**เพลิงปรารถนา ติดแล้ว ยากจะดับ ใจไม่รับ กายยังสั่น สะท้านไหว อสูรร้าย ร่ายมนต์รัก สะกดใจ กายละลาย ใจประท้วง ใต้บ่วงมาร*** ฟินิกซ์ ฮิสตัน บรู๊ค หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ บุรุษผู้ซึ่งมีนัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกชวนฝัน เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นผู้หญิงเป็นเพียงดอกไม้ที่หอมหวาน ที่เขาปรารถนาจะลิ้มรสเกสรของมันแล้วก็ทิ้ง ม่านไหม คือหญิงไทยคนแรกที่เขาจะใช้เสน่ห์ทั้งหมดที่เขามี หลอกล่อให้เธอมาติดกับ เพื่อหวังที่จะ ‘ฟันเธอซะ แล้วก็ทิ้ง’ “ผมสัญญาว่าผมจะสัมผัสคุณเพียงแค่ร่างกายภายนอกแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น จะไม่ล่วงล้ำเข้าไปในกายคุณ จนกว่าคุณจะอ้อนวอนขอ เมื่อครบยี่สิบนาทีแล้วถ้าคุณไม่ชอบผมจะหยุด ตกลงมั้ย?” “ฉันยอมก็ได้ แต่คุณสัญญาแล้วนะยี่สิบนาทีถ้าฉันไม่ชอบ คุณต้องหยุด” ม่านไหมแหงนมองดูนาฬิกาบนฝาผนัง ก่อนที่จะหันมามองใบหน้าคนเจ้าเล่ห์ที่ยิ้มร้ายไม่ยอมหุบ แต่หญิงสาวไม่รู้หรอกว่า เพลิงปรารถนา ถ้าหากว่ามันจุดติดขึ้นมาเมื่อไหร่ มันก็ยากที่ดับได้
ฟินิกซ์ ฮิสตัน บรู๊ค หรือฟินิกซ์ วรเวชนาคประสิทธิ์ หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ทายาทคนที่สามของนาย โรเบิร์ต ฮิสตัน บรู๊ค ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวทางภาคอีสานที่ครอบคลุมไปทุกจังหวัด ฟินิกซ์ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกเสียนานหลายปี แต่กลับได้รับคำสั่งจากนายโรเบิร์ต ให้มาบริหารโรงแรมที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในจังหวัดขอนแก่น เมื่อไม่อาจปฏิเสธคำสั่งจากประมุขใหญ่ของบ้านได้ เขาจึงต้องเดินทางกลับมาตามคำบัญชาของผู้เป็นบิดา
“แด๊ดดี้ ครับ ผมไม่ไปได้มั้ย? ให้ใครไปแทนได้หรือเปล่า?”
ฟินิกซ์ทำท่าเหมือนไม่เห็นด้วยที่บิดาของเขาสั่งให้เขาไปติดต่องานชิ้นหนึ่งในชนบทด้วยตัวเอง
“โนๆ ลูกต้องไปเอง ให้คนอื่นไปแทนไม่ได้เด็ดขาด ฟินิกซ์ลูกเข้าใจมั้ย คำว่ามิตรภาพ คืออะไร เราจะต้องสร้างสัมพันธไมตรีกับลูกค้าคนสำคัญของเราด้วยตัวของเราเอง เพื่อให้เกียรติพวกเขา เพราะฉะนั้นลูกต้องไปเข้าใจไหม?”
ที่จริงแล้วมันเป็นแผนการของนายโรเบิร์ต ที่ต้องการให้ลูกชายได้รู้จักกับใครบางคนที่วิไลวรรณคู่ขาของเขาแนะนำ
“โอเคแด๊ดดี้ ผมจะไป แต่ผมไม่รับรองนะ ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ผมจะพยายามก็แล้วกัน”
ร่างสูงใหญ่ปานนายแบบหันหลังเดินตัวปลิวออกไปจากห้องทำงานของบิดา ลงไปยังลานจอดรถของโรงแรมพร้อมทั้งคนขับรถ
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ คันหรูรุ่นล่าสุดสีบรอนซ์เงินออกตัวไปอย่างนุ่มนวลไปยังอำเภอหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ตลอดการเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดวงตาคมเข้มดุจพญาเหยี่ยวมองสำรวจริมทางไปตลอดเส้นทางด้วยความรู้สึกทึ่งๆ และประหลาดใจในสิ่งที่เขาได้พบเห็นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว
“โทรมชาย”
“สมชายครับ” คนขับรถแก้ให้กับภาษาไทยแปร่งๆ ของเจ้านาย
“นั่นแหละ ซมชาย ตรงนี้เขาเรียกว่าอะไร?” นิ้วเรียวชี้ออกไปข้างนอกรถอย่างสงสัย
“อ๋อ ที่นี่เขาเรียกว่า ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองครับ” สมชายตอบ
“อ๋อ ซานเจ้าพ่อหลักเมือง” สำเนียงของลูกครึ่งไทย-อังกฤษก็ยังเพี้ยนๆ อยู่ดี เพราะวันนี้เป็นวันที่สามที่เขาเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองไทย
“อีกนานมั้ย กว่าจะถึง ร้านแพรพรรณผ้าไหมไทย?” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ถามคนขับรถเมื่อทั้งคู่ออกสู่เส้นทางเลี่ยงเมือง
“ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก่ฮอด”
“เดี๋ยวก่ฮอด หมายความว่ายังไง?” ฟินิกซ์ไม่เข้าใจ
“โอ๋ ขอโทษทีครับ หลงพูดภาษาบ้าน คำว่า เดี๋ยวก่ฮอด หมายถึง เดี๋ยวก็ถึงครับ” หนุ่มขับรถชาวอีสานแท้ๆ อธิบายภาษาบ้านให้เจ้านายฝรั่งลูกครึ่งฟัง
“โอ ฉันชักอยากจะเรียนภาษาของบ้านนายแล้วสิ ภาษาแปลกดิฉันชอบ” ฟินิกซ์พูดออกมาจากใจ
จากนั้นอีกหลายนาทีก่อนที่จะเดินทางไปถึงที่หมาย สมชายก็ได้สอนภาษาพื้นบ้านให้เจ้านายคนใหม่อีกหลายคำ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งทั้งคู่มาถึง ร้านแพรพรรณผ้าไหมไทย
วันนี้ลูกค้าค่อนข้างบางตา ม่านไหมจึงมีเวลามานั่งทอผ้าอยู่ข้างในร้าน ในส่วนของการโชว์การแสดงการทอผ้าไหม ซึ่งลูกค้าท่านใดที่ประสงค์จะดูการทอผ้า ก็สามารถที่จะมาชมในมุมนี้ได้ เพราะที่ร้านแพรพรรณผ้าไหมไทยแห่งนี้ มีการขายและการผลิตที่ครบวงจร ตั้งแต่การเลี้ยงตัวไหม ไปจนถึงการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อวางจำหน่าย ทั้งขายส่งและขายปลีกในราคาที่ไม่แพงมากนัก และร้านนี้ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านขายผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานเลยก็ว่าได้
“นี่กุหลาบ เห็นบ่รถผู้ใดมา คันโก้โก้ ท่าทางสิรวยแท้” กุหลาบเป็นลูกน้องคนหนึ่งของร้านกำลังสนทนากับเพื่อนข้างๆ ด้วยความอยากรู้
“เฮาบ่ฮู้ดอก สงสัยสิเป็นลูกค้าคนพิเศษของคุณม่านไหม”
เพียงใจเองก็สงสัยเหมือนกัน แต่ก็ลองเดาเอา เพราะแขกที่ลงจากรถมาเธอไม่เคยเห็นหน้า แต่เมื่อประตูรถอีกด้านหนึ่งเปิดลงมา พร้อมกับร่างสูงใหญ่หล่อเหลาปานเทพบุตรในฝัน สองสาวถึงกับอ้าปากค้าง ขนลุกเกรียวด้วยความไม่คาดฝัน ว่าลูกค้าของเจ้านายจะหล่อลากดินถึงเพียงนี้
“ว้าว! เทพบุตรจุติลงมาเกิดแท้ๆ” กุหลาบอุทานเบาๆ ก่อน
“แม่นๆ พระเอกหนังเรื่องไหนหว่า คือหล่อแบบนี้ บ่อยากเซื่อ” เพียงใจงึมงำเบาๆ ด้วยภาษาบ้านของเธอ
“ผมมาพบเจ้าของร้าน ไม่ทราบว่าใครคือเจ้าของร้านครับ?” หนุ่มหล่อที่กระชากหัวใจของพวกเธอถามออกมาเมื่อเขามายืนอยู่หน้าร้าน
“ว้าว คุณพูดภาษาไทยได้ด้วย เอ่อ...คือเจ้าของร้านอยู่ข้างในค่ะ” เพียงใจบอกแก่ลูกค้าสุดพิเศษของวันนี้
“ขอผมเข้าไปพบได้มั้ยครับ?”
“ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” กุหลาบรีบเชิญชวนเมื่อเห็นเพื่อนยังคงทำท่าตะลึงลานอยู่กับที่
“นั่งไงคะ เจ้าของร้าน”
ทันทีที่พนักงานสาวชี้นิ้วไปยังหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งกำลังนั่งทอผ้าไหมด้วยความเพลิดเพลิน ใบหน้าคมเข้มทรงเสน่ห์ก็หันหน้ามองตาม ภาพที่ฟินิกซ์เห็นแทบจะทำให้หัวใจของชายหนุ่มหยุดเต้น ร่างบอบบางแต่ได้สัดส่วน ผิวขาวอมน้ำผึ้งเรียบเนียน ใบหน้ารูปไข่ที่สวยใสหมดจดแต่งแต้มเพียงเครื่องสำอางบางเบาแค่นั้น กับผมสีดำสนิทเป็นเงาแวววาวดุจแพรไหมที่ถูกรวบตึงขึ้นไว้ตรงกลางศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมสีเงิน ยิ่งเน้นให้ใบหน้าหวานนั้นงดงามปานนางฟ้านางสวรรค์ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“โอ ซวย เหลือเกิน” คำอุทานนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบของร่างสูงใหญ่เบาๆ
“สวยค่ะ ไม่ใช่ ซวย” กุหลาบแก้ให้อย่างขำๆ ภาษาไทยจะวิบัติก็คราวนี้แหละ เด็กสาวคิดแล้วก็หันหน้ามามองคนหล่ออีกครั้งด้วยหัวใจที่เป็นสีชมพู
ม่านไหมเริ่มรู้ตัว เมื่อสายตาหวานซึ้งของเธอชายตาไปยังลูกค้าคนที่สามของวันนี้ เขาดูดีมีเสน่ห์มากทีเดียว โดยเฉพาะสายตาคมคู่นั้นที่ทำเอาเธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าวราวจะเป็นไข้ จนต้องหลบสายตาลงอย่างประหม่า มือเรียวหยุดการทอผ้าไหมไปชั่วขณะเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ด้วยท่าทางมั่นใจในตนเองจนทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนที่เริ่มจะขาดความมั่นใจไปเลย แต่เธอก็พยายามซ่อนความอ่อนไหวนั้นเอาไว้ภายใน
“สวัสดีค่ะ ดิฉันม่านไหม เป็นหลานสาวของเจ้าของร้านนี้”
เสียงหวานใสกล่าวทักทายด้วยท่าไหว้ที่สวยงามตามแบบฉบับหญิงไทยอย่างอ่อนช้อยงดงาม จนฟินิกซ์ต้องจ้องมองกิริยาของเธออย่างหลงใหล
“ผมฟินิกซ์ ฮิสตัน บรู๊ค ต้องการมาเจรจาซื้อผ้าไหมของคุณ”
ชายหนุ่มแนะนำตัวและบอกความต้องการสั้นๆ พอเข้าใจ แต่สายตาที่เขามองเจ้าของร้านกลับมีความนัยซ่อนอยู่หลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือ ‘คุณช่างเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ จนผมแทบจะอดใจไม่ไหวแล้วนะเนี่ย’
สายตาที่มองเธอเหมือนกับจะกลืนกิน ทำให้ม่านไหมต้องสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์โกรธที่เริ่มพลุกพล่าน เมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังถูกรุกรานทางสายตา ‘นี่เขาจะมาเจรจาเพื่อซื้อผ้าไหมหรือว่าซื้ออะไรกันแน่?’ ม่านไหมคิดและหรี่ตามองใบหน้าคมเข้มแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยชวนเขาเข้าไปดูผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเนื้อดีที่สุดในร้านทางด้านใน
“ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญคุณฟินิกซ์ด้านนี้เลยค่ะ”
“ผ้าไหมของคุณ สวยมากเลยนะครับ แต่ผมว่าคุณม่านมาย ซวยกว่า”
“ม่านไหมค่ะ และกรุณาพูดคำว่าสวยให้ชัดด้วย” หญิงสาวหันมาทำตาเขียวใส่ชายหนุ่มอย่างตำหนิ แม้จะรู้ว่าเขาพยายามพูดภาษาไทยให้ชัดแล้ว แต่เธอก็รู้สึกทะแม่งๆ อยู่ดี
“โอเค ม่านไหม สวย” ร่างสูงชะลูดปานนายแบบเน้นย้ำคำที่หญิงสาวท้วงติง จนม่านไหมต้องยิ้มออกมา
“คุณกำลังหาผ้าไหมลายไหนอยู่หรือคะ?”
ม่านไหมหันไปถามลูกค้าหนุ่มเมื่อเห็นว่าพาเขาเดินดูเกือบหมดร้านแล้วแต่ดูท่าทางเหมือนเขาจะยังไม่ตัดสินใจเลือกแบบที่เขาต้องการเสียที
“ผมต้องการความเป็นส่วนตัว ในการเจรจา กรุณาคุยกันที่ห้องทำงานของคุณได้มั้ยครับ เพราะผมมีเอกสารและรูปภาพที่ต้องแสดงให้คุณดู” เจ้าของร่างสูงใหญ่อธิบาย
แม้ว่าภายในใจจะไม่ไว้ใจลูกค้าที่มีหน้าตาหล่อเหลากระชากใจสาวๆ อย่างชายหนุ่ม แต่หญิงสาวในฐานะหลานสาวเจ้าของร้านก็ต้องทำตามมารยาท เชิญลูกค้าคนสำคัญไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเธอ
“ไหนคะ เอกสารที่คุณจะให้ฉันดู”
ม่านไหมรีบเข้าเรื่องทันทีที่เข้ามาในห้องทำงาน แม้ว่าภายในหัวใจของเธอจะสั่นๆ ที่ต้องอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในห้อง แต่หญิงสาวก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติให้มากที่สุด
“ดูท่าทางของคุณ จะไม่ค่อยไว้ใจผมเลยนะครับ” เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวเหมือนจะรู้ว่าเธอมีอาการประหม่ามากแค่ไหนที่ต้องอยู่ต่อหน้าเขา
“คุณยัง ไม่ได้ให้ฉันดูเอกสารเลยนะคะ ดิฉันมีเวลาไม่มากนัก กรุณารีบพูดความต้องการของคุณมาเถอะค่ะ” เมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มพราวระยับดั่งชายเจ้าชู้ยิ่งทำให้หญิงสาวต้องระวังตัว มองตาเขาไม่กะพริบ
“ถ้าผมจะบอกว่า ผมต้องการตัวคุณมากกว่าผ้าไหมพวกนี้ล่ะ”
ร่างระหงลุกจากเก้าอี้ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ตั้งท่าจะเดินออกจากประตูห้องไป แต่ก็ถูกมือหนาและอ้อมแขนแข็งแรงเกี่ยวกระหวัดรัดร่างของเธอเอาไว้ เรียวปากที่กำลังจะอ้าเผยอร้องขอความช่วยเหลือ ถูกปิดลงทันทีด้วยริมฝีปากบางเฉียบได้รูปของชายหนุ่มที่ฉกลงมาอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวร้องอู้อี้เมื่อเรียวปากถูกบดขยี้อย่างจาบจ้วงจากร่างสูงใหญ่ เขาพันธนาการร่างเพรียวระหงของเธอด้วยมือหนาและพละกำลังอันมหาศาลของเขา และด้วยประสบการณ์อันร้ายกาจในเชิงรัก โดยเฉพาะการลิ้มรสรักด้วยจูบอันแสนหวาน หากหญิงใดได้สัมผัสจูบที่เร่าร้อนของเขา ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อาจจะควบคุมสติของตัวเองได้อีกต่อไป ไม่เว้นแม้แต่ม่านไหมหญิงสาวผู้ไม่เคยต้องมือชายมาก่อน
ลิ้นอุ่นๆ ซอกซอนเข้าไปควานหาความหอมหวานของน้ำผึ้งในโพรงปากบางอิ่ม เมื่อเจอมันเขาก็ดื่มด่ำดูดกลืนกินอย่างโหยหิว ลิ้นเรียวหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเรียวเล็กอย่างช่ำชองเร่าร้อนแต่ก็อ่อนหวาน จนร่างบางไม่อาจจะต้านทานเสน่หาอันรัญจวนนี้ได้แม้เพียงวินาทีเดียว มือเล็กที่ผลักไสในนาทีแรก กลับหาที่ยึดสะเปะสะปะเมื่อร่างกายเริ่มอ่อนระทวยดั่งขี้ผึ้งถูกไฟลน
“หวานเหลือเกิน ยาหยี”
ฟินิกซ์ถอนริมฝีปากออกเบาๆ อย่างแสนเสียดาย ที่จริงเขาอยากจะจูบหญิงสาวให้เนิ่นนานกว่านี้ แต่ก็กลัวร่างบางจะขาดใจไปเสียก่อน เพราะดูท่าทางหญิงสาวช่างอ่อนประสบการณ์เหลือเกิน
ม่านไหมเซเล็กน้อย เมื่อร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ ร่างเล็กถอยหลังไปชนผนังจนต้องพิงร่างพักหอบหายใจอยู่ตรงนั้น แล้วค่อยๆ หันไปมองคนที่บังอาจฉวยโอกาสกับเธอด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธสุดจะบรรยาย
เผียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังสนั่นกลางอากาศ
“ออกไป! ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้ฝรั่งโรคจิต ไอ้คนเลว และจำเอาไว้เลยนะ ฉันไม่มีวันขายผ้าไหมอันมีค่าของฉัน ให้กับคนต่ำช้าอย่างนายเด็ดขาด ออกไป!”
ร่างที่กำลังสั่นเทิ้มชี้นิ้วสั่นๆ ของเธอไปยังประตูไล่ลูกค้าที่น่ารังเกียจออกไปด้วยความโมโหสุดขีด จนฟินิกซ์เองก็ยังตกใจ ไม่คิดว่าหญิงสาวจะโกรธเขามากมายถึงขนาดนี้
“เฮ้! คุณ ผมขอโทษ”
“ออกไป!! ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากฝรั่งที่เห็นผู้หญิงไทยเป็นของง่ายที่จะทำอะไรก็ได้อย่างคุณ ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่ที่ๆ คุณเคยอยู่ จงกลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะโทรเรียกตำรวจมาลากคอคุณเข้าคุก” ร่างบางเดินฉับๆ ไปเปิดประตูไล่แขกโดยไม่มองหน้าเขาอีกเลย
“ตกลงครับ ผมจะกลับ แล้วผมจะมาใหม่”
ร่างสูงใหญ่หันหลังกลับมา ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นหลายคู่ ของคนที่ยืนออกันอยู่แถวหน้าประตู ฟินิกซ์ยิ้มให้กับทุกคนอีกครั้ง แล้วจึงหันไปมองที่ประตูห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นิ่ง ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถส่วนตัว
‘ผมจะกลับมาอีกแน่ ยาหยี คุณไม่มีทางหนีเงื้อมมือผมไปได้หรอก คุณหอมหวานออกอย่างนี้ ผมต้องได้คุณมาเป็นของผมให้ได้ เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ผมต้องการแล้วไม่ได้”
ร่างสูงใหญ่ยืนเพ่งมองมาทางร้านแพรพรรณผ้าไหมไทย ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจมาดมั่นอย่างที่สุด ที่คิดว่าเขาจะต้องพิชิตร่างกายอันยั่วเย้าแสนหวานของม่านไหมให้ได้ในเร็ววันนี้แน่นอน
‘ม่านไหม พยศแบบนี้สิ ฉันชอบ ฉันรับรอง ฟินิกซ์คนนี้จะต้องปราบเธอให้เชื่องให้จงได้’
ปัง!
เสียงประตูรถปิดลง รถเบนซ์สีบรอนซ์เงินวาววับเคลื่อนหายไปแล้ว ทิ้งไว้แต่รอยควันจางๆ ที่ม่านไหมแอบมองทางหน้าต่าง เหมือนฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"