ฉันเชื่อว่าคนเราต้องเคยเจอเรื่องที่บังเอิญไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่มันเป็นเพราะความบังเอิญหรือโชคชะตากันแน่ที่ทำให้ฉันได้มาเจอกับเขา "โซ่" เขาคือผู้ชายที่มีดีทั้งหน้าตา ฐานะ และความสามารถ และเขาก็เป็นนักดนตรีหนุ่มชื่อดังที่สาวๆเกือบครึ่งประเทศล้วนเทใจให้กับเขา แต่แจ็คพอตมันดันมาแตกที่ฉัน เมื่อฉันดันบังเอิญตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขา พร้อมกับประโยคแรกที่เขาเอ่ยพูดกับฉันมาว่า.. "ตื่นแล้วเหรอ" เอ๊ะ ฉันมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ยยยยยย!!!!! . . "ในเมื่อเธอก็ได้ลายเซ็นต์ของฉันไปแล้ว เธอช่วยลืมเรื่องวันนี้ไปให้หมดหน่อยได้ไหม"
“เฮ้อ”
“เป็นอะไรของมึงเนี่ย”
ปลาวาฬ หนึ่งในเพื่อนสนิทของฉันหันมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่มันได้ยินเสียงถอนหายใจของฉันเมื่อกี้
“กูหิว”
ฉันพึมพำตอบกลับไป และคำตอบของฉันทันก็ทำให้อีปลาวาฬมองหน้าฉันมาด้วยสายตาเอือมระอาทันที เพราะฉันเป็นพวกประเภทที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกิน เพราะนอกจากเรื่องกินแล้วในหัวของฉันมันก็ไม่มีเรื่องอื่นให้คิดอีกเลย อ่อ ลืมแนะนำตัวเองไปซะสนิท นารา คือชื่อของฉัน ส่วนชะนีที่ฉันพูดด้วยเมื่อกี้ก็คือเพื่อนสนิทของฉันเอง แต่ตอนนี้นอกจากพวกฉันสองคนยังมีอีกัสตุ๊ดที่ชอบทำตัวน่าหมั่นไส้และอีชีต้าร์ชะนีติดผัวนั่งรวมอยู่ด้วย
ซึ่งตอนนี้พวกฉันกำลังนั่งรอเวลาเลิกเรียนกันอยู่น่ะ เพราะก่อนหน้านี้อาจารย์ประจำวิชาได้สั่งงานให้พวกฉันนั่งทำในคาบเรียนไปพลางๆ ในระหว่างที่อาจารย์ออกไปประชุมด่วน และตอนนี้ฉันก็ทำงานที่ว่านั่นเสร็จแล้วด้วย แต่จะลุกออกไปจากห้องเลยก็ไม่ได้ เพราะต้องรอส่งงานท้ายคาบพร้อมกับรอเช็กชื่อกับอาจารย์อีกที เพราะอย่างนั้นฉันเลยต้องมานั่งถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายอย่างที่เห็นนี่แหละ นอกจากฉันจะเบื่อแล้ว ตอนนี้ฉันก็เริ่มหิวแล้วด้วย เฮ้อ ฉันหิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย เมื่อไหร่อาจารย์จะประชุมเสร็จเนี่ย
“นอกจากเรื่องกิน มึงเคยคิดถึงเรื่องอื่นบ้างไหมวะอีนารา”
ก็เพราะว่าฉันชอบกินนี่น่า จะให้นึกถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องอาหารละก็ ฉันนึกไม่ออกหรอก เพราะหัวสมองที่แสนว่าเปล่าของฉันมันได้อุทิศให้กับเรื่องอาหารการกินไปหมดแล้ว อ่อ ฉันบอกไปหรือยังนะว่าตอนนี้พวกฉันเรียนอยู่ชั้นปีที่สี่แล้ว ใช่ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่พวกฉันจะอยู่ในชุดนักศึกษากันยังไงล่ะ จะว่าไปเวลามันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะเผลอแป๊บเดียวฉันก็จะเรียนจบแล้ว เฮ้อ ฉันรู้สึกว่าฉันยังใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยไม่คุ้มเลย เพราะยังเหลือโรงอาหารอีกตั้งหลายคณะที่ฉันยังไม่มีโอกาสได้ไปบุก สงสัยฉันคงต้องเร่งมือเก็บแต้มแล้วล่ะ
“ไม่อะ”
“เฮ้อ ยอมใจมึงจริงๆ”
“วันนี้แวะไปกินข้าวที่ตึกคณะแพทย์ดีไหม กูได้ยินข่าวว่าที่นั่นมีร้านข้าวแกงอร่อยๆ อยู่ด้วย”
“ทำไมต้องถ่อไปกินไกลถึงคณะแพทย์ด้วยวะ ข้าวมันก็เหมือนๆ กันไม่ใช่เหรอ โรงอาหารใต้ตึกคณะเราก็มีร้านข้าวอร่อยๆ เปิดอยู่ตั้งเยอะ”
“ก็กูเบื่อร้านข้าวแถวนี้แล้วอะ และอีกอย่างกูยังไม่เคยไปลองกินข้าวที่นั่นเลย พากูไปกินสักครั้งเถอะนะ”
เรื่องอื่นฉันยอมได้ แต่เรื่องกินฉันพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นต่อให้ฉันต้องลงไปนั่งคุกเข่าอ้อนวอนฉันก็จะทำ
“เฮ้อ ให้ตายสิ เออๆ ไปก็ไป”
“เยส”
ฉันอมยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจทันทีหลังจากที่อีปลาวาฬมันรับปากว่าจะพาฉันไปกินข้าวที่ตึกคณะแพทย์ อ่า อยากรู้จังว่ามันจะอร่อยอย่างที่ฉันได้ยืนข่าวลือมาหรือเปล่า อืม ฉันจะเลือกกินอะไรดีนะ แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ
(สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ เปิดประเด็นข่าวแซ่บ รายการที่จะพาคุณผู้ชมมานั่งเม้าท์ เกี่ยวกับข่าวสารในวงการบันเทิงต่างๆ ด้วยประเด็นสุดฮอต และเผ็ดร้อนในทุกกระแสข่าว และในวันนี้แขกรับเชิญที่ได้มาเยี่ยมชมรายการของเราก็คือวงดนตรีสุดฮอตที่กุมหัวใจหญิงสาวเกือบทั่วทั้งประเทศ ขอต้อนรับสมาชิกวง ไดอาโทนิค (Diatonic) ค่ะ)
แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังนึกถึงเมนูอาหารที่ฉันจะกินหลังจากที่เลิกเรียนอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงพูดของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา และที่มาของเสียงดังกล่าวมันก็ดังมาจากโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของอีกัสนั่นเอง อีกัสมันกำลังดูอะไรของมันอยู่กันนะ เล่นเปิดซะเสียงดังขนาดนั้นมันจงใจเรียกร้องความสนใจให้ตัวเองอยู่หรือไง และแน่นอนว่ามันได้ผล เพราะตอนนี้มันสามารถดึงความสนใจจากฉันไปได้แล้วหนึ่งคน
(สวัสดีครับพวกเราวงไดอาโทนิคครับ)
“อ๊าย หล่อมากเลยทูลหัวของบ่าว”
เสียงของอีกัสกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาเมื่อมีเสียงผู้ชายมากกว่าหนึ่งคนดังออกมาจากโทรศัพท์ของมัน มันเลยทำให้ฉันชะโงกหน้าไปดูที่หน้าจอโทรศัพท์ของอีกัสด้วยความสนใจก็เห็นว่าตอนนี้อีกัสมันกำลังนั่งดูรายการบันเทิงรายการหนึ่งอยู่
“ใครวะ”
ฉันเอ่ยถามมันออกไปด้วยความสงสัยเพราะผู้ชายที่เป็นแขกรับเชิญในรายการที่อีกัสกำลังดูอยู่ตอนนี้มันดูคุ้นหน้าคุ้นตายังไงก็ไม่รู้สิ เหมือนฉันเคยเห็นแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ไหน
“พวกพี่ๆ วงไดอาโทนิคไง”
“อ่อ วงนี้นี่เอง”
วงไดอาโทนิค เป็นวงดนตรีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นพวกประเภทที่ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องกิน แต่ฉันก็เคยเห็นผลงานของพวกเขาผ่านหูผ่านตามาบ้างเพราะวงนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงมานานแล้ว และอีกัสเพื่อนของฉันคนนี้ก็เป็นแฟนคลับตัวยงของพวกเขาด้วย ฉันจึงได้ยินอีกัสมันพูดถึงบ่อยๆ ก็ว่าทำไมเมื่อกี้ฉันถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขา
“มึงอย่าพึ่งมารบกวนเวลาเสพความสุขของกูตอนนี้เด็ดขาด กูกำลังตั้งใจดูสุดหล่อของกูอยู่ เข้าใจไหม”
อีกัสเอ่ยกับฉันเพียงแค่นั้นก่อนที่มันจะหันไปเพ่งความสนใจที่หน้าจอโทรศัพท์ของมันต่อ ส่วนฉันนั้นก็ทำได้แค่มองหน้าอีกัสด้วยสายตาเอือมระอาเพราะเพื่อนของฉันคนนี้ไม่เคยสนใจเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องผู้ชาย เรียกง่ายๆ ก็คือ อีกัสมันบ้าผู้ชายน่ะ ยิ่งเฉพาะผู้ชายหล่อๆ มันยิ่งบ้าจนแทบคลั่งเลยล่ะ
(ยินดีด้วยนะคะสำหรับเพลงใหม่ที่พึ่งปล่อยออกมา เรียกได้ว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดีกันเลยทีเดียว รู้สึกยังไงบ้างคะกับกระแสตอบรับในครั้งนี้)
(ตอนแรกก็รู้สึกกังวลมากครับ เพราะเพลงที่พวกเราพึ่งปล่อยออกมานั้นถือว่าเป็นแนวเพลงใหม่ที่วงของพวกเราไม่เคยทำมาก่อน แต่กระแสตอบรับออกมาดีกว่าที่คาดไว้แบบนี้ พวกผมดีใจมากเลยครับ)
(เพลงเพราะมากเลยค่ะ ดิฉันเปิดฟังวันละสิบรอบเลย)
(ขอบคุณครับ)
(เอ่อ..จะว่าไปดิฉันได้ยินมาว่าเพลงที่พึ่งปล่อยออกมาครั้งนี้คุณโซ่เป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนองเองใช่ไหมคะ และแนวเพลงก็เป็นเพลงรักแบบนี้ไม่ทราบว่าคุณโซ่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหรอคะ)
(จู่ๆ มันก็ผุดขึ้นมาในหัวครับ)
(ดิฉันนึกว่าคุณโซ่แต่งออกมาจากชีวิตจริงซะอีก เล่นเอาซะดิฉันอินไปกับเพลงเลยค่ะ อ่อ คุณโซ่มีความคิดเห็นยังไงบ้างคะที่น้องพิมนางเอกเอ็มวีเพลงใหม่ของวงไดอาโทนิคให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าคุณโซ่เป็นผู้ชายที่ตรงตามสเปกของเธอ)
(เธอไม่ใช่คนแรกที่บอกแบบนี้ครับ เพราะแฟนคลับผมเกือบครึ่งหนึ่งก็เคยบอกไว้แบบนี้เหมือนกัน)
ฉันถึงกับเบะปากของตัวเองด้วยความรู้สึกหมั่นไส้กับความมั่นใจของคนที่พูดประโยคเมื่อกี้ขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้สนใจกับสิ่งที่อีกัสกำลังดูอยู่ตอนนี้ก็เถอะ แต่มันเล่นซะเปิดเสียงดังแบบนั้นมันเลยเลี่ยงไม่ได้ที่ฉันจะได้ยิน
(แหม่ คุณโซ่เล่นพูดออกมาแบบนี้น้องพิมได้ยินคงเสียใจแย่เลยนะคะ)
(เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันครับ เธอคงไม่เสียใจกับเรื่องแค่นี้หรอกครับ)
(ฮ่าๆ ค่ะ เอ่อ..ถ้าอย่างนั้นสุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ทางบ้านบ้างคะ)
(พวกเราวงไดอาโทนิคขอฝากผลงานเพลงใหม่และคอนเสิร์ตที่กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ด้วยนะครับ แล้วเจอกันครับ)
(ค่ะ สุดท้ายนี้ขอบคุณวงไดอาโทนิคที่มาเป็นแขกรับเชิญในวันนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าค่ะ)
“พี่โซ่โซแบดมากเลย สมน้ำหน้าอีนังน้องพิม โดนแหกหน้ากลางรายการเลยไหมล่ะ”
ฉันไม่เข้าใจอีกัสเลยจริงๆ จากที่ฉันฟังบทสัมภาษณ์เมื่อกี้ฉันว่าผู้ชายที่ชื่อว่าโซ่อะไรนั่นเป็นผู้ชายที่นิสัยเสียเอามากๆ เลยนะ เพราะคนดีๆ ที่ไหนเขาจะให้สัมภาษณ์แบบนั้นกันละ ต่อให้เขาดังมาจากไหนก็เถอะ แต่เขาจะน่าพูดรักษาน้ำใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่พูดไม่ถนอมน้ำใจคนอื่นไปแบบนั้น เฮ้อ ผู้ชายที่มีความมั่นใจแบบผิดๆ แบบนี้ฉันละเกลียดที่สุดเลย
“มึงชอบไปได้ไง ผู้ชายนิสัยแบบนั้น”
“ก็พี่เขาหล่อ”
เออเนอะ ฉันลืมไปซะสนิทว่าเพื่อนฉันมันไม่สนใจอะไรนอกจากความหล่อของผู้ชาย
“ว่าแต่ช่วงนี้มึงว่างไหมอีนารา”
“ถามทำไม”
“กูจะชวนมึงไปดูคอนเสิร์ตวงไดอาโซนิคเป็นเพื่อนกู”
หืม แล้วทำไมมันต้องชวนฉันด้วย
“ทำไมต้องเป็นกู”
“ก็ชะนีคนอื่นติดผัวหมดยกเว้นมึงคนเดียวที่ยังโสดแถมยังทำตัวว่างอีก กูถึงได้เลือกมึงยังไงล่ะ”
อ้าว ฉันโสดฉันว่างแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ฉันต้องไปคอนเสิร์ตเป็นเพื่อนมันด้วยเนี่ย ไม่เอาหรอก ฉันไม่ไป
“กูไม่ไป มึงไปคนเดียวเถอะ”
ฉันปฏิเสธมันไปแบบไร้เยื่อใยเพราะไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ไปคอนเสิร์ตบ้าๆ นั่นกับมันเด็ดขาด ให้ตายยังไงก็ไม่ไป
“กูเลี้ยงเค้กหน้ามออาทิตย์หนึ่ง”
หือ เค้กเหรอ
“มึงไม่สนใจข้อเสนอกูสักนิดเหรออีนารา”
“...”
“อาทิตย์หนึ่งเลยนะที่มึงจะได้กินเค้กฟรีๆ แบบไม่เสียตัง”
“วันไหน”
“พรุ่งนี้”
“ดิล”
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ เพื่อนรัก”
ฉันไม่คิดว่าการที่ฉันตัดสินใจมาทำงานที่นี่มันจะทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ "รามสูร" หรือว่า "พี่ราม" เขาคือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนไป ผู้ชายเอือยเฉื่อยที่มาพร้อมกับใบหน้าไร้อารมณ์ที่มาพร้อมกับข้อเสนอให้ฉัน "แอรีส" ไปเป็นหมอนข้างให้เขา เพราะความอวดดีทำให้ฉันต้องยอมรับต่อชะตากรรมนั้น แต่ใครจะไปรู้ละว่าการเป็นหมอนข้างของผู้ชายที่ชื่อว่ารามสูรคนนั้นมันจะเปลืองตัวมากขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีฉันก็ตกเป็นของเขาโดยไม่มีเงื่อนไขซะแล้ว “พะ พี่ราม” “ใช่ นั่นคือชื่อของผัวเธอ จำไว้ว่าต่อจากนี้ไปเธอคือเมียฉัน และอย่าได้ริไปให้ไอ้เหี้ยนั่นกอดหรือจูบเธออีก ไม่งั้นเอาให้ตายแน่”
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -