไปอยู่เชียงใหม่และแทบจะไม่กลับมาบ้านอีกเลย ตะวันลูกชายเพียงคนเดียวดูแลและอยู่เคียงข้างมารดามาตลอดสองปีที่ครอบครัวของเขาเหมือนเหลือกันแค่สองคน ชม้อยจึงรักและหวงลูกชายคนนี้มากจึงเป็นสาเหตุให้การแต่งงานของตะวันต้องพังก่อนทุกครั้งเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนทนกับแม่คนรักที่แสนจะร้ายอย่างชม้อยได้เลยสักคน “คุณคะฉันไม่อยากเสียลูกไปอีกคน วันนี้ตะวันมาขอจะแต่งงานอีกแล้วค่ะ มันผิดใช่ไหมที่ฉันทำลายความรักของลูกแต่ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวงานแต่งงานจะต้องไม่เกิดขึ้น” ชม้อยคุยกับรูปของสามีที่ติดอยู่ที่ผนังห้องนอนเพราะตอนนี้เธอกำลังคิดวิธีที่จะทำให้อนาคตลูกสะใภ้ทนไม่ได้และทิ้งลูกชายของเธอไปเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา ตะวันรู้สึกโล่งใจที่ได้บอกกับมารดาเรื่องที่เขาจะแต่งงานจึงรีบขับรถมาหาแฟนสาวที่เขาเพิ่งคบหาได้ไม่ถึงปี “วันนี้พี่ตะวันมีอะไรหรือเปล่าคะตั้งแต่มาถึงเอาแต่มองหน้าทรายยิ้มไปยิ้มมาอยู่คนเดียวแบบนี้” นิรดาหรือทรายเป็นคนรักของตะวัน หญิงสาวเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นานพอกลับมาถึงก็พบรักกับชายหนุ่มทันที “ถ้าพี่บอกรับรองว่าทรายต้องดีใจและอาจจะยิ้มมากกว่าพี่ก็ได้นะ”
เมื่อความรักมันบังตาอารมณ์หึงก็เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเพียงค่ำคืนเดียวที่กวีท่านประธานหนุ่มมองเห็นนักศึกษาฝึกงานที่เขาหลงรักเดินเคียงคู่มากับชายอื่นเขาก็ตัดสินใจมอบความเป็นสามีให้เธอ บัวชมพูอยากจะหนีไปให้ไกลจากคนใจร้าย...แต่เขาดีกับเธอทุกอย่างหนี้บุญคุณครั้งนี้เธอคงไม่มีทางตอบแทนได้หมด ความรักเริ่มก่อตัวขึ้นแต่ทุกอย่างกลับต้องพังลงเมื่อความจริงบางอย่างปรากฏในวันเดียวกับที่เธอรู้ตัวว่ากำลังอุ้มท้องสายเลือดของท่านประธานอยู่ V V V “กล้าทำแบบนี้ในที่ทำงานไม่กลัวว่าใครจะเห็นแล้วเอาไปฟ้องคุณแม่และผู้หญิงที่มากับท่านวันนั้นหรือคะ” บัวชมพูมองจ้องหน้าแบบท้าทายในเมื่อวันนี้เขาดูถูกเธอ กล่าวหาว่าเธอกำลังนอกใจไปมีคนอื่น หญิงสาวก็อยากจะแสดงให้เขารู้เหมือนกันว่าเขาเองก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าเธอ “ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้นไม่ว่าผมจะนอนกับใครมันก็สิทธิ์ของผม ใครอยู่ได้ก็อยู่ ใครอยู่ไม่ได้ก็ไปแต่สำหรับคุณ..อย่าลืมที่คุณเคยบอกว่าอยากตอบแทนในสิ่งที่ผมทำให้ถ้าอยากเป็นคนอกตัญญูก็แค่เก็บเสื้อผ้าแล้วไปจากผมก็เท่านั้น” กวีรู้ดีว่าคำขู่นี้ยังได้ผลเพราะครอบครัวของบัวชมพูยังคงต้องการความช่วยเหลือจากเขาซึ่งนับจากวันนั้นวันที่กวีเดินทางไปเยี่ยมแม่ของหญิงสาวที่บ้าน พ่อของบัวชมพูก็พูดคุยติดต่อธุระกับกวีด้วยตัวเองโดยที่ไม่ผ่านลูกสาวอีกเลยบัวชมพูอยากจะห้ามพ่อ แต่เธอก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลข้อไหนจึงทำได้แค่ใช้ร่างกายและหัวใจของตัวเองในการตอบแทนทุกอย่างที่กวีทำให้กับครอบครัวของเธอ V v
ภูริดล นักธุรกิจหนุ่ม เขาทำทุกอย่างไม่เคยมีคำว่าไม่สำเร็จยกเว้นเรื่องเดียวคือการมีครอบครัวที่มีความสุขตามที่บิดาต้องการเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา พิรฎา สาวน้อยที่ต้องการมีชีวิตอิสระหลุดพ้นจากครอบครัวที่เธอไม่เคยมองว่ามันอบอุ่นและเธอก็ตัดสินใจเดินออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการยอมเซ็นสัญญาเป็นภรรยารับจ้าง *************** “ปิดไฟได้แล้ว” คนหล่อร่างใหญ่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเจ้าชู้จนคนถูกมองถึงกับอายต้องหลบสายตาทันที “คุณง่วงก็นอนไปก่อนเลยฉันยังไม่ง่วงว่าจะนั่งทำอะไรเพลินๆ” หญิงสาวพยายามหาเรื่องมาถ่วงเวลาเพราะเธอรู้ว่าหลังจากที่ไฟในห้องถูกปิดลงทุกดวงอะไรจะเกิดขึ้นและถึงเวลานั้นเธอก็คงทำได้แค่เพียงยอมเขาเท่านั้น “ปล่อยค่ะคุณดล พิมพ์ว่าเราอย่าเพิ่ง...” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจเมื่อถูกอีกฝ่ายลุกขึ้นจากเตียงนอนมาอุ้มร่างของเธอและโยนลงบนที่นอนก่อนที่เขาจะเอาตัวเองมาค่อมร่างเล็กของเธอไว้พร้อมกับขึงมือทั้งสองข้างของเธอไว้เหนือศีรษะ ******************* “สัญญามันควรจะจบในเมื่อคุณก็ได้ฉันเป็นเมียแล้ว” หญิงสาวในชุดนอนสายเดี่ยวผ้าเบาหวิวกำลังยื้อแย่งกระดาษสัญญาจากมือของชายหนุ่มที่นุ่งเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “เด็กก็คือเด็กตอนที่เซ็นไม่เคยคิดจะอ่านทุกอย่างให้ละเอียดอยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมสัญญาฉบับนี้ยังต้องมีต่อไป เอาไปอ่าน อ่านให้ดีและหวังว่าจะตาสว่างขึ้นอย่าโวยวายอะไรในสิ่งที่ตัวเองเซ็นไปแล้ว” พิรฎารีบรับสัญญาจากมือของอีกฝ่ายมาอย่างรีบรอน หญิงสาวกวาดสายตาอ่านอย่างละเอียดหัวใจของเธอแทบจะหลุดลงมากองอยู่ที่พื้นเมื่อความจริงคือนอกจากเธอจะต้องเป็นภรรยารับจ้างของเขาแล้วเธอยังจะต้องอุ้มท้องและคลอดลูกของเขาให้สำเร็จสัญญาฉบับนี้ถึงจะเป็นอันสิ้นสุดโดยที่ตัวเธอเองจะไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวเด็กน้อยที่เกิดมา *************************** ความรักเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มารู้อีกที อีกฝ่ายก็ท้องแล้วทำไงดีล่ะทีนี้ในเมื่อไม่มีใครอยากให้สัญญาสิ้นสุดอยากให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้ตลอดชีวิตแต่ความจริงบางอย่างที่ภูริดลไม่เคยได้รับรู้มันทำให้ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันหญิงสาวที่เขานอนกอดทุกคืนมีอะไรบ้างที่เธอโกหกและอะไรบ้างที่เป็นความจริง ฝากติดตามความรักของชายจอมดุกับสาวจอมเถียงด้วยนะคะ เช้าตรู่ฤดูหนาว
เขาต้องการมีลูกแต่ไม่ต้องการมีครอบครัว การมีภรรยาเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับเขา ความรักนำมาแต่ความทุกข์ และไม่เคยทำให้ใครได้รู้จักความสุขที่แท้จริง ภาคินถูกมารดาใส่ความคิดนี้มาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะพ่อของเขาทิ้งครอบครัวไปแต่งงานใหม่ทำให้แม่ต้องสู้ทนเลี้ยงเขามาด้วยความลำบาก แต่…. วันนี้มารดาของเขากลับยื่นคำขาดต้องการทายาทสืบสกุลด้วยอาการป่วยของผกาทำให้เธอตัดสินใจให้ลูกชายเร่งผลิตทายาทให้ได้ก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป แล้ว.. ขนมผิงสาวน้อยตกงานเธอไม่มีทางเลือกเท่าไหร่เพราะพ่อของเธอกำลังป่วยหนักต้องการใช้เงินในการรักษาเธอจึงยอมเซ็นสัญญาทั้งที่มันสุดแสนจะเจ็บปวดหัวใจ ***เป็นแม่ของลูกให้เขาที่ไม่ใช่ภรรยาและไม่มีสิทธิ์เป็นกระทั่งคนรัก*** */* รักหวาน ๆ โรแมนติกกับบรรยากาศของสะปันฝากติดตามกันด้วยนะคะ*/* .....เทพพิสุทธิ์...
**กินเด็กเขาว่าอมตะ** เธอหนีจากไฟที่แผดเผามาซบอกกว้างที่แสนอบอุ่น ความรักที่เกิดขึ้นตั้งแต่ค่ำคืนแรก ทุกอย่างมันควรจะจบลงแค่นั้น.....ทว่าสัมผัสรักที่ทั้งคู่มอบให้แก่กันมันมีความสุขเกินกว่าจะตัดใจ ********* “อืม...แดน” ใบหน้าที่คมภายใต้ผิวขาวค่อย ๆ ใช้ปลายลิ้นเลื่อนต่ำลงมาก่อนที่เขาจะจัดการกับเสื้อตัวบางที่ขวางกั้นเส้นทางที่เขาจะได้ใช้สองมือสัมผัสกับเนื้อนุ่มของอกอิ่มของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้มในที่สุดอาภรณ์ทั้งส่วนบนและส่วนล่างก็ถูกถอดกองไว้ข้าง ๆ ก่อนที่แดนไตรจะสาละวนกับยอดที่ชูช่อแข็งตั้งรับสัมผัสของลิ้นอุ่นแสนหวานของเขา */* */* */* ความรักครั้งใหม่ทำให้เธอตัดสินใจที่จะเดินออกจากความเจ็บปวด.....ทุกอย่างกำลังจะลงเอยด้วยดี...ถ้าชายหนุ่มที่เธอหวังให้เป็นที่พักใจสุดท้ายเขาไม่ใช่ลูกชายของศัตรูอดีตสามีเธอ จบ Happy นะคะ ปะหนัน
ชายคนเก่าในร่างใหม่ เขากลับมาเพื่อลองใจเธอ การพิสูจน์หัวใจของหญิงสาวมันอาจเป็นการมองหารักแท้สำหรับปองภพ แต่สำหรับดาวิกามันคือความหลอกลวงและทำร้ายหัวใจของคนที่รอเขามาถึง5 ปี ************** “สาแก่ใจแล้วหรือยังกับแผนการพิสูจน์รักแท้ของพี่ แต่สำหรับดามันคือการดูถูก ถึงดาจะจนแต่ก็ไม่ได้กระหายความรวยจนลืมฟังเสียงหัวใจ เสียแรงที่รู้จักกันมาเกือบสิบปี พี่มันก็แค่ผู้ชายที่รักแต่ตัวเอง” ปองภพยืนฟังดาวิกาต่อว่าเขาจนจบ เขายอมรับทุกคำด่าทอของหญิงสาว “ใช่พี่เห็นแก่ตัว พี่คิดแต่ในมุมของตัวเอง ถูกแล้วที่ดาจะโกรธพี่แต่ขอร้องอย่าเกลียดพี่ได้ไหม พี่พร้อมจะทำตามข้อเสนอของดาทุกอย่างที่พูดบนเวที แล้วเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าผู้ชายคนนี้ใช่พี่ภพคนเดิมไหม” หญิงสาวกำมือแน่น มองสบตาคนรักด้วยดวงตาที่แดงกร่ำ น้ำใส ๆ ไหลคลอตาแต่หญิงแกร่งอย่างดาวิกาไม่มีทางร้องไห้ต่อหน้าใครแน่ ๆ “โอกาสมีแค่ครั้งเดียว ถ้าทำมันไม่ได้ ก็อย่าใช้คำว่าขอโทษเลย เพราะมันคงไม่ใช่ความพลั้งพลาดแต่มันคงเป็นสันดานลึก ๆ ที่เพิ่งแสดงออกมา” ***เมื่อได้รับโอกาส ก็อยู่ที่ตัวเองแล้ว ว่าจะรักษามันไว้หรือปล่อยรักให้หลุดมือไป**** /*/ความเผ็ดเราก็มี ความหวานเราก็เยอะ ฝากผลงานของปะหนันด้วยนะคะ/*/
เหมันต์เจ้าของไร่ชาที่รักในชีวิตโสดเป็นที่สุดแต่กลับดันมามีใจให้กับลูกสาวเพื่อนแม่ ที่รักการทำขนมมากที่สุดในชีวิต แต่เขาก็เลือกที่จะปากแข็งและทำทุกอย่างตรงข้ามหัวใจ ******************************************** ความรักที่ไม่ชัดเจน ก็ไม่มีค่าพอที่รั้งอีกฝ่ายให้อยู่ได้ ถ้ารักเป็นเพียงแค่คำพูดแต่มันไม่เคยถูกแสดงผ่านการกระทำ ***************** “เอาไงเอากันวะ ต้องคุยให้รู้เรื่อง ดูสิถ้าเป็นผัวเมียกันแล้วจะกล้าไปไหนอีกไหม” ห้องนอนที่ปิดไม่สนิทอยู่แล้ว ถูกดันให้เปิดออกกว้างด้วยแรงของชายหนุ่มที่กำลังหึงขึ้นหน้า “ตกลงจะไปจริง ๆ ใช่ไหม” เหมันต์อยู่ดี ๆ ก็ถามคำถามที่คนฟังยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะทิพย์นารียังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับลุลา หญิงสาวหันมามองหน้าคนถามลับหันกลับไปนั่งพับผ้าต่อ ยิ่งสร้างอารมณ์ความโกรธให้กับเหมันต์ให้รุนแรงขึ้น ร่างหนาโถมเข้าใส่คนร่างเล็กที่กำลังนั่งพับผ้าโดยไม่รู้ตัวว่าจะโดนอีกฝ่ายทำรุนแรงใส่ เหมันต์จัดการผลักร่างบางนอนลงกับเตียงนอน โดยที่ตัวเขาเองลืมไปเลยว่าประตูห้องยังปิดไม่สนิท ลุลาได้แต่พยายามใช้มือปัดป้องตัวเองจากการบุรุก โดยที่เธอยังคงไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆ ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ทำท่าโมโหและทำกับเธอแบบนี้ เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกดึงออกจากกันกระดุมทุกเม็ดหลุดออกจากตัวเสื้อ กางเกงขาสั้นถูกถอดโดยง่ายทั้งที่เจ้าตัวก็ขัดขืนเต็มกำลัง ชายหนุ่มซุกไซ้ซอกคอยาว สองมือจับมือของลุลาขึงไว้กับที่นอน เมื่อปากหนาสัมผัสกับเรือนร่างของหญิงสาว ลุลาก็เป็นเหมือนเทียนที่ถูกไปแล้วหลอมละลาย เสียงของคนไม่เต็มใจดังจนทิพย์นารีต้องเดินออกจากห้องมาดู แต่ตอนนั้นคนตัวเล็กก็อ่อนระทวยไปหมดแล้ว คนเป็นแม่ที่เคยผ่านรสชาติแบบนี้มาก่อนแล้ว ทำได้แค่ปิดประตูให้สนิทด้วยเสียงที่เบาที่สุด ***หากเปรียบฉากรักของทั้งคู่เป็นเหมือนภาพยนตร์ ก็คงเป็นหนังสงครามที่ยิงกันได้ทั้งวัน***
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"