เพราะ กณิศา ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี ชยธร จึงปันใจให้หญิงอื่น และเพราะเขาทรยศหักหลัง เธอจึงไม่อาจอภัยได้ ความรักที่เคยมั่นคงกลายเป็นความแค้น ชิงชังและการเอาคืน เธอกับเขาต่างห้ำหั่น เอาชนะกันและกัน แต่ทั้งคู่กลับเจ็บร้าวเมื่ออีกฝ่ายเจ็บปวดจากการกระทำของตน
ร่านดอกรัก
บทที่1
หญิงสาวร่างระหงในชุดสีดำแบบทันสมัยอุ้มเด็กน้อยวัยขวบเศษก้าวเข้ามาในศาลาที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ในระหว่างพระสงฆ์กำลังสวดพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์*
(*พระอภิธรรมนี้ถือเป็นหลักธรรมชั้นสูงในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงโปรดพุทธมารดา และเหล่าเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพียงครั้งเดียว นิยมสวดในงานศพ มี ๗ คัมภีร์ ประกอบด้วยบท พระสังคิณี พระวิภังค์ พระธาตุกถา พระปุคคลปัญญัตติ พระกถาวัตถุ พระยมก พระมหาปัฏฐาก) กลายเป็นจุดสนใจของคนในศาลาที่นั่งประณมมือรับฟังเสียงสวดมนต์อย่างสำรวม ทุกคนต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว และส่วนหนึ่งให้ความสนใจกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่หญิงสาวลากเข้ามาและเด็กน้อยที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน ก่อนหันไปพูดซุบซิบสลับกับปรายตาเหยียดหยามมองอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
หญิงสาวรับรู้ว่ามีสายตาหลายคู่มองตนอยู่ และรู้ด้วยว่ากำลังซุบซิบนินทาเรื่องอะไร แต่เธอไม่ใส่ใจดวงตาจดจ่ออยู่ที่โลงสีขาว ซึ่งวางอยู่ท่ามกลางแจกันดอกกุหลาบสีขาวสลับชมพูที่จัดวางอย่างสวยงาม ใกล้โลงสีขาวมีรูปถ่ายขนาดใหญ่ของหญิงสาวในชุดราตรี ไม่ต่างจากภาพชุดที่ถ่ายสำหรับงานมงคลแต่อย่างใด
ใบหน้าผู้หญิงในภาพนั้นยิ้มแย้มอย่างสดใส ดวงตาสีเดียวกับเธอทอประกายแห่งความสุข ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แปลกแต่อย่างใดที่เจ้าสาวในภาพจะสดใสร่าเริงเช่นนี้ แต่มันกลับทำให้คนมองสลดหดหู่ใจ รูปพวกนี้สมควรวางไว้ให้คนชื่นชมที่ห้องจัดเลี้ยงในงานวิวาห์ หาใช่มาวางไว้ที่หน้าหีบศพในศาลาที่พระกำลังสวดอภิธรรมเคล้าเสียงร่ำไห้อย่างอาลัยอาวรณ์ของญาติมิตรที่ยังตัดใจไม่ขาดเช่นนี้
หน้าชุดรับรองสำหรับแขกผู้ใหญ่และเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม พรมผืนหนาปูทับเสื่อพลาสติกขนาดใหญ่ที่ทอเป็นผืนเดียว ลาดเต็มพื้นที่ว่างจากบริเวณที่วางหีบศพถึงยกพื้นที่ซึ่งพระภิกษุกำลังนั่งสวดพระอภิธรรมอยู่ บนพรมผืนหนาบรรดาญาติของผู้ล่วงลับนั่งประณมมือไหว้พระรับฟังบทสวดมนต์ บางคนกำลังซับน้ำตาที่ซึมออกมา หนึ่งในนั้นคือหญิงวัยกลางคนที่ดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้และกำลังได้รับการปลอบโยนจากญาติๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงต่างวัยที่นั่งอยู่ด้วยกัน และทุกสายตาก็เหลียวไปที่ร่างซึ่งมาหยุดยืนมองรูปถ่ายหน้าหีบศพ
