'ฉันเอารูปมาคืนคุณตามคำสัญญา หวังว่าคุณจะทำตามคำพูดนะคะ คุณปวีร์' 'แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วสิเอมีก้า' 'หมายความว่าไง' 'หมายความว่าผมจะทำให้คุณมาเป็นผู้หญิงของผมแทนการเก็บสะสมรูปพวกนั้นน่ะสิ' 'คุณปวีร์!'
“ฉันเอารูปมาคืนคุณตามคำสัญญา หวังว่าคุณจะทำตามคำพูดนะคะคุณปวีร์” เอมิกายื่นซองใส่มินิการ์ดให้คู่กรณีหนุ่มที่นั่งเอนกายน้อยๆ ราวกำลังทอดอารมณ์อย่างสบายใจทั้งที่เธอแสนตึงเครียดด้วยไม่แน่ใจว่าปวีร์จะไม่คิดตุกติกและยินดีทำตามเงื่อนไขที่เขาและเธอตกลงกันเมื่อวันแต่งงานของคีตากับศรัณย์
ชีวิตของเธอวุ่นวายมามากพอแล้ว นับตั้งแต่คุณวิทยาผู้เป็นเจ้านายที่ให้เธอไปติดตามดูความเคลื่อนไหวและหาข่าวเรื่องหญิงสาวคนใหม่ของคาสโนว่าหนุ่ม แต่เมื่อเธอถ่ายรูปอนาจารของเขากับคู่ควงได้สมใจแทนที่เธอจะเอารูปไปลงข่าวตามที่รับคำสั่ง แต่เธอกลับเปลี่ยนใจเก็บไว้ไม่เอาไปเปิดเผย ด้วยไม่อยากทำผิดจรรยาบรรณ ดังนั้นเธอจึงยอมถูกไล่ออกตามเงื่อนไขที่เจ้านายกำหนดถ้าไม่มีข่าวของเขามาลง เธอยินยอมวางมือจากงานที่รักตั้งใจกลับไปอยู่บ้านที่ระยอง
แต่โลกช่างกลมเหลือเกิน เมื่อเธอได้เจอคีตารุ่นพี่สาวที่นำพาให้เธอกับปวีร์กลับมาพบเจอกัน และหลังจากนั้นชีวิตเธอก็ไม่มีคำว่าสงบสุขเพราะ ปวีร์ตามรังควานเธอไม่เลิก ท้ายสุดจึงต้องเสนอเงื่อนไขข้อตกลงว่าจะเอารูปมาคืนเขา นั่นคือสาเหตุที่เธอมาพบเขาวันนี้ แต่ว่า...
“ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วสิเอมีก้า” ปวีร์มองซองใส่ไมโครชิตรงหน้านิ่งไม่แม้แต่จะแตะต้องให้เสียเวลา รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ระบายเต็มใบหน้า เขามีแผนการใหม่ที่จะเอาคืนคนตัวเล็กได้ดีกว่ายึดรูปเจ้าปัญหากลับมา ในเมื่อเอมิกาสร้างวีรกรรมเจ็บแสบให้ เขาก็จะกลั่นแกล้งให้หญิงสาวได้หวาดผวาเป็นการแก้แค้นคืนที่ทำเขาแสบทรวงด้วยสเปรย์พริกไทยนั่น
“คุณหมายความว่ายังไง” เอมิกาอ้าปากค้างตาโต ด้วยสิ่งที่เธอคิดหวาดหวั่นดูท่าจะเป็นจริง เธอน่าจะรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้านี้เจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจเพียงใด เธอไม่น่าคิดเชื่อใจเลยว่าเขาจะยุติเรื่องราวเพียงแค่นี้
“หมายความว่าผมจะทำให้คุณมาเป็นผู้หญิงของผมแทนการเก็บสะสมรูปพวกนั้นน่ะสิ” ปวีร์ตอบนิ่งๆ ยิ้มๆ สายตาคู่คมเจือด้วยแววหวานหยดตวัดกวาดสำรวจทั่วเรือนร่างแบบบางและย้อนกลับมาจับจ้องตรงเนินอกนิ่งอย่างจงใจจนคนถูกมองเกิดอาการสะท้านไหวด้วยความหวาดกลัว
“คุณปวีร์!” เอมิกาอุทานขานนามนั้นอย่างตกใจ มือน้อยยกขึ้นเกาะกุมเสื้อเชิ้ตตัวเก่งตรงเนินอกแน่นเมื่อได้สบสายตาที่มองมาราวจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากเรือนร่างเธอเสียเดี๋ยวนั้น
“ชู่ว… ไม่ต้องทำหน้าดีใจมากขนาดนั้นก็ได้ครับ คุณไม่ได้เป็นผู้หญิงของผมคนเดียวซะหน่อย ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่เขาก็เป็นผู้หญิงของผมเหมือนกัน” ปวีร์ขยิบตาให้อย่างยียวน รอยยิ้มที่บ่งบอกความเป็นคนหลงตัวเองฉายชัดบนใบหน้าหล่อเหลา
“คุณมันซาตานร้ายชัดๆ” เอมิกาสบถได้แค่นั้น ด้วยไม่รู้จะโต้ตอบกลับอย่างไร บางสิ่งในดวงตาคู่หวานของคนที่เธอขนานนามว่าซาตานร้ายทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น และตั้งแต่นี้ไปชีวิตของเธอคงยิ่งวุ่นวายเพราะมีคู่อาฆาตเพิ่มขึ้นอีกคน
“ผมถือว่านั่นเป็นคำชม” ปวีร์พูดแล้วหัวเราะร่าเริง
เอมิกาเห็นปวีร์หัวเราะอย่างสบายอารมณ์ก็ยิ่งทำให้เธอออกอาการหมั่นไส้จนอยากจับคนตัวโตหักแขนหักขา
“คุณต้องการอะไร” หญิงสาวพยายามตั้งสติหวังเจรจากับเขาอย่างจริงจังอีกครั้ง เธอไม่มีเวลามากพอที่จะมาคอยระแวดระวังว่ายามใดที่คู่อาฆาตจะแผลงฤทธิ์ใส่เธอจนหัวหมุน เพราะเท่าที่ดูปวีร์เป็นผู้ชายที่ยากต่อการรับมือจริงๆ หลายครั้งที่ผ่านมายามเผชิญหน้ากันนั้นเธอมักตกเป็นรองเขาเรื่อยมาแม้แต่ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ผมก็แค่ต้องการดูพฤติกรรมคุณจนกว่าจะมั่นใจว่าคุณจะไม่ลอบทำร้ายผมภายหลังก็เท่านั้น” ปวีร์ยิ้มเย็นๆ ก่อนเน้นคำในช่วงท้ายประโยค
“ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นนะ” เอมิการีบท้วงทันทีเมื่ออีกฝ่ายตอบคำ
“น่าเชื่อตายล่ะ ในเมื่อคุณยังกล้าพอที่จะลักลอบถ่ายรูปพวกนี้ได้ แล้วผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้แอบก็อบปี้ไว้เอาไว้แบล็คเมล์ผมทีหลัง” ปวีร์สวนกลับทันควันพร้อมรอยยิ้มหยามเหยียด ดวงตาคมคู่หวานจับจ้องดวงตาสีน้ำตาลที่วาวโรจน์ด้วยความเคืองโกรธอย่างท้าทาย
เอมิกาฟังแล้วเดือดพล่านเหลือจะทน หญิงสาวอยากชกหน้าเขาสักครั้งให้หายแค้น แต่ที่ทำได้ก็แค่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบโต้
“คุณนี่มัน...” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เอ่ยจนจบปวีร์ก็สอดรับขึ้นอย่างรู้ทัน
“ซาตานชัดๆ”
“คุณ” เอมิกาได้แต่เข่นเขี้ยวด้วยไม่อาจโต้ตอบวาจาเผ็ดร้อนนั้นได้ จริงอยู่ที่เธอหาญกล้าแอบถ่ายรูปนั่น แต่คนอย่างเธอไม่ชั่วช้าพอที่จะเอารูปไว้แบล็คเมล์ใครอย่างที่เขาคิด
“ระวังนะครับ ระวังตกหลุมรักซาตานอย่างผม” ปวีร์กระเซ้า เมื่อได้เห็นท่าทีของอีกฝ่าย ชายหนุ่มนึกสนุกที่ได้หยอกเย้าให้หญิงสาวหลุดโวยวายและถ้ายิ่งวุ่นวายใจจนไม่เป็นอันหลับนอนได้ยิ่งดี
“น่ารังเกียจที่สุด คุณมันหลงตัวเองชะมัด” เอมิกาสะบัดหน้าใส่เมื่ออีกฝ่ายใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มผุดพรายราวอารมณ์ดีเสียหนักหนา
“ก็ผมมันคนมีเสน่ห์ ผมจะไม่หลงตัวเองได้ไงล่ะครับไปก่อนนะครับ” ปวีร์ตอบคำที่ทำให้อีกฝ่ายยิ่งขุ่นเคืองใจแล้วทิ้งท้ายด้วยประโยคที่คนฟังขัดเคืองใจยิ่งกว่า “แล้วเจอกัน ...แมวน้อย”
“อ๊าย! อีตาบ้า! ฮึ่ย! คิดจะจับฉันเป็นนางในฮาเร็มงั้นรึ ฝันไปเถอะนายปวีร์ แล้วจะหาว่าเอมีก้าไม่เตือน!” เอมิกาได้แต่ก่นด่าตามหลังเพราะเพียงจบคำคนตัวโตก็ลุกขึ้นเดินจากไปทิ้งความเคืองแค้นใจไว้ให้เธอเพียงลำพัง คนตัวเล็กได้แต่นั่งกระฟัดกระเฟียดด้วยความขัดใจ
จากวันนี้ไปคือเวทีแห่งการชิงไหวพริบระหว่างคาสโนว่าหนุ่มผู้ร้อนรักกับเหยี่ยวข่าวสาวตัวฉกาจที่ต่างฝ่ายต่างหมายมาดจัดการให้อีกฝ่ายก้าวพลาดเพลี่ยงพล้ำยอมปราชัย
หัวใจหนุ่มที่แห้งแล้งไร้รักมายาวนานจะกลับมาเบ่งบานชุ่มชื่นได้อีกหรือไม่ ในเมื่อชั่วชีวิตนี้เขาไม่คิดว่าจะเปิดใจรักหญิงใดในโลกอีกเพราะทุกเวลาเขาโหยหาแต่รักแรกที่กลายเป็นปลายเหล็กแหลมทิ่มแทงใจจนทุกวันนี้
‘น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 'ผู้ชายขายกล้วย’ อย่างคุณ ขอบคุณค่ำคืนดีๆ ที่น่าจดจำ’ ‘เปลวตะวัน’ ฉุนจัดเมื่อตื่นมาในเช้าวันใหม่หลังผ่านค่ำคืนอัน เร่าร้อนกับแม่สาวไวไฟความเร็วเกิน 5G แล้วพบธนบัตรสีเทา ปึกหนึ่ง พร้อมจดหมายน้อยระบุข้อความถึงเขาชัดเจน!! "ห้าหมื่น! กล้าดียังไงมาตีค่าราคาฉันด้วยเศษเงินแค่นี้” คนอย่างเขาเสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้! หยามกันขนาดนี้ ต่อให้ต้องควานหาจนไกลสุดขอบฟ้า ต้องจ่ายเงินมหาศาล เขาก็จะตามล่าเธอมาลงทัณฑ์ให้ได้ นั่นคือคำประกาศก้องของ ‘หมอเปลวตะวัน’ ผู้แสนหล่อเหลา เบื้องหน้าเขาคือสูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องลึกเขามีอีกด้าน ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแสนร้าย เร่าร้อน และดุดัน! เธออยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามีผูกมัด ‘หนุมโฮสต์’ ทรงเสน่ห์ ในค่ำคืนนั้นจึงตอบโจทย์ 'พราวชมพู' ไม่คิดว่าการตัดสินใจเลือกคำตอบข้อนี้จะนำความยุ่งยากมาให้มากขนาดนี้ เธอตาถั่วหรือสวรรค์ชังความคิดรั่วๆ ของเธอจึงแกล้งสาปส่งให้ดวงตาเธอฝ้าฟางเข้าใจไปว่าเขาคือ ผู้ชายขายกล้วย' ในคำนิยามของเธอที่นัดหมายเอาไว้ ซ้ำร้ายยังส่งเขามาตามรังควานจนหาความสงบสุขไม่ได้ เธออยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้ผัว ใครอยากได้แม่ยกให้ฟรีๆเลยเอ้า!
ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!
‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย
‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”
ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!
‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที