ห้องแบ่งเช่าของ "ยวงสวาท" ว่ากันว่าเจ้าของใจดีนัก ใครไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ก็นำหัวใจมาจ่ายแทน เพราะเจ้าของโหยหาความรักเป็นที่สุด
6/9 ห้องเช่ายวงสวาท
ตอน ราจีฟ
“ได้ข่าวว่าแขกเข้าหรือเมื่อคืน เป็นยังไงบ้างละมึงเดินถนัดไหม ฮ่าๆ”
คำถามนี้ไม่ได้มีจากเจ๊ฝอยทองเจ้าของร้านอาหารตามสั่งคนเดียวที่ถาม แต่คนอื่นๆ ในซอยบรรดาเจ้าของห้องแบ่งเช่าหลายๆ รายก็ถามเช่นกัน เรื่องอะไรฉันจะบอกว่ามันดีขนาดไหน นึกถึงแล้วแทบจะเดินไม่ไหวแข้งขาพานอ่อนแรง ไม่ได้เหนื่อยสะสมเพราะการเก็บค่าเช่าเมื่อคืนหรอก แต่เพราะนึกถึงแล้วเสียวสะท้านไปทั้งกาย อยากให้ถึงคืนนี้ไวๆ เรียกว่าแทบจะรอพ่อราจีฟกลับมาไม่ไหวอยู่แล้ว ถึงยังนั่งไม่เต็มก้นเสียวแปลบๆ อย่างไม่เคย แต่ชอบใจไม่เบาทีเดียว
ฉันชื่อ ยวงสวาท เป็นเจ้าของห้องแบ่งให้เช่า
ส่วนราจีฟเป็นหนุ่มอาหรับฉันคิดว่ามันเป็นพวกอาหรับ จมูกโด่งผิวขาว ผมหยิกๆ ของมันนุ่มมือหนักหนา ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนขยำและทึ้งไปกี่หน รู้แต่ทุกครั้งที่เสียวซ่านทั้งข้างหน้าและข้างหลังก็จะจิกเนื้อ ทึ้งผม ขยำขนอ่อนตรงหน้าอกที่ยาวเป็นแนวไปถึงในกางเกงจนถึงถั่วแขกของมันอย่างลืมตัว ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มนมเพิ่งแตกบานแต่ถั่วใหญ่เอาการ จะทำให้ฉันระบมทั้งสองระบบถึงเพียงนี้
แต่ถึงแม้ฉันจะมีห้องแบ่งเช่า มีคนมาเช่าและจ่ายค่าเช่าด้วยวิธีที่ฉันพอใจแทนเงินในบางครั้ง แต่พูดอย่างไม่อายเลยว่าไม่เคยยอมให้ใครเข้าประตูปิด(หลัง) แต่เมื่อคืนฉันทนเสียงรบเร้าออดอ้อนของพ่อแขกขาวไม่ไหวจริงๆ ราจีฟเฝ้ากระซิบว่าไม่เจ็บ มันมีเควายเจลและมันชอบมากกว่าข้างหน้าเสียอีก แล้วพวกมันก็ชอบกันทุกคน
ผู้หญิงที่โน่นซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าประเทศอะไรของมัน ก็ชอบ หากจะมีเซ็กส์ก่อนแต่งงานก็ทำข้างหลังเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเก็บพรหมจรรย์ไว้ให้เจ้าบ่าวตัวจริงในวันแต่งงานไม่เช่นนั้นพวกหล่อนจะมีความผิดฐานผิดประเวณี เสียตัวก่อนแต่งงาน และคู่นอนของพวกหล่อนก็มีความผิดไปด้วย
อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?
“เธอพูดจริงหรือราจีฟ”
“เรื่องอะไรที่ว่าจริงหรือไม่จริง เรื่องผมอยากอัดตูดพี่นะหรือ จริงสิ ผมชอบมาก” มันไม่พูดเปล่า มือขาวจนเส้นขนดูเขียวทั้งล้วงทั้งถูวนไปรอบๆ
“ขอชิมก่อนนะพี่”
มันขออะไรทีแรกฉันไม่เข้าใจ แต่พอมันเลื่อนตัวลงไปข้างเตียง ยกขาฉันพาดบ่าแล้วดันขึ้นยกสะโพกฉันขึ้นสูงเพื่อจะได้เห็นประตูปิดตายที่มันอยากชิมได้ถนัดชัดแจ้ง มันแลบลิ้นออกมายาวๆ ขยิบตาให้ฉันก่อนจะมุดหน้าลงไป
“โอ้ว” ฉันแทบสะดุ้ง บอกไม่ถูกว่ามันซ่านขนาดไหน ไม่ใช่ไม่เคยมีใครตวัดลิ้นเลียรอบๆ ประตูปิดของฉันแบบนี้มาก่อน เพราะคนเช่าห้องของฉันทุกคนจะต้องลงลิ้นประตูสวรรค์ของฉันแล้วเลยไปที่ประตูปิดด้วยทั้งสิ้น แต่ลิ้นแดงๆ แข็งๆ ของราจีฟมันทำให้ความรู้สึกแตกต่างกันจนฉันเผลอร้องอีกหลายครั้ง
“โอ้ว มันดีจริงๆ”
ราจีฟชิมรอบประตูปิดแล้วไม่ลืมขยับมาแหย่ปลายลิ้นชิมประตูสวรรค์ของฉัน ลิ้นอุ่นตวัดผ่านอัญมณีล้ำค่าตรงกึ่งกลาง มันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะสะดุ้งตัวเกร็งแล้วขยุ้มผมหยิกๆ ของมันเต็มแรง พร้อมแอ่นร่างจนโหนกเนื้อกระแทกปากกระทบฟัน
ราจีฟหัวเราะเบาๆ แล้วมองสบตาฉัน สายตามันเหมือนท้าทายและคาดโทษว่าอีกประเดี๋ยวฉันจะโดนหนักกว่านี้ ก่อนมันจะก้มลงมาอีกครั้งทว่าครานี้มันขยับมาชิมยอดปทุมสีคล้ำของฉัน ขบเม้มแรงจนฉันอยากกระชากออก ทว่าไม่นานแรงขบกลับทำให้ประสาทสัมผัสเปิดกว้าง ซ่านเสียวอย่างประหลาด ยิ่งผสานกับแรงกระแทกนิ้วที่ราจีฟใช้ส่องทางเข้าประตูสวรรค์ ที่กระแทกเร็วรัวแบบไม่บอกไม่กล่าว และไม่เห็นใจแม้ฉันจะบิดกายหนีเพราะทานแทบไม่ไหว
“ราจีฟ อย่า โอ้ว”
“อย่าหยุดใช่ไหมพี่ ไม่หยุดหรอก” มันกระแทกรัวๆ ปากก็ขบเม้นยอดโน้นที ดูดยอดนี้ที จนฉันครางยาวยืดปล่อยความฉ่ำแฉะออกมาอย่างสุดกลั้น
“อื้อออ”
แต่พ่อแขกขาวยังไม่หยุดแค่นี้ มันมุดลงไปดูดกลืนความฉ่ำชื้นดุจเป็นของหวานล้างปากจนหมด แล้วลุกไปหยิบของบนหัวเตียง ปล่อยให้ฉันนอนปรือตาเป็นอีบ้าที่อยากให้มันทำซ้ำๆ อีกหลายๆ ครั้ง
ไม่นานราจีฟก็กลับมาพร้อมหลอดครีมสีขาวนวล กวัดแกว่งตรงหน้าฉัน ก่อนจะพลิกร่างอ่อนระทวยชื้นเหงื่อของฉันให้คว่ำลง
“โก่งก้นขึ้นมาที่รัก” มันเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้ว และฉันก็บ้าคำเรียกหวานๆ จนต้องรีบดันก้นขึ้นสูง มันมองลอดระหว่างขามาสบตาฉันแล้วหลิ่วตาให้ แถมยังหลอกเอินติ่งเนื้อฉันเล่นด้วยการสะกิดเบาๆ ก่อนจะทาครีมเย็นวาบรอบประตูปิด
“เจ็บมากไหมราจีฟ” ฉันเริ่มกังวล
“เจ็บแต่มันสุดยอดมากดาร์ลิ่ง สาวๆ ที่บ้านผมชอบกันมาก แล้วเราก็ชาชินกันการอัดตูดพวกหล่อน มันแน่นมันสุดยอดจริงๆ”
“แต่พี่กลัวนะ” ฉันไม่ปิดบัง
เจ้าแขกขาวของฉันหัวเราะเบาๆ จูบแก้มก้นฉันดังจ๊วบ แล้วพูดเหมือนปลอบแต่ฉันว่าค่อนไปทางให้ทำใจเสียมากกว่า
“เป็นเมียแขกต้องอดทน แล้วพี่จะรู้ว่าทั้งใหญ่ทั้งยาว ทั้งแน่นทั้งตึงเป็นยังไง พร้อมละนะ”
มันยังถามความพร้อมอีก ก็เอาสิโก่งคอยจนเมื่อยแล้วนี่
มันนวดวนรอบๆ ประตูปิดอีกสักพัก มืออีกข้างก็ขัดถั่วแขกของมันไป ฉันแอบมองแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก ถ้าถั่วแขกทั้งใหญ่ทั้งยาวขนาดนี้จะมาไขประตูสวรรค์ฉันก็พอใจมาก คงจะคับแน่นจนสุดเสียวยามเสียดสี แต่นี่มันจะไขประตูที่ปิดตายมาตลอดชีวิต มันจะไหวหรือ
“โอ๊ย!” ฉันเผลอร้องดัง เมื่อราจีฟแทงถั่วของมันเข้ามาแบบไม่บอกกล่าวให้ตั้งรับ มันแค่กดสะโพกฉันออกห่าง ถ่างก้นเพื่อให้เห็นประตูชัด แล้วเสียบฝักถั่วลงมาทันที
“เจ็บ” ฉันบอก
มือเริ่มกำผ้าปูที่นอนแน่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อราจีฟขย่มอยู่บนสะโพก ถั่วฝักยาวๆ ของมันขยับเข้าออกช้าๆ จนคล่อง ก็ขย่มเร็วขึ้นแรงขึ้นจนฉันคาดว่าบานประตูคงฉีกขาด ทว่ามันเสียวซ่านอย่างไม่เคยพบ จากร้องเจ็บฉันเปลี่ยนเป็นร้องเร่ง ให้มันทำแรงขึ้น เร็วขึ้น จนต่างพูดไม่เป็นคำ ราจีฟเองก็เอวดีเหลือหลาย ขยับโยก ขย่มเหยงจนฉันตัวเกร็งร้องราวสัตว์ป่า ถึงสวรรค์รำไรไม่รู้กี่ครั้ง กว่ามันจะหยุดนิ่ง แล้วเร่งสุดกำลังขย่มรัวๆ ก่อนซบลงมากอดฉันเอาไว้แน่น
“โอย ตายแล้ว” ฉันอุทานตกใจสุดชีวิต ใช้ศอกกระทุ้งให้มันขยับลงไปเสียที
ราจีฟลงนอนแผ่ข้างๆ แต่ถามอย่างแปลกใจ
“อะไรตายหรือที่รัก”
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!