พายุหอบเม็ดฝนสาดกระหน่ำใส่หลังคาบ้าน ลมหวีดหวิวดังครวญราวกับภูตผีร้ายต้องการจะหลอกหลอนผู้คน ฟ้าร้องคำรามลั่นดังเป็นระยะ ราวกับจะข่มขวัญผู้ที่ได้ยินให้หวาดผวา พายุรุนแรงที่หอบฝนมานั้น แม้จะน่าหวาดหวั่นและไร้ความปรานีต่อทุกสิ่งบนโลก แต่ก็ไม่อาจทำให้เสียงแผดลั่นด้วยความไม่พอใจของผู้เป็นเจ้าของบ้านลดทอนลงได้เลย
กลับกัน ยิ่งธรรมชาติด้านนอกโหดร้ายเพียงใด เสียงคนภายในบ้านหลังนี้ก็ยิ่งแผดลั่นให้ดังยิ่งกว่า เพราะนี่คือทางที่ต้องเลือก หากสิ่งที่ต้องการนั้นไม่มีใครยอมใคร จุดแตกหักที่ไม่อยากให้มาถึงก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ และหากเพียงคนในครอบครัวจะมีความเข้าใจ สิ่งที่เผชิญหน้าอยู่ขณะนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเลย
“กูบอกให้มึงเลิก กูไม่ยอม มึงต้องเลิก!”
ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุดยืนจังก้า กำมือแน่น ตะโกนก้องแข่งกับฟ้าฝน โดยมีหญิงวัยใกล้เคียงกันยืนปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นอยู่ด้านข้าง แต่ก็ยังพยายามจะห้ามปรามไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
“พี่...ใจเย็นๆ นะพี่ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันก่อน ลูกเขาเลือกแล้ว เราก็ต้องยอมรับนะพี่ เราจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้” เธอเอ่ยเสียงกลั้วสะอื้นขณะพยายามยื้อท่อนแขนแกร่งของสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาช้านาน แม้สิ่งนั้นจะยิ่งทำร้ายหัวใจ แต่ก็ต้องพูดออกไป เพราะจะมีอะไรทุกข์ใจได้เท่าพ่อกับลูกต้องมาแตกหักกันตรงหน้าของเธอผู้เป็นแม่อีกเล่า
“จะบ้ารึไง ยังไงกูก็จะไม่ยอม มึงต้องทำตามที่กูสั่ง มึงเป็นลูกกู มึงต้องฟังคำสั่งกูเท่านั้น กูสั่งให้มึงเลิก มึงก็ต้องเลิก!” ประโยคแรกเขาหันไปตวาดเมียคู่ทุกข์คู่ยากที่ใบหน้านองไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ประโยคตามมานั้นตวาดใส่ลูกชายที่ไม่ได้ดังใจเลยสักอย่าง
“พี่...ฉันขอเถอะนะ ใจเย็นๆ กันก่อน ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันก็ได้ แรงใส่กันแบบนี้ก็มีแต่จะพัง”
“พังก็พังไปสิ กูไม่สนใจแล้ว ยังไงกูก็จะไม่มีวันยอม กูไม่ยอม กูเป็นพ่อมัน กูต้องสั่งมันได้ มึงจะไม่ฟังคำสั่งกูใช่ไหม ใช่ไหม!”
เขาพูดพร้อมถลาเข้าไปจะลงมือลงไม้กับลูกชายที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า เพราะแววตาของลูกนั้นบ่งบอกว่าไม่มีวันยอมแน่ นั่นยิ่งเพิ่มพายุรุนแรงสาดซัดใส่จิตใจของคนเป็นพ่อมากขึ้นอีก
“พี่อย่า! พี่อย่าทำลูก หฤษฎ์ออกไปก่อนลูก ออกไปก่อน แม่ขอละ ออกไป”
ผู้เป็นแม่ตรงเข้าไปกอดรัดรอบเอวของสามีพร้อมกับออกปากให้ลูกไปจากที่นี่ แต่ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตานั้นฉายชัดถึงความอาดูร เพราะสำหรับแม่ที่เลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด เธอไม่เคยคิดอยากให้ลูกไปจากอก แต่หากจำเป็นเธอก็ต้องยอม
“มึงอย่าไปไหนนะ กูไม่ให้มึงไป ถ้ามึงไม่ฟังกู วันนี้กูจะเอาเลือดหัวมึงออกให้ได้ ให้มันรู้ไปว่ากูกับมึงใครมันจะแน่กว่ากัน”
“พี่อย่า! พี่!”
พ่อตะโกนก้องไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องไห้กับเสียงร้องห้ามของแม่ที่ดังอย่างต่อเนื่อง พ่อเดินเข้ามาหาด้วยหวังจะใช้กำลังทำร้ายตามที่ปากพูด เพื่อให้เขาหลาบจำและเลือกเดินตามทางที่พ่อต้องการ แม่ยื้อพ่อไว้ไม่อยู่จึงทรุดลงและใช้สองมือรั้งขาไม่ให้พ่อก้าวเข้าใกล้เขาไปมากกว่านี้ สิ่งที่ได้ยินกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ากำลังส่งผลถึงการตัดสินใจ
“วันนี้กูต้องเอาเลือดหัวมึงออกให้ได้ ไม่งั้นอย่ามาเรียกกูว่าพ่อ”
พ่อยังพยายามจะเดินเข้าหาแม้จะไม่ถนัดเพราะแม่พยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดของตัวเองรั้งเอาไว้ไม่ให้เข้าถึงตัวเขาได้ แต่เขาล่ะ เขาซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกเรื่องกลับยืนนิ่งเหมือนร่างนี้ไร้วิญญาณไปแล้ว เพราะภาพแม่ที่ยื้ดยุดร่างกายของพ่อเอาไว้เหมือนภาพสโลวโมชันที่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
เสียงกราดเกรี้ยวของพ่อ เสียงร้องไห้ปนเสียงห้ามของแม่ดังซ้ำๆ ย้ำๆ อยู่ในหัวจนเขารับรู้ได้ถึงอาการปวดหนึบที่ขมับพร้อมกับอาการเกร็งที่ต้นคอและบ่า
ความเสียใจของพ่อแม่กับความสุขของตัวเขาเอง สิ่งใดที่ชั่งตวงแล้วได้น้ำหนักมากกว่ากัน เขาควรออกไปจากที่นี่และทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง หรือน้อมรับในสิ่งที่พ่อต้องการ จะได้ไม่มีใครต้องเสียใจอีกนอกจากตัวเขาเอง สิ่งไหนกันที่เขาควรเลือก
“พี่อย่า อย่าทำลูก อย่า!”
“ปล่อยกู ปล่อย!”
พ่อแผดเสียงดังลั่นใกล้ๆ เรียกสติของเขาให้กลับคืน และเขาก็เห็นแม่ยื้อต้นขาของพ่อไว้แน่น พ่อจึงสะบัดสุดแรง จนร่างผอมบางของแม่กระเด็นไปอีกทาง
“แม่!”
ร่างของแม่ถลาไปไม่ต่างจากหัวใจเขาถูกกระชาก ร่างกายไวตามความคิดเพราะเขาปราดเข้าไปประคองแม่เอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ร่างผอมบางนั้นจะกระทบพื้นบ้าน แต่นั่นก็ทำให้พ่อเข้าถึงตัวเขาได้ทันเช่นกัน