/0/4669/coverbig.jpg?v=f06f91cca4a4553cdf8a983ca7fe1086)
ยามค่ำคืนภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องสว่าง ยังมีความลึกลับซุกซ่อนอยู่ จากกลุ่มซึ่งอยู่ด้วยความเหงาเศร้า โดดเดี่ยวเดียวดาย อ้างว้างและเจ็บปวด เมื่อการอยู่เหมือนตายทั้งเป็น ใช้ชีวิตท่ามกลางความมืดมิด เขาผู้ซึ่งถูกเรียกว่า “มนุษย์กึ่งอมตะ” ผู้ที่อาศัยอยู่ด้วยการเป็นนักล่ายามราตรี หิวโหยการเสพสมเพื่อให้ได้มาซึ่งเลือดสดๆ เป็นอาหาร มีคนนิยามเขาไว้ว่า “แวมไพร์...กระหายเลือด!” “Chapter I : Vampire ล่ารัก” เนิ่นนานที่ “คีธ” เดินอยู่บนเส้นทางแสนเดียวดาย ไร้สิ้นความหวังกลับคืนมาเป็น “มนุษย์” แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป เมื่อค่ำคืนหนึ่งมีสาวน้อยแสนแปลกนาม “ชมบุหลัน” เดินเข้ามาในชีวิต เธอผู้ไม่เหมือนใคร คนที่ก้าวเข้ามาเติมเต็มความอ้างว้างแสนเปล่าเปลี่ยว และทำให้เขารู้ว่า... โชคชะตายังไม่โหดร้ายเกินไป เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็เป็นอีกหนทางที่ต้องรอการพิสูจน์! มนตร์เสน่หา Lycan : เธอปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมืด ของค่ำคืนเหน็บหนาวและสายฝนโปรยปราย กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนในกายยักษ์ใหญ่สี่ขาขนปุยให้... กระหายเสพรักจากเลือดเนื้อและกายา! อย่างเร่าร้อนดุเด็ดและเผ็ดมัน ชีวิตนี้เพื่อเธอ... “Angel” Vampire เจ้าเสน่ห์ : “ที่เธอพูดมาน่ะ ฉันต้องได้อยู่แล้ว แต่ที่ต้องการนะเป็น...” เขามันพวกมักมาก ถ้าได้คือต้องทั้งหมด แต่ถ้าไม่ได้...เขาก็จะกำจัดมิให้เหลือซาก! “อะไร” สุพรรณิการ์เอ่ยถามด้วยหัวใจสั่นๆ Lycan แสนเสน่หา : แน่ะ...ยายตุ้ยนุ้ยจอมตะกละกลบความเขินด้วยการทำหน้ากระฟัดกระเฟียดและประทุษร้ายเขาเสียนี่ อย่างนี้ต้องถูกลงโทษ! เจอโรมีสอดแขนรัดรอบเอวคอดกิ่วและพลิกกายกลับให้ร่างนุ่มนิ่มตกอยู่ใต้อาณัติ “ว้าย! ไม่เอานะเจโร ไม่เล่นอย่างนี้นะ” เจ้าสาว Vampire : “ให้หัวใจนำทาง รักจะพาเราผ่านเรื่องเลวร้ายทุกอย่างไปได้” พลังแห่งรักชนะทุกสิ่ง!
ตอนที่ 1
ท่ามกลางแสงสีพร่างพราวและเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม เหล่าสาวงามหุ่นเอกซ์เซ็กซี่อวดสัดส่วนเรือนกายในเสื้อผ้าน้อยชิ้น โยกย้ายส่ายสะโพกยั่วยวนเหล่าภมรผู้มีอันจะกิน สอยกลับไปบำรุงบำเรอกามา แลกเปลี่ยนเงินทองและความสุขชั่วครั้งชั่วคราว!
แต่เพียงแค่หนุ่มหุ่นล่ำร่างบึกบึน ใบหน้าฉายแววเย็นชา เดินผ่านประตูเข้ามา ทุกสายตาก็โฟกัสไปที่เขาเป็นจุดเดียวกัน
เมื่อชายหนุ่มทรุดนั่งประจำที่...มุมซึ่งจัดไว้สำหรับแขกวีไอพี สาวน้อยพิมพ์มาดาพาร่างสูงด้วยสัดส่วนอกเอวอรชรอ้อนแอ้นรับกับขาเสลายาวเรียว ซึ่งเพิ่งได้รับอภิสิทธิ์ในการได้เข้ามายั่วยวนมอบความสุขให้หนุ่มคีธก็เริ่มทำหน้าที่ของตัวเองในทันที
“พิมพ์นึกว่าคุณคีธจะไม่มาเสียแล้วซิคะ” เอื้อนเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงหวานระคนเซ็กซี่ บดเบียดร่างชื้นให้กลิ่นเหงื่อที่ผุดไหลตามร่องรูขุมขนแตะจมูกโด่งขึ้นสัน กระตุ้นความต้องการของคีธให้พุ่งโลดลิ่วสู่จุดหมายปลายทาง พาเธอกลับรังรักสุดแสนลับของเขา เพื่อจัดเสิร์ฟอาหารรสแซบ ตามข่าวที่ได้ยินมา
“เธออย่าคิดว่าตัวเองโชคดีนะพิมพ์ ที่ได้เข้าไปใกล้ชิดคุณคีธในอาทิตย์นี้น่ะ”
“ทำไมล่ะ” พิมพ์มาดาเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนแบะหน้าหยามหยัน เพื่อนไม่จริงใจกลุ่มนี้พูดให้เธอใจเสียเพราะอิจฉาที่เธอโชคดีกันละซิ แต่ละคนใฝ่ฝันอยากเข้าใกล้คุณคีธจนเนื้อเต้นแล้ว แต่เสนอตัวไปกี่ครั้งๆ ก็ถูกปฏิเสธกลับมา
“ถึงเขาจะหน้าตาหล่อเข้มราวเทพบุตรมาจุติ มาดหรือก็งามสง่าราวกับเจ้าชายจากต่างแดน แต่นิสัยนะซิ...”
ส่วนหนึ่งคือความอิจฉาที่เพื่อนสาวได้ไปบริการคีธจริง แต่อีกส่วนก็คือความตื่นกลัวและกังวลใจ กลัวพิมพ์มาดาจะเป็นเหมือนกับสาวคนอื่นๆ
“ไหน...อย่าเวิ่นเว้อ เล่ามาให้ละเอียดซิ คุณคีธเป็นอะไร”
“แกจำไม่ได้หรือไง สาวๆ ที่ไปอยู่กับคุณคีธหนึ่งอาทิตย์ กลับมาเป็นยังไงบ้าง...ถึงแม้มีเงินทองราวกับถูกเนรมิตมาให้ แต่ทุกคนจำใครไม่ได้เลย หน้าที่เคยสดใสก็ขาวซีดอย่างกับซากศพ หุ่นที่เคยอวบอั๋นก็เปลี่ยนไปเป็นผอมแห้งอย่างกับไม้เสียบผี” คนพูดทำเสียงสั่นๆ เสียวแผ่นหลังขึ้นมาวูบหนึ่งคล้ายถูกจับจ้องจากสิ่งลี้ลับ
“จริงด้วยยายพิมพ์ แกจำยายปาวรินทร์ได้ไหมล่ะ นั่นคนหนึ่งละ กลับมาเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดวิ่น เลือดไหลอาบ...อย่างกับถูกใครลากไปข่มขืนอย่างนั้นแหละ แล้วยังมีอาการหวาดผวา จนเขานึกกันว่าถูกของ รีบวิ่งหาหมอผีมาทำการรักษากันเสียให้วุ่นวายเลย”
“แหม...เรื่องแค่นี้เอง ยายนั่นอาจไปประสบอุบัติเหตุมาจนความจำหายไปก็ได้” คนไม่เชื่อในอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้เอ่ยอย่างไม่แยแส ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อย พลางแสยะยิ้มหยามหยัน
แต่ละคน...แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ขู่ให้เธอกลัวจนถอนตัวไม่เข้าหาคีธ เพื่อตัวเองจะได้เข้าสอดแทรกแทน นึกว่าเธอไม่รู้หรือไง
“พวกเธอกลัวว่าฉันคือคนที่ใช่...นางในฝันที่คุณคีธตามหา คนที่เปลี่ยนหนุ่มเย็นชาเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ยิ้มแย้มและหัวเราะได้” เอ่ยถึงเรื่องเล่าที่เคยได้ยินมาจากปากของหนึ่งในคนที่คอยดูแลอารักขาคีธ
“เออ...ตามใจ แกไม่เชื่อพวกเราก็ตามใจ งั้นก่อนแกเข้าไปยั่วคุณคีธ ก็อย่าลืมเต้นให้เหงื่อไหลซกแล้วกัน”
“บ้าหรือเปล่า ไปหาผู้ชายต้องเลิศหรูดูดี ให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกเจอไม่ใช่หรือไง”
“อ้าว...แกไปมุดหัวอยู่ในรูไหนฮึยายพิมพ์ ถึงไม่รู้ว่าคุณคีธนะเขาคลั่งกลิ่นเหงื่อ ไม่รู้หรือไงกลิ่นเหงื่อมันกระตุ้นความต้องการของผู้ชายให้จัดการแกเร็วๆ ขึ้น ได้ข่าวว่าคุณคีธของแกนะใหญ่และ...อึดเกินพิกัดด้วยนะโว้ย”
“บ้า! พวกแกนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ น่าอายจะตายไป” บิดกายไปมาด้วยความเขินอาย ใบหน้าร้อนผ่าวจรดลำคอ แต่ประกายในตากลับพร่างพราวระยับ
“โอ๊ย! แกไม่ต้องมาทำตัวเป็นยายสาวน้อยไร้เดียงสาเลยยายพิมพ์ ถูกผู้ชายสอยมากินจิ้มจุ่มตั้งแต่ไม่แตกเนื้อสาว ดีนะที่ยังรักษาตัวเองไม่ให้ป่องได้...แต่ถ้าเกิดแกจำได้ อย่าลืมเล่าให้ฟังนะ คุณคีธจัดการแกท่าไหน ยังไง นานเท่าไหร่ ทั้งอาทิตย์จนเข่าอ่อนเดินไม่ได้อย่างที่พวกเราได้ยินข่าวมาหรือเปล่า”
“พวกแกนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ ฉันไปเตรียมตัวอาบน้ำแร่แช่น้ำนม ขัดนวดผิวให้เนียนนุ่มดีกว่า จะได้ถูกใจคุณคีธ จนตกลงปลงใจเลือกฉันไว้เป็นคู่ตลอดไป” เอ่ยเสียงใสแจ๋ว รอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า ขณะลุกขึ้นยืนก็ยังมีเสียงหัวเราะกลั้วคอ
พิมพ์มาดาเดินเยื้องย่างราวกับนางพญาไปหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ ก็เผอิญนึกขึ้นมาได้ รีบหันใบหน้าเปื้อนยิ้มไปมองเพื่อนสาวแต่ละนาง
“อย่าลืมอวยพรให้ฉันด้วยล่ะ ถ้าได้เป็นเมียคุณคีธจริงๆ ฉันจะพาพวกแกไปช็อปต่างประเทศ...พ็อกเกตมันนี่ไม่อั้นเลย”
“วันนี้คุณคีธหน้าตาเครียดจัง มีอะไรทำให้ไม่สบายใจหรือคะ” นิ้วยาวเรียวยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมรกครึ้มด้วยไรหนวดเขียวครึ้มยาวจากจอนหูฝั่งหนึ่งไปจรดอีกฝั่งและเหนือริมฝีปากสีแดงสด
“ไม่มีอะไร” เอ่ยปฏิเสธอย่างรู้ความต้องการของเหล่าแมลงเม่าที่โผบินเข้าหาแสงไฟดี แต่ในวันนี้เขาเหนื่อยหน่ายจนมองอะไรก็ทำให้เบื่อหน่ายไปเสียหมด
“พูดอย่างกับคนกำลังทุกข์หนัก มีอะไรบอกพิมพ์ได้นะคะ พิมพ์พร้อมช่วยคุณคีธทุกอย่าง” เอ่ยถามน้ำเสียงเซ็กซี่ ร่างอวบอัดด้วยโนมเนื้อนมไข่รับกับเอวเล็กคอดเอนกายอิงแขนกำยำ ช่วงขาเรียวยาวขาวนวลตวัดเล็กน้อยก็พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง
มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อยอย่างหยามหยัน เขากับอีกสี่ที่ไม่รู้จะเรียกอะไร คนหรือหมาบ้าดี พวกชอบทำอะไรไม่เหมือนมนุษย์มนา เปิดคลับเรียกบริการราคะจากสาวงาม เพื่อควานหาหญิงสาวคู่ชีวิต
หญิงสาวผู้มีรักแท้ให้โดยไม่เกรงกลัวตัวตนอันน่าหวาดกลัว ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ปลดปล่อยเขาและ...คนและหมาบ้าให้เป็นอิสระจากสิ่งที่เป็นอยู่และดำเนินมายาวนาน แต่สิ่งที่ได้พบ...
สาวงามทุกคนมีตำหนิ ล้วนแล้วแต่กระหายอยากในเงินทองและเพลิงราคะที่โหมลุกไหม้ไม่รู้จักจบสิ้น ทุกคนจึงต้องได้รับการสนองตอบและสั่งสอน!
“ฉันไม่มีอารมณ์” ไม่แค่เหนื่อยแต่เขารู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ทำให้ร่างกายซึ่งเคยแข็งแกร่งอ่อนเปลี้ยเพลียจนหมดแรง หรือวันที่เขาจำต้องละร่างกายนี้ไปเป็นดวงจิตลอยล่องไปอย่างไร้จุดหมายมาถึง!
ก็คงดี...เขาไม่อยากเหนื่อยกับการรอคอยและเฝ้าควานหาอย่างไร้จุดหมายอีกแล้ว
คีธยกมือขึ้นวางบนไหล่กว้างดันร่างเพรียวให้ถอยห่าง อีกสามวันพระจันทร์เต็มดวง...คืนอันเลวร้ายที่เขาและเพื่อนๆ ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดทางร่างกาย!
ใบหน้าคมเข้มมีเกราะคือความเย็นชาเคลือบไว้ยิ้มหยัน “อยากได้คนช่วยผ่อนคลายกำหนัดกับเงินทอง เดี๋ยวฉันสงเคราะห์เรียกคนมาให้แล้ว” ยกมือจับแขนกลมกลึงที่ยกขึ้นพาดบ่ากว้างออกห่าง
“คืนนี้ฉันไม่อยากได้...เหม็นเบื่อคราบคาวๆ ที่เกาะติดบนตัวสาวๆ อย่างพวกเธอ ชอบมาหลอกย้อมแมวขายตัวเอง ทั้งที่ผ่านมาเยอะจนน่าสงสัย จำหน้าคนที่มีอะไรด้วยได้หมดทุกคนหรือเปล่า”
“อุ๊ย! อะไรกันคะคุณคีธ ใครทำให้อารมณ์เสียคะนี่” แม้จะหน้าเสียกับคำพูดชายหนุ่มที่เธอฟังยังไงเหมือนถูกด่านิ่มๆ ใส่หน้า แต่พิมพ์มาดาก็ยังฉีกยิ้มหวานๆ ได้
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"