“แม่ก้อย” เสียงเรียกชื่ออย่างคาดไม่ถึงดังขึ้น แม้ไม่ดังจนกลบเสียงพระที่กำลังสวดอภิธรรม แต่เรียกให้สายตาหลายคู่เพ่งมองหญิงสาวเจ้าของชื่ออย่างเพ่งพิศมากขึ้น
ก่อนที่เสียงนินทาจะดังกลบเสียงพระสวดหญิงสาววัยใกล้เคียงกับคนที่ตกเป็นเป้าสายตาก็ยืนขึ้น เดินเข้าไปหากระชากแขนแล้วถามลอดไรฟัน
“นังก้อย ใครให้แกมา” หญิงสาวนามแจ่มจันทร์ถามเสียงเขียว ทั้งยังออกแรงลากเจ้าของชื่อ
คนถูกกระชากแขนจนเกือบเซ มองกลับสายตาแข็งกร้าว เธอกลัวว่าแรงกระชากของแจ่มจันทร์จะทำเด็กหญิงในมือร่วงตกลงพื้นได้จึงขืนตัวเอาไว้ วางกระเป๋าที่ลากมาแล้วผลักแจ่มจันทร์กลับพร้อมพูดเสียงลอดไรฟัน
“ปล่อยแขนฉัน”
“ไม่ปล่อย ออกไปจากศาลาเลยนังก้อย” แจ่มจันทร์ทำหน้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่ยอมปล่อยแขนหญิงสาวที่หวังอัปเปหิออกไปเสียจากงานศพ
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน แล้วปล่อยแขนฉันได้แล้วนะ” ก้อยหรือกณิศาก็ไม่ยอมเช่นกัน เมื่อแจ่มจันทร์ไม่ยอมฟังเสียงยังกระชากแขนทั้งที่เธออุ้มเด็กเอาไว้ในมือ เธอจึงผลักอีกครั้งด้วยแรงทั้งหมดจนแจ่มจันทร์ผงะไปข้างหลังแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้นทันที
“โอ๊ย! อี...” แจ่มจันทร์ร้องโอดโอย ยกนิ้วชี้หน้าผรุสวาทด้วยความโกรธ แต่มีเสียงตวาดห้ามไว้
“หยุดเสียที นี่มันในวัดในวา พระก็กำลังสวดอยู่” หญิงวัยกลางคนใบหน้าซีดเซียวไร้การปรุงแต่งดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้หันมาห้ามทั้งคู่ แม้เสียงปรามนั้นจะตะคอกแต่ไม่ได้ดังเกินไปเพราะแค่สองคนยื้อยุดกันก็เป็นเป้าสายตามากพอแล้ว จึงไม่อยากร่วมวงตกเป็นเหยื่อจากดวงตาอีกหลายๆ คู่ไปด้วย ก่อนที่นางจะหันไปหากณิศาที่มองมาอย่างสำนึกผิดและขออภัยอยู่ในที
“กลับไปคอยที่บ้านก่อน”
“แม่!” กณิศาพ้อเสียงละห้อย แต่ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวระคนตัดพ้อของนางสายบัวผู้เป็นมารดา หญิงสาวรีบยกมือไหว้ทั้งที่มีเด็กน้อยในอ้อมแขน อ้อนวอนเบาๆ
“ให้ก้อยจุดธูปบอกพี่เกดก่อนได้ไหมคะ”
“จะบอกอะไรล่ะ บอกว่าน้องชั่วๆ ที่มันหนีไปกับแฟนของพี่สาวตัวเองกลับมาแล้วนะหรือ” แจ่มจันทร์ได้ทีจึงพูดถากถางขึ้นอีกทั้งคำพูดและสายตา เพราะเจ็บใจที่ถูกกณิศาทำให้เจ็บตัวจนก้นระบบในเวลานี้ แต่เธอก็ถูกปรามเบาๆ จากมารดาตนเอง
“พอทีเถอะจันทร์” แล้วหันไปพูดกับกณิศา
“กลับไปคอยที่บ้านเถอะแม่ก้อย ให้นายชาติขับรถไปส่ง” นางสำรวยผู้มีศักดิ์เป็นน้าบอก ก่อนหันมองหาชายที่เอ่ยชื่อเพื่อจะให้ไปส่งกณิศาที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดนี้เท่าใดนัก เมื่อไม่เห็นอยู่ในสายตาจึงหันไปสั่งบุตรสาวของตนเอง
“จันทร์ไปตามนายชาติมาซิ”
“ผมขับรถไปส่งเองครับ” เสียงทุ้มแทรกขึ้นจากด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังถูกกีดกันออกไปให้พ้นจากบริเวณงานจนทุกคนหันไปมองพร้อมเพรียงกัน ชายเจ้าของคำพูดยิ้มบางๆ ให้ทุกสายตา ก่อนจะหันมาค้อมศีรษะให้กณิศา
“เชิญครับคุณก้อย” เขาเอ่ยชวนอย่างสนิทสนม แล้วหยิบกระเป๋าเดินทางของเธอมาถือเอาไว้ เพื่อไม่ให้เจ้าตัวปฏิเสธได้
กณิศามองชายหนุ่มแล้วหันกลับไปมองมารดา ที่ยังวางหน้านิ่งเหมือนไม่ไยดี ไม่เหมือนสำรวยและแจ่มจันทร์ที่ยังจับจ้องเธอและเด็กน้อยในอ้อมแขน ผู้เป็นน้าพยักหน้าสนับสนุน ส่วนแจ่มจันทร์ผู้เป็นลูกกลับแสยะมุมปากส่งสายตาเหยียดหยาม
กณิศาไม่สนใจคนทั้งคู่เท่ามารดาของตนเอง และรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อนางสายบัวเมินหนี หันไปสนใจกับเสียงสวดพระอภิธรรมต่อ หญิงตัดสินใจเดินตามชายคนดังกล่าวไปเพราะขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อ นอกจากจะเป็นเป้าสายตานานขึ้นแล้ว หัวตาเธอก็เริ่มร้อนน้ำตาที่เกิดจากความน้อยใจมารดากำลังจะเอ่อคลอ แต่มิวายยังหันไปมองรูปถ่ายของกนกกรพี่สาวที่ล่วงลับอย่างสำนึกผิด ที่ตนยังไม่ได้มีโอกาสจุดธูปหน้าหีบศพเพื่อขออโหสิกรรมในสิ่งที่ผ่านๆ มา
สายตาหลายคู่เฝ้ามองจนกณิศาอุ้มเด็กน้อยออกไปนอกศาลา เดินตามชายหนุ่มไปที่ลานจอดรถ แล้วหันกลับมาซุบซิบพูดคุยจนบางคนตั้งหน้าตั้งตาพูดถึงเรื่องของหญิงสาว จนลืมไปว่าเวลาและสถานที่นี้พึงอยู่ในความสำรวม
“ถ้าเป็นลูกสาวฉัน จะตีให้หลังลายแล้วขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาร่าน หนีตามผู้ชายไปแบบนี้หรอก”
“หน้าไม่อาย ยังมีหน้ากลับมาอีกแถมกระเตงลูกมาด้วย เป็นฉันจะตะเพิดไปให้ไกลไม่ให้เหยียบเข้าบ้านหรอก ขายขี้หน้าจริงๆ”
“เด็กที่อุ้มมานะเหมือนจะเป็นผู้หญิงเสียด้วย คอยดูเถอะอีกหน่อยก็หัวกระไดไม่แห้ง ดอกทองเหมือนแม่มันนั่นแหละ”
“แอ้ม!”
เสียงกระแอมดังขึ้นด้านหลังวงนินทาจนทั้งหมดสะดุ้งโหยง หุบปากที่กำลังจะด่าว่าอย่างเมามัน แต่ไม่มีสักคนที่จะกล้าหันกลับไปมองว่าผู้ใดส่งเสียงขัดจังหวะขึ้น มือที่ประณมไว้แค่ระดับตักรีบยกขึ้น ก้มหน้าสำรวมประหนึ่งคนซาบซึ้งในรสพระธรรม แต่ยังมิวายชายตามองซึ่งกันและกันเป็นระยะๆ เหมือนจะมีสัญญาต่อกันว่าเรื่องที่พูดนั้นยังไม่จบไม่สิ้น ในขณะที่คนส่งเสียงขัดขึ้นด้วยความรำคาญนั้นหันไปมองตามร่างหญิงสาวที่ถูกนินทาอย่างเวทนา
ต่อไปแม้จะเสร็จสิ้นงานศพของกนกกรแล้ว แต่กณิศาจะต้องตกเหยื่อจากปากของชาวบ้านไปอีกนานทีเดียว
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง