สำหรับเธอ... เขาคือมหาเศรษฐีหนุ่มแห่งตุรกี คุณชายที่สี่แห่งตระกูลดังการ์รัสโซ่ เขาหล่อเหลา เขาร้ายกาจ และเขาก็ถูกสาปให้ไร้หัวใจ สำหรับเขา... เธอคือสาวน้อยแสนพยศที่ควรจะหลีกหนีให้ไกล แต่ไหง... กลับอยากครอบครองเป็นที่สุดนะ เมื่อสถานะครอบครัวต้องมาสั่นคลอนเพราะความหลงผิดของบุพการี ดานีน โรดิเกซจึงต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้ชายที่เป็นยิ่งกว่ามัจจุราชในขุมนรกอเวจีอย่างเดนิเรล การ์รัสโซ่ แต่คนอย่างเขาหรือจะช่วยหล่อนโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ไม่มีทางเป็นไปได้แน่...?!
ชายชาวตุรกีวัยกลางคนที่นั่งก้มศีรษะอยู่เบื้องหน้านั้น เรียกรอยยิ้มเยาะจากมุมปากหยักสวยราวกับอิสตรีของเดนิเรลให้ยกสูงมากยิ่งขึ้นได้ทันที นัยน์ตาสีคืนเดือนดับเต็มไปด้วยความดูแคลนเมื่อสมองรู้แจ้งว่าชายตรงหน้ามาพบด้วยเรื่องอันใด
เดนิเรลผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหกนิ้วสี่ฟุต เขาเดินอ้อมโต๊ะทำงานใหญ่ออกมายืนค้ำศีรษะของคู่สนทนาที่ตอนนี้นั่งก้มหน้าอยู่ด้วยท่าทางเหยียดหยันที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบัง
“ผมขอโอกาสสักครั้งเถอะครับคุณเดนิเรล...”
เสียงสั่นเทาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของ ดิเอโก้ โรดิเกซ บิดาแท้ๆ ของมุนินและดานีนดังขึ้นแผ่วเบา ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยความทุกข์ค่อยๆ เงยสบประสานสายตากับคู่สนทนาอย่างวิงวอน ตอนนี้ก็มีแค่การ์รัสโซ่เท่านั้นแหละที่จะสามารถช่วยตระกูลของเขาได้ ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพวกเทพบุตรมาร การ์รัสโซ่ เท่านั้น
“บริษัทของคุณคดโกงต่อประชาชน เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส และอย่างนี้คุณยังคิดอีกหรือว่าผมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคุณ ไม่มีทางหรอก...” ความชิงชังในน้ำเสียงก้องกังวานของเดนิเรลดังลั่นในหูของดิเอโก้
“รู้ไหมว่าตอนนี้ผมขยะแขยงพวกโรดิเกซมากแค่ไหน พวกคุณมันก็แค่ขยะ เศษขยะสังคมที่ควรจะถูกนรกสูบลงดินไปซะ”
เดนิเรลเค้นเสียงชิงชังลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา ใบหน้าหล่อระเบิดแดงก่ำด้วยโทสะร้าย เขาจ้องมองคู่สนทนาต่างวัยด้วยความเดียดฉันท์ เขาแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่าหลังจากที่ดิเอโก้ก่อเรื่องร้ายแรงแบบนั้นแล้วจะยังมีหน้าเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเขาอีก
ทุเรศสิ้นดี!
“ผมรู้ว่าตัวเองทำผิด...”
“ไม่ใช่แค่ผิดหรอกคุณดิเอโก้ แต่คุณมันชั่วช้ามากต่างหาก รู้ไหมว่าความเห็นแก่ตัวของคุณทำให้ คนบริสุทธิ์กว่าครึ่งร้อยต้องมาตาย...”
“ผม... ผมผิดไปแล้ว ผมยอมรับผิด”
ดิเอโก้คร่ำครวญ น้ำตาซึมออกมาจากดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าคู่นั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ก็ครบอาทิตย์หนึ่งแล้วเขาแทบไม่ได้พักผ่อนเลย ความผิดที่เกิดจากความโลภของตัวเองนั้นทำให้เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้ เขารู้สึกละอาย แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว มันสายเกินไปกว่าจะแก้ไขทุกอย่างได้แล้ว
“สำนึกผิด... ถ้าคุณสำนึกผิดจริงๆ แล้วบากหน้ามาพบผมทำไม หรืออยากให้ผมส่งคุณเข้าคุกให้เร็วขึ้นล่ะ”
เดนิเรลเยาะเสียงดูแคลน เขาเดินไปทรุดนั่งลงบนโซฟานุ่มที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องทำงานแสนอลังการของตัวเอง มองคู่สนทนาที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินมาหยุดตรงหน้าของเขาด้วยความขยะแขยงไม่ปิดบัง
“ผมมาขอร้องคุณเดนิเรล...”
“ขอร้องผม... คนต่ำช้าอย่างคุณยังมีหน้ามาพูดคำนี้กับผมอีกหรือ ผมว่าคุณรีบไปให้พ้นหน้าผมเสียเร็วๆ ดีกว่า ก่อนที่ผมจะให้รปภ. มาลากคุณลงไปเสียเอง...”
ไม่มีร่องรอยความปรานีในกระแสเสียงของผู้ชายทรงอำนาจตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ดิเอโก้กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขามองคู่สนทนาอย่างอ้อนวอนก่อนจะพูดออกไป
“ผมรู้ว่าคุณเกลียดชังผม... แต่ผมอยาก... อยากขอร้องให้คุณเดนิเรลช่วยลูกสาวของผมด้วย ช่วยพวกแกให้รอดพ้นจากความคั่งแค้นของประชาชนด้วย พวกแกไม่รู้เรื่อง...”
เดนิเรลแค่นยิ้มหยัน ดวงตาคมกริบไม่ผิดจากพยัคฆ์ร้าย “ผมจำเป็นต้องทำขนาดนั้นเชียวหรือ...”
ความไม่ใยดีในน้ำเสียงของเดนิเรลมีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจของดิเอโก้เสียเหลือเกิน หัวใจของเขากระตุกวูบ ใบหน้าเศร้าหมองซีดเผือด
นี่คือหนทางเดียวที่จะช่วยมุนินกับดานีนได้ มีแค่อาณาจักรของการ์รัสโซ่เท่านั้นที่จะสามารถช่วยเหลือลูกสาวทั้งสองคนของเขาจากน้ำมือของคนพวกนั้นได้
“คิดเสียว่าทำบุญเถอะนะครับคุณเดนิเรล... ผมยอมตายเพื่อชดใช้ความผิด แต่ผม... ผมยอมให้ลูกสาวของผมทั้งสองคนต้องมาพลอยลำบากไปกลับผมด้วยไม่ได้ ผม... ผมสงสารพวกแก...”
“กลับไปซะ ผมไม่ช่วยเหลือคนขี้โกงแบบพวกคุณหรอก”
เดนิเรลผุดลุกขึ้นยืน ดวงตาสีนิลเนื้อดีจ้องหน้าคู่สนทนาราวกับจะฆ่าให้ตายเขาจะไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับพวกคนขี้โกงอย่างแน่นอน
“ผมขอร้อง... แค่ช่วยลูกสาวของผม...”
“ไม่ว่าคุณจะร้องไห้ หรือจะคุกเข่าต่อหน้าผมก็ตาม... จำเอาไว้ผมไม่มีทางช่วยเหลือคนโลภต่ำช้าแบบคุณแน่คุณดิเอโก้ โรดิเกซ...” เดนิเรลเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา ความชิงชังอัดแน่นอยู่ในน้ำเสียงนั้นมหาศาลเลยทีเดียว
“ได้โปรดเถอะ... ครับ...”
ดิเอโก้น้ำตาร่วงอาบแก้ม เขาพยายามวิงวอน พยายามขอร้องชายตรงหน้าให้เห็นใจลูกสาวของเขาทั้งสองคน แต่ผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าจอมมารแห่งการ์รัสโซ่กลับใจหินเหลือเกิน เดนิเรลไม่ยอมช่วยเหลือ แถมยังผลักไสให้ตระกูลโรดิเกซของเขาลงนรกเร็วยิ่งขึ้นเสียอีก
“ไปซะ!”
และก็ไม่มีประโยชน์ที่จะวิงวอนต่อไปอีกเมื่อเดนิเรล การ์รัสโซ่ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่มีวันยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของเขาที่กำลังเดือดร้อนอย่างแน่นอน ไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้อีกแล้ว ไม่เหลือทางที่จะดิ้นหนีได้อีกแล้วจริงๆ เขาไม่ควรเลย ไม่ควรที่จะเห็นแก่เงินเพียงแค่ไม่กี่สิบล้านพวกนั้นเลย แต่มาคิดได้ก็ตอนที่สายจนไร้ทางแก้ไขแล้ว ดิเอโก้น้ำตาไหลไม่หยุด ขณะเดินคอตกราวกับคนสิ้นหวังออกมาจากห้องทำงานของเดนิเรล ตลอดเส้นทางที่ย่ำลงไปบนพื้นพรมหนานุ่มนั้นช่างไม่ต่างจากการเหยียบลงไปบนเข็มแหลมคมเลยแม้แต่นิดเดียว
ลิโอเนลต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเดนิเรลเต็มไปด้วยโทสะ หนุ่มผู้พี่หันไปปิดประตูห้องทำงานอย่างเบามือก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวตรงข้ามกับน้องชาย เดนิเรลปลายตามองพี่ชายคนรองแวบหนึ่งก่อนจะถอนใจออกมา
“พี่ลีโอมีอะไรกับผมหรือครับ...”
“แค่แวะมาหาเท่านั้น ว่าแต่นายเถอะหน้าบูดราวกับโกรธใครมาสักพันปีอย่างนั้นแหละ ไหนว่ามาสิว่าเป็นอะไรไป...”
เดนิเรลถอนใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหันมาจ้องหน้าพี่ชาย “พี่ลีโอรู้ข่าวเรื่องตึกอเวลเทลถล่มแล้วใช่ไหมครับ...”
ลิโอเนลพยักหน้าน้อยๆ “รู้สิ ข่าวดังจะตายไป เห็นว่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างโดนอ่วมเลยนี่ เอ่อ รู้สึกว่าเจ้าของบริษัทจะเป็นพ่อของอดีตคู่ขาของนายด้วยนะ ยายมุนินอะไรนั่นไง...”
ดวงตาสีคืนเดือนดับของเดนิเรลลุกโชนราวกับไฟ “พวกนั้นสมควรโดนแล้วล่ะครับ คนชั่วก็ต้องรับผลกรรมชั่วๆ ที่ตัวเองกระทำขึ้น และอีกอย่างนะพี่ลีโอ มุนินไม่ใช่คู่ขาของผม และถึงจะเคยคุยกันแต่ผมกับเธอเลิกคุยกันไปตั้งนานแล้ว...”
ผู้เป็นพี่ชายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะไหวไหล่กว้างทางพลังอย่างไม่แยแสสิ่งใด “พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ว่าแต่นายเถอะทำไมถึงพูดเหมือนกับว่าพวกโรดิเกซเป็นคนผิดล่ะ... บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็ได้นี่...”
เดนิเรลส่ายหน้าคัดค้าน ความชิงชังผุดพรายเต็มดวงตาคมกริบ “มันไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้หรอกครับ แต่มันคือสิ่งที่คนละเลยที่จะไม่ควบคุมมันต่างหาก ตึกนั้นสร้างไม่ได้มาตรฐาน พวกโรดิเกซเห็นแก่เงินที่เจ้าของตึกมอบให้ จึงลดคุณภาพของอุปกรณ์ทุกอย่างลงไป และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อเวลเทลถล่มในครั้งนี้...”
“นายรู้ได้ยังไง... ตำรวจสรุปแล้วหรือ”
“พี่ลีโออย่างลืมสิว่าผมน่ะก็เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเหมือนกัน แค่มองผมก็รู้แล้ว...”
จริงสินะ เดนิเรลเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจก่อสร้างและออกแบบรายใหญ่ที่สุดในยุโรปใต้ แล้วเขาเชื่อแน่ว่าในอีกปีสองปีข้างหน้าบริษัทของเจ้าน้องชายตัวแสบจะต้องแผ่อำนาจครอบคลุมไปทั่วทั้งทวีปยุโรปและดินแดนใกล้เคียงได้อย่างแน่นอน และด้วยความจริงข้อนี้ก็ทำให้ลิโอเนลไม่คิดที่จะสงสัยในคำพูดของน้องชายเลยแม้แต่น้อย
“แล้วนายจะทำยังไงต่อไปล่ะ เพราะหากพี่ตาไม่ฝาดเมื่อกี้เหมือนเห็นหลังของนายดิเอโก้เดินสวนเข้าลิฟต์อีกตัวไปแวบๆ น่ะ”
ผู้เป็นน้องพยักหน้าน้อยๆ รอยยิ้มขยะแขยงผุดขึ้นเต็มไปหน้า “พี่ลีโอตาไม่ฝาดหรอกครับ นายดิเอโก้มาหาผมจริงๆ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเลือกมาหาผม ทั้งๆ ที่การ์รัสโซ่มีตั้ง 5 คน แต่มันจะด้วยเหตุผลใดก็ช่างเพราะถึงให้เขาคุกเข่าต่อหน้าผมก็ไม่มีทางช่วย ผมจะยืนมองคนพวกนี้ถูกสังคมลงโทษจนตาย...”
“แต่พี่ว่าลูกสาวของเขาไม่เกี่ยวข้องด้วยนะ...”
เดนิเรลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขานั่งนิ่ง บอกตัวเองให้ใจแข็งอย่าได้ไปเห็นอกเห็นใจคนพวกนั้น แต่สุดท้ายก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เมื่อภาพของแม่เด็กสาวปากตลาดอย่างดานีนผุดในมาในสมอง เขาทั้งเกลียดทั้งชังยายเด็กคนนี้ แต่ไม่รู้ทำไมในหัวถึงได้มีภาพของแม่นี่อยู่ตลอดเวลานะ เดนิเรลตั้งคำถามกับตัวเองในอกแต่จนแล้วจนรอดก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี
“พ่อชั่ว... ลูกก็ต้องชั่วครับ... ผมไม่เชื่อหรอกว่าสายเลือดในตัวของแม่พวกนั้นจะไม่ใช่สีเดียวกับนายดิเอโก้”
หนุ่มหล่อลากไส้ผู้เกิดมาที่หลังแค่นยิ้มชิงชัง คนพวกนี้ต่ำช้าและแน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างเด็ดขาด
“นายนี่ใจแข็งชะมัดเลยนะแดน ทำเหมือนกับคนไม่มีหัวใจ...”
ผู้เป็นน้องชายแสยะยิ้ม จ้องหน้าคู่สนทนาซึ่งเป็นพี่ชายนิ่ง ก่อนจะย้อนด้วยน้ำเสียงติดกระด้าง
“แล้วพวกเราการ์รัสโซ่มีใครมีหัวใจบ้างล่ะครับ...”
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง