ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ บุรุษหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นผู้นำ เขามีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย มีบุคลิกโดดเด่นด้วยความสูงถึงหกฟุตกว่าๆ หุ่นเอ็กซ์กระชากใจสาวๆ ผู้มีแววตาสีสนิมเป็นประกายคมกล้า แต่ทว่าบางคราดวงตาของเขาก็เหมือนมีมนต์ขลัง มีพลังดึงดูดมหาศาลที่จะทำให้สาวๆ คนไหนก็ตามที่เผลอจ้องสบตาเขา อาจตกหลุมเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ได้ง่ายๆ
ร่างสูงสง่าเกือบ 190 เซนติเมตร กำลังยืนพินิจดูรูปวาดของผู้หญิงคนหนึ่ง นัยน์ตาคมกวาดมองภาพศิลปะจากปลายพู่กันอันอ่อนช้อยงดงามตรงหน้าด้วยความสนใจ ชายหนุ่มรู้ว่านี่ต้องเป็นผลงานชิ้นเอกของน้องชายร่วมมารดาของเขาอย่างแน่นอน
ผู้หญิงในภาพช่างมีใบหน้างดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ที่เขายังไม่เคยพานพบ ใบหน้าเรียวสวยประดับไปด้วยคิ้วโก่งดั่งคันศร ที่พาดอยู่บนดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตอย่างสาวเอเชีย ประกายตาหวานซึ้งดูมีชีวิตชีวาจนฟรานซิสเผลอคิดว่าเธอกำลังสบตาเขาอยู่เช่นกัน กลีบปากบางแดงเรื่อดั่งกลีบกุหลาบแรกแย้มคลี่ยิ้มออกเล็กน้อย ทำให้ดวงหน้าของเธอดูเปล่งปลั่งเรืองรองน่ามองยิ่งนัก
รูปร่างบอบบางอรชรในชุดเดรสเกาะอกสีขาว กำลังนั่งอยู่ในท่าหันข้างมองมาทางเขาเล็กน้อย เส้นผมสีน้ำตาลเงาวับดุจแพรไหม ที่ยาวเลยเอวบางที่คอดกิ่ว พลิ้วไปตามสายลมพัดลู่ไปด้านหลัง ผิวขาวผุดผ่องของไหล่เนียนที่เผยให้เห็น ทำให้ชายหนุ่มคิดจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน จนไม่รู้สึกตัวเลยว่าเจ้าของภาพวาดรูปนี้ ได้มายืนอยู่ข้างหลังของเขานานแล้ว
“สวยมั้ยครับพี่” เสียงห้าวถามเบาๆ ขณะที่สายตาคมยังคงจ้องมองผลงานของตนเองที่เขาใช้หัวใจวาดออกมา ด้วยประกายตาพราวระยับ
“สวย” ร่างสูงใหญ่ขยับริมฝีปากเล็กน้อยแทบไม่ได้ยินเสียง
“ใช่ครับ เธอสวยมาก และเธอก็เป็นผู้หญิงที่ผมรักด้วย” แฟรงค์รำพรรณออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อะไรนะ! นายพูดใหม่ซิ เมื่อกี้ฉันได้ยินนายบอกว่าหล่อนเป็นคนรักของนายอย่างงั้นเหรอ”
ฟรานซิสหลุดออกจากโลกแห่งความฝันและจินตนาการเมื่อครู่ทันที หันมามองหน้าน้องชายด้วยสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง น้องชายของเขาไปมีคนรักตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิ้วเข้มดกดำดั่งปีกกาย่นเข้าหากันทันที เมื่อสบตากับดวงตาคมพราวระยับของร่างสูงสันทัดที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งมีความสูงไล่เลี่ยกับเขา
“พี่ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ เธอเป็นคนรักของผม จริงๆ” แฟรงค์ ตอบพี่ชายต่างบิดาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจ
“แล้วนายคบกับผู้หญิงในภาพนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ฟรานซิสไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน ว่าทำไมเขาจะต้องสนใจด้วยว่า น้องชายของเขาจะคบกับผู้หญิงคนไหน เมื่อไหร่ ยังไง
“เมื่อวาน” เสียงห้าวทุ้มตอบสั้นๆ
“อะไรนะ! เมื่อวาน!” เสียงห้าวเข้มทรงพลังอุทานเป็นคำรบสอง ด้วยความพิศวงงงงวยอย่างนึกไม่ถึง อะไรกัน...คนเราจะตกหลุมรักกันง่ายๆ เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ แค่วันเดียวเนี่ยนะ โอ้พระเจ้า! เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ แต่ว่ามันก็เป็นไปแล้ว เขาชักอยากจะเห็นตัวจริงของผู้หญิงคนนี้เสียแล้วสิ อยากรู้ว่าเธอเป็นใคร? มีอะไรดีนักหนา ถึงสามารถครอบครองหัวใจที่แสนจะเย็นชาของน้องชายของเขาได้ สายตาคมกล้าหรี่มองภาพสาวสวยตรงหน้าอีกครั้ง
ดูท่า...คงไม่มีแค่เพียงฟรานซิสเท่านั้นที่มองภาพวาดของหญิงสาวสวยสะดุดตาด้วยความสนใจ แต่ด้านหลังของเสาบ้านต้นใหญ่ที่ทำจากไม้สักทั้งต้น ซึ่งแกะสลักเสลาลวดลายเป็นรูปมังกรเลื้อยรัดรอบเสา ได้มีสายตาอีกคู่กำลังแอบมองภาพนั้นอยู่ไม่ห่างมากนัก สามารถได้ยินในสิ่งที่ทั้งสองหนุ่มกำลังคุยกันได้อย่างชัดเจน
หน้าตาของสาวน้อยในภาพวาด ช่างดูคุ้นตาเขายิ่งนัก ดวงตากลมโตหวานซึ้งที่เป็นเอกลักษณ์ ริมฝีปากบางเจ่อเล็กน้อยคล้ายริมฝีปากของใครบางคน และที่สำคัญ เมื่อรวมทุกอย่างบนใบหน้าเรียวสวยเข้าด้วยกัน มันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับใครบางคนที่เขาเคยรู้จักเป็นอย่างดี รู้จัก! และไม่มีวันลืม! แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจนัก ว่าเธอจะใช่อย่างที่เขาคิดอยู่หรือเปล่า ร่างสูงภูมิฐานจึงได้ยืนนิ่งแอบฟังสองหนุ่มพูดคุยกันต่อไปเงียบๆ
“แล้วนาย รู้จักกับเธอที่ไหน”
“ที่หอไอเฟล เธอไปยืนดูหอไอเฟลอยู่นานมาก เธอขอให้ผมช่วยถ่ายรูปให้เธอ” คนที่กำลังมีความรักเบ่งบานอยู่ในหัวใจพูดไปยิ้มไป เมื่อนึกถึงใบหน้าสวยหวานที่แย้มยิ้มให้เขา เธอพูดกับเขาด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษแปร่งๆ แต่ช่างไพเราะน่าฟังยิ่งนัก เสียงใสเล็กๆ กับรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ ทำให้เขาหลงใหล และตกหลุมรักเธอนาทีนั้นเอง
“นายก็เลยขอให้เธอตอบแทนน้ำใจ ด้วยการให้เขามาเป็นนางแบบวาดรูปให้กับนายงั้นสิ”
“อืม...ก็ทำนองนั้น”
“แล้วเธอก็ยอมให้นายวาดรูปของเธอง่ายๆ เนี่ยนะ”
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องปฏิเสธผมด้วยล่ะครับ”
“เออ...นั่นสิ ทำไมเธอจะต้องปฏิเสธผู้ชายหล่อๆ รวยๆ อย่างนายด้วยล่ะ ผู้หญิงคนไหนปฏิเสธนายก็คงจะโง่เต็มที” เพราะฟรานซิสคิดว่า ผู้หญิงที่น้องชายของเขากำลังตกหลุมรัก จะต้องรู้แน่ๆ ว่าแฟรงค์เป็นทายาทของมหาเศรษฐีพันล้าน เธอถึงได้ยอมตามใจผู้ชายแปลกหน้าง่ายๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันครั้งแรก
“พี่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ” สายตาขุ่นขวางที่เหมือนไม่พอใจตวัดมองคนที่ตัวสูงกว่าเขาไม่ถึงคืบด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
“เปล่านี่ ไม่ได้คิดอะไรเล้ย” คนที่กำลังถูกจับผิดรีบปฏิเสธเสียงสูง ก่อนที่จะพูดต่อให้มันดูดีขึ้นมานิดหนึ่ง
“ฉันก็แค่คิดว่า เขาอาจจะรีบเร่ง มีธุระ อะไรประมาณนี้” ฟรานซิสขยายความเพื่อให้คิ้วเข้มที่กำลังขมวดมุ่นมองเขาอย่างไม่ชอบใจคลายลง เพราะเหมือนแฟรงค์จะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในนาทีแรก
“เธอบอกว่า เสียเวลาให้ผมวาดรูปเธอแค่ครึ่งชั่วโมง ไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนมากมายนัก และเธอก็เต็มใจจะให้ผมวาดรูปของเธอด้วย”
“มิน่า”
“มิน่าอะไร” เจ้าของภาพวาดหันมาทำตาขุ่นใส่พี่ชายอีกเป็นครั้งที่สอง
“อ๋อ...ก็...มิน่า...ภาพถึงได้ออกมาสวยแบบนี้ไงล่ะ” คนเจ้าเล่ห์ลื่นไหลเอาตัวรอดไปได้เรื่อยๆ แต่สายตาก็ยังจดจ้องภาพวาดตรงหน้าไม่วางตา
“ตัวจริงสวยกว่านี้อีก” แฟรงค์มองคนในรูปวาดด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ ฟรานซิสลอบสังเกตดูสีหน้าท่าทางของคนข้างๆ ก็พอจะเดาออกว่าน้องชายของเขาคงจะหลงรักผู้หญิงในภาพนี้มากน่าดู เขาถึงพูดอะไรขัดหูไม่ได้เลย เป็นต้องถามกลับด้วยสายตาไม่พอใจทุกที
“เธอชื่ออะไร”
“อัญญาลิน...อัญญาลิน อัครธาดา” คำตอบของแฟรงค์ น่าจะเป็นถ้อยคำรำพรรณที่พูดขึ้นมาลอยๆ มากกว่า แต่มันก็ลอยไปกระทบใบหูของคนที่ยืนแอบฟังอยู่ข้างหลังเสาต้นใหญ่เข้าเต็มเปา
‘ใช่จริงๆ ด้วย ผู้หญิงในภาพนั้น จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับคนนามสกุลนั้นอย่างแน่นอน’ อัญญาลิน อัครธาดางั้นหรือ...อัครธาดา นามสกุลนี้เขาไม่มีวันลืม!’ ต่อให้เวลาจะผ่านพ้นมานานยี่สิบกว่าปีแล้วก็ตาม และเขาจะต้องสืบรู้ให้ได้ว่าสาวน้อยในภาพวาดคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงได้ใช้นามสกุลเดียวกันกับคนๆ นั้น ‘คนที่เขาแค้นมากที่สุด!’
“หึๆ” เสียงหัวเราะน่าขนลุก ลอยขึ้นกลางอากาศแทบจะไม่ได้ยินเสียง แต่ทว่าสายตาวาวโรจน์คู่นั้นกลับลุกโชนมากยิ่งขึ้นเมื่อมองไปยังเงาภาพของศัตรู นิ่งดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างสูงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้นอย่างเงียบกริบเหมือนกับตอนที่เขาเดินเข้ามา
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
ทุกสัมผัสของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเรียกร้องต้องการ ทั้งอ่อนหวานนุ่มนวลแต่บางครั้งก็หนักหน่วงดุดัน ร่างนุ่มสะท้านแล้วสะท้านอีก ชายหนุ่มมอมเมาเธอจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งวาบหวามทั้งตื่นตระหนก เพราะจุมพิตครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วมากเหลือเกิน เสียงครางกระหึ่มในลำคอทำให้สาวน้อยหวาดหวั่นมากที่สุดเพราะมันเหมือนเสียงคำรามของเจ้าป่าที่กำลงจะขย้ำเหยื่อไม่มีผิด แต่แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นมากเพียงใด ร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร ทั้งที่รู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหาตามมา โอ...พระเจ้า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกต้องการเขามากมายแบบนี้ ร่างกายทุกอณูของเธอกำลังสั่นระริกไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ นาทีนี้ความเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวของหญิงสาว กำลังถูกความเร่าร้อนลามเลียไปทั่วร่างและแทรกผ่านซึมลึกเข้าสู่หัวใจ ทว่าเมื่อลมหนาวกำลังจะผ่านพ้น ความเหน็บหนาวอ้างว้าง กลับเดินทางมาเยือนหัวใจของเขา พู่กันทองถูกนำมาเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเจ้าของภาพวาดภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้วงเวลาเหมันต์ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรักที่เขามีต่อเธอยังคงอยู่ที่เดิม เขาจะรอ...จนกว่า...
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