พันกรไม่ชอบผู้ชายทุกคนที่บังอาจเข้าใกล้เพื่อนน้องสาวคนนี้ของเขา และเขาก็ไม่ชอบให้เธอไปโปรยยิ้มหวานละมุนกับผู้ชายหน้าไหนด้วย ยิ่งหวง.. เขายิ่งทำอะไรร้ายๆ ลงไป แต่จะให้เขาทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเผลอใจชอบเธอไปตั้งแต่ตอนไหนเขาไม่เคยรู้ตัว รู้แค่ว่าหวง หึง และอยากฆ่าผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอ
“นะๆๆๆ บัว ปิดเทอมไปเที่ยวไร่ของพิมพ์นะ”
พิมพ์นาราเขย่าแขนเพื่อนรัก อยากให้เพื่อนไปเที่ยวพักผ่อนที่ไร่ของตัวเอง
“แต่บัวต้องทำงานนะจ๊ะพิมพ์”
บัวบูชาตอบอย่างรู้สึกเกรงใจ
“ไหนบัวบอกว่าปิดเทอมนี้จะไม่รับงานไง”
พิมพ์นาราหน้างอ เห็นเพื่อนทำงานหามรุ่งหามค่ำก็อยากให้เพื่อนได้พักบ้าง
“ไม่รับไม่ได้ เงินเก็บของบัวหมดแล้วนะจ๊ะพิมพ์” บัวบูชาจับมือเพื่อนเพื่อง้องอน ให้เหตุผลกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เป็นไปได้ยังไง บัวทำงานเยอะขนาดนั้น เงินทองหายไปไหนหมด” พิมพ์นาราถามอย่างตกใจ
“เอ่อคือว่า...” บัวบูชามีท่าทีอึกอัก
“เพราะพ่อกับแม่ของบัวอีกแล้วใช่ไหม”
พิมพ์นาราพูดอย่างโกรธๆ
“พวกท่านเป็นพ่อกับแม่ของบัวนะพิมพ์”
บัวบูชาตอบเพื่อนไม่เต็มเสียงนัก หลายครั้งที่เธอยอมรับว่าเหนื่อยใจ แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
“พิมพ์ขอโทษที่เสียมารยาท แต่มันสุดจะทนจริงๆ บัวทนได้ยังไงกัน”
“ยังไงพวกท่านก็ให้ชีวิตบัวนะ”
“บัว!!!” พิมพ์นาราเสียงดังใส่เพื่อน สุดจะทนกับความคิดของเพื่อนรักนัก
“บัวต้องตอบแทนบุญคุณ”
“บุญคุณๆๆๆๆ จะอะไรกันนักกันหนา ตอบแทนมาเท่าไหร่แล้วบัว”
“ถึงตายก็ไม่หมด ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด”
“ยายสอนบัวอีกแล้วใช่ไหม” พิมพ์นาราพูดอย่างอัดอั้น
“ยายพูดถูก ยังไงพวกท่านก็คือพ่อแม่ บัวไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้นะพิมพ์”
ยายที่บัวบูชาพูดถึงคือญาติห่างๆ ที่นำเธอไปเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ
“พอไม่มียายกับป้าไพบัวก็เลยลำบาก”
“แม่อุ้มท้องบัวมา ถ้าท่านจะฆ่าก็ทำได้ แต่ท่านก็ไม่ทำ”
“ทำไมถึงได้บุญคุณท่วมหัวกันขนาดนี้นะ” พิมพ์นาราพูดอย่างโกรธๆ
“ไม่เอานะพิมพ์ ยังไงเค้าก็คือพ่อแม่บัว”
“ขอโทษ แต่พิมพ์โกรธแทนบัวจริงๆ นะ”
“จะโกรธแทนบัวทำไม บัวไม่เป็นอะไรหรอก” บัวบูชายิ้มให้เพื่อนอย่างอ่อนโยน
“แต่บัวสัญญาว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ไร่ของพิมพ์นี่นา” พิมพ์นาราหน้างอ อยากให้เพื่อนไปจริงๆ
“พอเปิดเทอมบัวจะไม่มีเงินเสียค่าเทอมนะพิมพ์” บัวบูชาหน้าเศร้า
“พิมพ์ออกให้ก็ได้” พิมพ์นาราพูดอย่างใจป้ำ
“ไม่เอาหรอก เวลาเดือดร้อนพิมพ์ก็ช่วยบัวตลอด ค่าเทอมไม่ใช่เงินน้อยๆ บัวไม่เอาเด็ดขาด”
“เงินแค่นั้นเอง”
“สำหรับพิมพ์อาจจะแค่นั้นเอง แต่สำหรับบัวมันเยอะมากนะ”
“พิมพ์ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกบัวนะ แค่อยากช่วย”
“พิมพ์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของบัว บัวไม่เคยคิดแบบนั้น บัวขอบคุณในความหวังดีของพิมพ์จริงๆ นะ”
“ที่บัวไม่ยอมไปที่ไร่ของพิมพ์ เพราะเฮียพันหรือเปล่า” พิมพ์นารารู้ดีว่าพี่ชายของเธอไม่ค่อยชอบเพื่อนรักสักเท่าไหร่ เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพันกรถึงอคติกับบัวบูชานัก ทั้งๆ ที่เพื่อนของเธอก็เป็นคนดี ไม่ใช่คนดีธรรมดา เรียกว่าแสนดีเลยก็ว่าได้ ไม่อย่างนั้นเธอไม่คบกับบัวบูชาจนย้ายมาอยู่ด้วยกันขนาดนี้หรอก
“มะ... ไม่ใช่นะพิมพ์” บัวบูชาปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก
“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมถึงทำท่าทีแบบนั้นล่ะ พิมพ์ไม่เชื่อหรอกนะ เรื่องงานเป็นแค่ข้ออ้าง แค่ไปพักผ่อนอาทิตย์เดียวเอง ทำไมไม่ไป เป็นเพราะเฮียพันแน่ๆ”
“เค้าไม่อยากไป ไปบังคับเค้าทำไม”
เสียงเข้มของผู้มาใหม่ทำให้สองสาวหันขวับไปมอง สีหน้าดุๆ ของพันกรทำให้พิมพ์นาราค้อนพี่ชายขวับๆ
ส่วนบัวบูชานั้นเมินหน้าหนี รู้ดีว่าเขาไม่ชอบหน้าเธอ เวลาเขามาเธอก็คอยหลบหน้าหลบตาหรือไม่ก็ออกไปทำงานข้างนอก ไม่อยากอยู่ขวางหูขวางตาเขาหรอก
“ไม่ต้องทำท่ารังเกียจฉันขนาดนั้นก็ได้” พันกรรู้สึกหงุดหงิดนักที่เวลาบัวบูชาเห็นเขาก็หาทางหลีกหนีทุกครั้งไป
“บัวไปจัดของในห้องก่อนนะพิมพ์” บัวบูชารีบขอตัว ไม่อยากอยู่ให้ขัดตาเขา
“ที่รีบหนีเข้าห้องเพราะกลัวฉันรู้ความลับอะไรอีกล่ะ” พันกรแดกดัน หงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
..ทีกับคนอื่นทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ กับเขาทำหน้าเหมือนอมทุกข์ พยายามหลบหลีกเหมือนเขาเป็นตัวเชื้อโรค
“เฮีย! พอสักทีเถอะน่า เลิกหาเรื่องเพื่อนของพิมพ์ได้แล้ว”
พิมพ์นาราแหวใส่พี่ชาย
“กล้าขึ้นเสียงกับเฮียเหรอตั้งแต่คบเพื่อนคนนี้นิสัยเสียขึ้นนะ”
เสียงดุด่าของพันกรทำให้บัวบูชาที่เดินเข้าห้องชะงักกึก เธอเม้มปากเข้าหากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่เธอทำไม่ได้
..พิมพ์นาราไม่ผิด เธอจะเลิกคบเพื่อนทำไม ไม่ผิดไม่ว่า แต่พิมพ์นาราเป็นคนดีมาก ถ้าเธอเลิกคบเพื่อนที่แสนดีแบบนี้เพราะคำต่อว่าของพี่พันกร เท่ากับว่าเธอไร้เหตุผลสิ้นดี
“เฮีย! ไม่ใช่สักหน่อย เฮียไม่มีเหตุผล” พิมพ์นาราหน้างอทำแก้มป่องใส่พี่ชาย
“เพื่อนแบบนี้น่าจะเลิกคบไปสักที มีแต่ทำเรื่องเสียๆ หายๆ แล้วนี่จะชวนไปอยู่ไร่อีก ใครอนุญาตไม่ทราบ”
น้ำเสียงดุดันของพี่ชายเพื่อนทำให้บัวบูชารีบงับประตูปิด เธอเสียใจกับคำพูดของเขาหลายครั้งแล้ว จนตอนนี้เริ่มจะชิน เธอยึดเอาคำสอนของยายเป็นข้อเตือนใจ ยายเคยบอกว่า
..เราไม่มีวันไปเปลี่ยนความคิดของใครได้ เขาจะคิดอะไรเค้าก็ไม่ผิด เหมือนที่เราจะคิดอะไรก็ไม่ผิดเหมือนกัน ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดใครได้ นอกจากว่าเขาจะคิดเอง
บัวบูชาเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ตัดสินใจที่จะรับงานที่เค้าติดต่อมาทันที แทนที่จะไปเที่ยวพักผ่อนในไร่ของพิมพ์นารา อย่างน้อยเธอก็ได้ทำงานและอยู่ห่างไกลจากถ้อยคำดูถูกจิกกัดของพันกร
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
แม่บ้านอย่างฉัน.. มีสามีก็เหมือนไม่มี.. เพราะเขาเป็นพวกนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ.. ปล่อยให้ฉันอารมณ์ค้างตลอด.. จนฉันเริ่มจะทนไม่ไหว... แต่แล้ว.. เราทั้งสองก็ค้นพบทางออกอย่างไม่คาดฝัน..
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"