ฉลามที่มันได้กลิ่นคาวเลือดแล้ว มันไม่ปล่อยเหยื่อไปง่าย ๆ หรอกนะ ?
01
ผู้เขียนไม่มีเจตนาสนับสนุนการบูลลี่ หรือสิ่งที่ไม่ดีนะคะ
และตัวละครของบีที่นำเสนอเป็นเพียง ตัวเอก บุคคลคนหนึ่งที่มีดี ไม่ดี บ้งบ้าง
อยากให้อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ
อะไรดีที่ก็นำไปปรับใช้ อะไรที่ไม่ดีโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน แยกแยะนะคะ
ใครที่ไม่ชอบการนำเสนอแนวนี้ สามารถกดออกได้ค่ะ
หากไม่ชอบ กด X ไม่ดราม่านะคะ ขอร้อง แง
“เย้ ในที่สุดไลก็จะได้เข้ากรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุทธยามหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานีบูรีรมย์อุดมราชนิเวศมหาสถานอมรพิมานอวตารสถิตสักกทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์สักที!” ผมกระโดดโหยง ๆ เมื่อรู้ว่าผมสอบติดทุนโรงเรียน R โรงเรียนชื่อดังมหาศาล ดังจนป้าข้างบ้านต้องกรีดร้องน้ำลายฟูมปากว่าติดได้ยังง๊ายยย แถมยังได้ทุนอีก ถ้าหากไปเรียนเฉย ๆ ไม่ได้ทุนคงไม่มีทางเพราะบ้านผมจนฉิบหาย
พ่อขายของเก่า รับจ้างทั่วไป ส่วนแม่รับตัดผ้า อยู่ที่จังหวัดตราด
“เห็นว่าไอ้กวางมันก็ติดมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ นะ”
“เออแม่มึง แต่จะไปฝากไอ้ไฉไลกับกวางมันไม่ได้หรอก เกรงใจมัน มันอยู่กับแฟนมันนู่น”
“ไอ้นุไหม มันเอ็นดูไอ้ไลลูกเราจะตายไป เห็นมันจะเอาไอ้ไลไปอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว”
พ่อกับแม่ผมอาบน้ำปะแป้งแล้วมานั่งคุยกับเรื่องที่อยู่ผมในกรุงเทพฯ ตอนแรกไม่คิดว่าผมจะติดไง คิดว่าไอ้เด็กเอ๋อแบบผมจะติดไหม เลยบอกว่าลองสมัครสอบดูแล้วผมมันดันเป็นเด็กฉลาดเป็นด่างเลยสอบติดได้ ความฝันอีกอย่างคือผมจะสอบให้ติดมหาวิทยาลัย CU คณะแพทย์ศาสตร์ด้วย ทีนี้ป้าข้างบ้านก็จะเอาลูกมาอวดพ่อแม่ผมไม่ได้อีกต่อไป โฮ่ ๆ ฮี่ ๆ คุกคิก คุกค๊าก
ว่าแต่จะให้ไปอยู่กับลุงนุเหรอ “ลุงนุที่ชอบซื้อของเล่นให้ไลอะเหรอพ่อ”
“ใช่”
ลุงนุที่ให้เงินแต๊ะเอียผมสองพันสามตลอดทุกปีแล้วโดนแม่ยึด จากนั้นลุงก็แอบเอาเงินมายัดมือผมแบบไม่ให้พ่อแม่รู้ ลุงนุที่สุดของความใจดี
“ไป!” จะรออะไร ก็ไปอยู่กับลุงนุเลยสิครับ
“ไอ้นุกูฝากลูกกูด้วยนะ”
“ฝากเมียด้วยไหม”
“ไอ้เหี้ยนุ”
“หยอกเอิน” ลุงนุทำมือแบบ หยอก ๆ น้าใส่พ่อ “กูแค่เล่นมุข ฝากลูกเมียข้าด้วยอะเฮื่ออ ไง” ผมชอบลุงนุมาก ลุงนุตลอด ตลกฉิบหายใจดีด้วย แถมบ้านลุงนุก็ใหญ่ หรูหรา รถเยอะแยะ หลากหลาย คือลุงนุเป็นเพื่อนพ่อที่ค่อนข้างรวยไปทางรวยมาก ผมไม่เคยมาบ้านลุงนุหรอก มีแต่ลุงลงไปหาพ่อที่ตราดแล้วก็พากันไปเที่ยวเกาะ พวกเกาะกูด เกาะหมากอะไรแบบนั้น
“เออ มันทำอะไรไม่ดี มึงโทรมาหากูได้เลยนะ กูจะสวดอภิธรรมศพให้มันเอง สวดจนมันตายแล้วเกิดใหม่ก็จะสวดวนไป”
พ่อผมก็ไม่เป็นรองลุงนุหรอกเอาจริง ๆ
“โห่พ่อเห็นไลเป็นคนยังไง”
“เป็นเด็กเหี้ยไงลูก”
พ่อ นี่ลูกเอง ลูกไง จำกันได้ไหม แฮลโหล๋
“เออ กูจะดูแลอย่างดี มึงอยู่กินข้าวเย็นกับกูไหม เดี๋ยวไอ้วาฬกับไอ้ฉลามก็จะกลับมาแล้ว”
“ไม่ได้จริง ๆ มึง เดี๋ยวดึก”
“เออ ๆ งั้นไม่เป็นไร เดินทางดี ๆ” พ่อผมมาส่งผมแค่คนเดียวส่วนแม่อยู่รอรับลูกค้าตัดผ้าที่บ้าน พ่อสวดอภิธรรมเตรียมฌาปนกิจผมเล็กน้อย จากนั้นก็กลับบ้านไป
“หนูไฉไลอยู่ห้องข้าง ๆ ไอ้ฉลามแล้วกันนะลูก”
“ขอบคุณครับลุง”
“ส่วนเรื่องไปโรงเรียน ขับรถเป็นไหม เอารถลุงไปใช้ได้”
“ไม่เป็นครับลุง”
“งั้น...อืม...” ลุงนุทำท่าคิดขณะที่ให้แม่บ้านช่วยขนของผมขึ้นไปชั้นบน บ้านลุงนุใหญ่มาก มีแม่บ้านสองคน ลุงคนสวนอีกหนึ่ง บอกตามตรงนะ ที่นี่อย่างกับคฤหาสน์ที่ผมเห็นในละครหลังข่าวจากทีวีลักษณะคล้ายตู้ปลาที่บ้านผมเลย ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้มีบุญมาอยู่ที่นี่ “ให้ไอ้ฉลามไปส่งแล้วกัน โรงเรียนหนูอยู่ก่อนถึงมหา’ ลัยเจ้านั่น”
“อ๋อ ได้ครับ”
“เอ้า ชอบห้องไหม” ลุงนุถาม ส่วนผมก็มองไปรอบ ๆ ห้อง มันเป็นห้องสีขาวสะอาดสะอ้าน ใหญ่กว่าห้องนอนผมที่บ้านสองเท่าได้ ชุดเฟอร์นิเจอร์หรูหราหมายังไม่กล้าเห่า ที่พื้นมีพรมสีขาวนุ่ม ๆ เวลาเหยียบ แถมมีระเบียงด้วย เตียงใหญ่ท่าทางนุ่ม ห้องน้ำในตัว มีอ่างแบบกลม ๆ อันใหญ่ เรียกได้ว่าที่นี่แม่งคือสวรรค์
“ชอบมากเลยครับลุง ห้องสวยมาก”
“เดี๋ยวหกโมงลงมากินข้าวข้างล่างนะ ทำความรู้จักพี่ ๆ เขา เจ้าวาฬทำงานเป็นสถาปนิก พี่เขาเรียนจบแล้ว ส่วนเจ้าฉลามเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ คณะสถาปัตยกรรมออกแบบภายใน ลูกลุงเท่ไหม เท่ที่สุดเลย” ว่าแล้วลุงแกก็เล่าถึงลูกชายสองคนที่ผมไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ชื่อลูกลุงโคตรเท่เลย เอาไปสิบเอ็ดเต็มสิบ “เจ้าวาฬใจดีมาก ส่วนฉลาม อย่าไปยุ่งกับมันเยอะนะ เจ้านั่นมันดุ ดุอย่างหมาแม่ลูกอ่อน แต่ลูกลุงหล่อเหมือนลุง ให้อภัยมันเถอะ ความหล่อชนะทุกอย่าง”
มาอยู่ได้ไม่ถึงวันก็รับรู้ได้ถึงความเหนื่อย เหนื่อยใจนี่แหละ
ลุงนุปล่อยให้ผมจัดของ พอถึงเวลาข้าวผมก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วลงไป แต่ลงเลทนิดหน่อยเพราะติดสายคุยกับพ่ออยู่ พ่อเพิ่งถึงบ้าน
ที่ห้องอาหารมีคนอยู่แล้ว ได้แก่ลุงนุ พี่ผู้ชายใส่แว่นหน้าหล่อ ท่าทางใจดี รับรู้ได้ถึงความไมโคเวฟตอนที่พี่เขามองมาพร้อมรอยยิ้มที่ถอดแบบลุงนุมา ส่วนอีกคนมองหน้าผมด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างแล้วเคาะนิ้วกับโต๊ะหินอ่อนแผ่นยาว คนนี้มองตาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนคลื่นพลังงานความร้อนตอนออสเตรเลียเข้าหน้าร้านจนถนนละลาย
ให้เดาจากเซ้นอันแสนชาญฉลาดของผม คนที่ใส่แว่นใจดี สปอร์ต กทม. ชื่อพี่วาฬ
ส่วนคนที่หน้าโหดเหมือนจะกระโดดถีบกันตั้งแต่แรกพบคือพี่ฉลาม
“สะ...สวัสดีครับพี่ ๆ”
“น้องไฉไลใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“พี่ชื่อวาฬนะ”
“สวัสดีครับพี่วาฬ” ผมยกมือไหว้พี่วาฬ ผมเดาถูกว่ะ พี่แว่นคือพี่วาฬ ที่เดาถูกอีกอย่างเพราะพี่เขาใส่แว่น ว. แหวนเหมือนกัน แว่น วาฬ
ไอ้เหี้ยคิดได้ไงวะ กูนี่อย่างเท่ ต๊าซสุดในสามโลกา
“ฉลาม” คนที่ดุ ๆ บอกห้วน ๆ ที่เขาพูดเพราะลุงนุจ้องหน้า ผมเลยยกมือไหว้อีกรอบ
“ไหว้หมาเถอะลูก” อันนี้ลุงนุพูดตอนที่ผมยกมือไหว้พี่ฉลาม ทำเอาพี่วาฬหลุดยิ้มออกมา ส่วนผมก็ต้องทำปากอรุ่มเจ๊าะเพราะไม่กล้ายิ้ม ทั้งที่ข้างในคือกูดิ้นเป็นไส้เดือนแล้ว ขำ
“มึงไม่ลงมาพรุ่งนี้เลยล่ะ เป็นผู้อาศัยทำเจ้าของบ้านรอแดก...กินข้าว” คำว่าแดกถูกแปรผันเป็น กิน เมื่อลุงนุกระแอมไอคนเส้นเลือดคอแทบจะโป่งพอง
“ขอโทษครับ มัวแต่คุยกับที่บ้าน จริง ๆ ถ้าหิวกินกันก่อนเลยก็ได้นะ”
“บ้านเรากินข้าวพร้อมกัน เสร่อไม่รู้?”
แรงมากพ่อ เจอกันวันแรกก็ด่ากูเสร่อเลย หน้าหล่อแต่ไม่มีผลกับมารยาททางสังคมสินะ “ใส่แว่นแล้วไม่ฉลาดเลยเนอะ”
โอโห... แว่นมันวัดความฉลาดคนที่ไหนวะ แว่นมันเกิดจากการวัดสายตาเว้ย
“กระทบกูไอ้หลาม” พี่วาฬว่าพลางเอามือขยับแว่น เออใช่ ผมใส่แว่น พี่วาฬก็ใส่
“ฟันเหล็กคิดว่าเท่เหรอ”
ลามมาเรื่องเหล็กจัดฟันผมที่ชาติหนึ่งจะได้ไปดึงฟันครั้งเพราะที่บ้านไม่มีเงิน คือที่ผมต้องจัดทั้งที่บ้านแทบไม่มีเงินเพราะมันมีผลต่อการกินของผม การสบของฟัน เรียกว่าจัดเพื่อการรักษาและใช้ชีวิตจริง ๆ แถมค่าจัดลุงนุก็ช่วย ๆ มาด้วยแหละ
“ฟันเหล็กก็เท่กว่าพี่ฉลามแล้วกัน”
“ตัวก็เตี้ยอย่างกับตอม่อ” เกิดมาไม่สูงกูผิดอะไร “หน้าก็อย่างกับด็อบบี้ เอาถุงเท้าไหม จะได้เป็นอิสระ”
กูไม่ได้หน้าเหี้ยเว้ย กูแค่หน้าง่วง
“พี่ฉลามรู้ปะ ว่าสมัยนี้เขาจริงจังเรื่องต่อต้านการบูลลี่นะ เดี๋ยวผมเอาไปลงทวิตให้เฟมทวิตมารุมแหกพี่ขึ้นเทรนอันดับหนึ่งไปเลย”
“อย่ามาทำเป็นเก่งกับกูไอ้เด็กหะ...เตี้ย”
เขาพูดเสียงเบาลง จากคำว่า ‘เหี้ย’ เป็น เด็ก ‘เตี้ย’ แทนเพราะลุงนุกระแอมอีกครั้ง
“แกเลิกว่าน้องได้ยัง น้องก็ตัวเท่านี้ เป็นเจ้ามู้จู้ คิดซะว่าไฉไลเป็นน้องชายอีกคนไม่ได้เรอะไอ้ฉลาม ฉันเลี้ยงแกมาให้เป็นฉลามเท่ คูล ๆ ไม่ได้เลี้ยงมาให้เป็นหมาพิทบูลบ้าดีเดือด”
เออ พี่ฉลามเหมือนหมา
ไอ้หมา
“ชื่อไฉไลเหรอมึง”
“ทำไม”
ชื่อไฉไลแล้วมันทำไม ไฉไล เท่ เลิศ สแมนแตนอะ
“ชื่อตลกเหมือนหน้ามึงเลย”
พี่มึง จะบู้บี้กูเกินไปแล้วนะเว้ยยยยยยย!
100%
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้