ฉันไม่คิดว่าการที่ฉันตัดสินใจมาทำงานที่นี่มันจะทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ "รามสูร" หรือว่า "พี่ราม" เขาคือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตฉันต้องเปลี่ยนไป ผู้ชายเอือยเฉื่อยที่มาพร้อมกับใบหน้าไร้อารมณ์ที่มาพร้อมกับข้อเสนอให้ฉัน "แอรีส" ไปเป็นหมอนข้างให้เขา เพราะความอวดดีทำให้ฉันต้องยอมรับต่อชะตากรรมนั้น แต่ใครจะไปรู้ละว่าการเป็นหมอนข้างของผู้ชายที่ชื่อว่ารามสูรคนนั้นมันจะเปลืองตัวมากขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีฉันก็ตกเป็นของเขาโดยไม่มีเงื่อนไขซะแล้ว “พะ พี่ราม” “ใช่ นั่นคือชื่อของผัวเธอ จำไว้ว่าต่อจากนี้ไปเธอคือเมียฉัน และอย่าได้ริไปให้ไอ้เหี้ยนั่นกอดหรือจูบเธออีก ไม่งั้นเอาให้ตายแน่”
ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีขนาดห้องค่อนข้างใหญ่มีของตกแต่งห้องเพียงแค่ไม่กี่อย่าง ตรงกลางห้องมีโซฟาตัวยาวที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงนอนได้ รอบๆ โซฟามีข้าวของต่างๆ กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด ของที่ว่านั้นมันไม่ใช่ขยะแต่เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ซึ่งประกอบไปด้วยกีตาร์ไฟฟ้า เบส กลองชุด และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเล่นดนตรีอีกมากมาย ถัดจากนั้นเป็นห้องน้ำที่สามารถอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวได้ และนอกเหนือจากนั้นในห้องห้องนี้ยังมีบาร์น้ำเล็กๆ ไว้สำหรับบริการคนที่อยู่ในห้องนี้อีกด้วย
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มข้างนอกทำให้สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างครึกครื้นไปโดยปริยาย ที่นี่คือห้องพักนักดนตรีที่ค่อนข้างหรูหราไปสำหรับไว้นั่งพัก เพราะการตกแต่งห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องนี้ทำให้รู้สึกว่าห้องนี้ไม่ต่างจากโรงแรมดีๆ เลยก็ว่าได้ จะขาดก็แค่เตียงนอนก็เท่านั้นส่วนที่เหลือมีครบทุกอย่าง
ที่เปรียบห้องห้องนี้เป็นเหมือนโรงแรมก็คงเป็นเพราะว่าตรงมุมห้องที่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจสักเท่าไหร่มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอย่างเมามันอยู่ แต่จะว่านัวเนียกันก็คงไม่ถูกเพราะฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เป็นฝ่ายกระทำทุกอย่าง ส่วนฝ่ายชายได้แค่นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนปรนเปรอให้กับเขาเป็นฝ่ายเดียวเท่านั้น
ร่างบางในชุดสุดเซ็กซี่เป็นฝ่ายนั่งอยู่บนพื้นห้องโดยใบหน้าของเธอกำลังซุกไซร้อยู่ที่หว่างขาของชายหนุ่ม ซึ่งเธอกำลังใช้ริมฝีปากของเธอมอบความสุขให้กับเขาด้วยความเต็มใจเพราะเธอมีความหวังเล็กๆ ว่าคนคนนี้จะพอใจแล้วเก็บเธอไว้เป็นคนข้างกาย ถึงความหวังนั้นจะเป็นฝันลมๆ แล้วก็เถอะ
“อืม”
หญิงสาวเจ้าของร่างแสนเซ็กซี่ครางออกมาด้วยความพึงพอใจเมื่อสิ่งที่อยู่ในปากของเธอที่เธอกำลังเล้าโลมอยู่นั้นมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนคับปาก ก่อนที่เธอจะปรือตาหวานเยิ้มของเธอขึ้นไปมองหน้าชายหนุ่มที่เธอกำลังปรนเปรอความสุขให้กับเขาอยู่เพื่อดูปฏิกิริยาโต้ตอบของชายหนุ่มคนนั้น
แต่..สิ่งที่เธอได้กลับเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า เพราะชายหนุ่มไม่ได้มองมาที่เธอเลยแม้แต่นิด แต่ที่ทำให้เธอคาดเดาอารมณ์ของเขาได้ยากมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเป็นเพราะว่าเจ้าของใบหน้านั้นใช้แมสปิดปากปิดบังหน้าตัวเองไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่โผล่มาก็แค่ใบหน้าส่วนบนซึ่งถูกประดับด้วยนัยน์ตาคมเข้มที่มองยังไงก็น่าดึงดูดใจแต่ตอนนี้มันถูกผิดบังด้วยเปลือกตาของเขาบอกกับบนหัวของเขามีหมวกสวมทับศีรษะไว้อีกเลยทำให้เธอแทบไม่สามารถเห็นใบหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้ได้เลย มันเลยทำให้เธอไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอกำลังทำนั้นมันเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับเขาหรือเปล่า หวังว่าจะมองเพื่อดูปฏิกิริยาตอบรับเผื่อว่าเธออาจจะได้ไต่เต้าไปอยู่ในจุดที่อยู่สูงเหนือกว่าคนอื่นแต่สิ่งที่ได้กลับกลายเป็นความเฉยชาและว่างเปล่า และมันก็ทำให้เขาเหมือนกับคนที่กำลังหลับ
แต่มีเพียงบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าเขายังไม่หลับเพราะตอนนี้นิ้วมือของเขามันกำลังเคาะไปตามจังหวะเพลงที่เขากำลังฟังจากหูฟังที่เขาเสียบคาที่ใบหูทั้งสองข้างอยู่ มันเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอและดูเหมือนว่าเขาจะจดจ่อกับสิ่งสิ่งนั้นมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำการกระทำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมากแต่เธอก็เรียกร้องอะไรขึ้นมาไม่ได้เพราะกว่าเธอจะไต่เต้ามาอยู่ตรงหน้าเขาได้ในวันนี้ เธอต้องฟาดฟันกับผู้หญิงมากหน้าหลายตามาตั้งเท่าไหร่ เธอไม่ยอมให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดพ้นมือของเธอไปแน่นอนและก็อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เธอมั่นใจว่าเขาไม่ได้หลับนั่นก็คือสิ่งสิ่งนั้นที่อยู่ในปากของเธอยังไงละ
คิดได้อย่างนั้นเธอก็ใช้ริมฝีปากของเธอทำหน้าที่ของมันต่ออย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพราะเธอคิดว่าประสบการณ์ที่เธอได้สะสมมามันอาจทำให้ผู้ชายคนนี้พึงพอใจในตัวเธอได้บ้าง และเพราะความคิดเข้าข้างตัวเองของเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเอื้อมมือของเธอขึ้นไปลูบไล้ร่างกายของชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
พรึบ!
และทันทีที่มือของเธอแตะถูกร่างกายของชายหนุ่ม ชายหนุ่มเจ้าของร่างก็ลืมตาของเขาขึ้นมาทันที เจ้าของนัยน์ตาคมเข้ม กับจมูกโด่งคมสัน เพียงแค่ส่วนประกอบแค่สองอย่างบนใบหน้าก็สามารถการันตีได้เลยว่าภายใต้แมสปิดปากอันนั้นต้องซ่อนความงดงามไว้อย่างแน่นอน และนั่นมันก็เป็นความจริงเพราะใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในแมสอันนั้นมันเป็นที่เลื่องลือในหมู่สาวๆเป็นอย่างมาก เพราะไม่อย่างนั้นพวกเธอคงไม่ฟาดฟันต่อสู้กันเพื่อใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้หรอก
หมับ!
ชายหนุ่มเอื้อมมือของเขาไปจับมือคู่นั้นของหญิงสาวเอาไว้ทันที และการกระทำของเขาทำให้เจ้าของร่างแสนเซ็กซี่หยุดชะงักการกระทำของตนเองไปทันที ก่อนที่เธอจะผละริมฝีปากของเธอออกจากสิ่งสิ่งนั้นของเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเจ้าของมือคู่นั้นที่กำลังจับมือของเธอไว้แน่นอยู่
“มะ มีอะไรคะ”
เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยก่อนที่ใจของเธอจะรู้สึกสั่นขึ้นมาเมื่อเผลอไปสบตากับเขาเข้า เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ช่างน่าดึงดูดใจนัก และมันก็ทำให้เธออยากครอบครองเขา เพียงแค่สบตากับเขาเธอก็ใจสั่นได้มากขนาดนี้ นี่ถ้าเธอได้นอนกับเขาเธอจะรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหนกันนะ
“มือสกปรก ใครใช้ให้มาแตะต้องตัวฉัน”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็นมันเลยทำให้เจ้าของร่างที่นั่งอยู่ระหว่างขาของเขาตัวสั่นขึ้นมาได้ในพริบตา
“ขอโทษค่ะ ต่อไปฉันจะไม่ทำอีก”
เธอรู้ว่ามันเป็นข้อห้ามตั้งแต่ตกลงที่จะมาทำเรื่องแบบนี้กับเขาแล้ว ข้อห้ามของเขาคือห้ามจูบและห้ามแตะต้องตัวเขานอกจากสิ่งที่เขาให้เธอทำ มันเป็นข้อห้ามที่เธอบังเอิญฝืนแหกกฎทั้งๆ ที่รู้แก่ใจดี
“ไม่ได้เรื่อง”
ชายหนุ่มเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระแล้วใช่สายตาเรียกการ์ดที่ยืนเฝ้าประตูห้องมาลากผู้หญิงคนนี้ออกไป
“ไม่นะคะ ฉันขอแก้ตัวก่อน”
“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง คุณหมดหน้าที่ของคุณแล้ว เชิญครับ”
แล้วหญิงสาวก็ถูกการ์ดตัวโตลากออกไปจากห้องก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดลงแล้วกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายก่อนที่มือของเขาจะเอื้อมมารูดซิปกางเกงของตัวเองให้เข้าที่แล้วหลับตาของเขาลงอีกครั้ง
“เฮ้อ ไอ้เฉื่อย อารมณ์ไม่ดีก่อนขึ้นแสดงมันไม่ดีนะเออ”
ใช่ว่าห้องห้องนี้จะมีแค่ชายหนุ่มอยู่เพียงคนเดียว แต่ในนี้กลับมีผู้ชายอีกสองคนร่วมอยู่ด้วย และพวกเขาก็อยู่ในนี้แล้วตั้งแต่ต้น เพราะเรื่องแบบนี้พวกเขาเห็นมันจนชินตาและมันก็เป็นเรื่องปกติของพวกเขา มันเลยไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรถ้าจะมีคนมาแสดงหนังสดที่แสนร้อนแรงต่อหน้าพวกเขา
ห้องห้องนี้ถูกจัดไว้เพื่อพวกเขาเป็นพิเศษ จัดไว้เพื่อใช้เป็นห้องพักนักดนตรีก่อนขึ้นแสดง ซึ่งห้องนี้จะมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ใช้ได้ ส่วนนักดนตรีวงอื่นๆ จะใช้ห้องอื่นที่อยู่ถัดออกไปพอสมควรและพวกเขาก็คือนักดนตรีประจำผับสุดหรูแห่งนี้ยังไงละ
“ยุ่ง”
ชายหนุ่มตอบเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเข้าสู่หมดเงียบของเขาต่อ ถึงใบหน้าของเขาจะไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาให้เห็นแต่คนสนิทอย่างพวกเขาก็พอเดาออกว่าตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่และนั่นมันเป็นการบอกไปนัยๆ ว่าพวกเขาไม่ควรยุ่งกับชายหนุ่มในเวลานี้ แต่...
“เออ กูลืมบอกมึง พรุ่งนี้นักร้องใหม่จะเริ่มทำงานวันแรกนะ”
เนื่องด้วยความสนิทเลยทำให้พวกเขาลดความเกรงกลัวนั่นลง
“เฮ้ย จริงดิ ผู้หญิงผู้ชายวะ”
ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น
“หญิง”
“วู้ววว เข้าทางกูละ”
ป๊าบ!
“เฉยไปเหอะมึง เอ่อ กูถือว่ามึงรับรู้แล้วนะ ยังไงก็อย่าใจร้ายกับนักร้องใหม่ของเราให้ละ สงสารเด็กมัน”
ชายหนุ่มหันไปตบหัวชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เขาครั้งหนึ่งก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังมุมห้องแล้วตะโกนบอกคนคนนั้นให้รับรู้กับสิ่งที่เขาพึ่งเอ่ยไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูห้องดังขึ้นแล้วประตูห้องที่พวกเขาอยู่ก็ถูกเปิดเข้ามา
“ได้เวลาขึ้นแสดงแล้วครับ”
“อืม”
พวกเขาตอบรับเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบเอาอุปกรณ์ดนตรีประจำตัวของตัวเองมาถือไว้ ซึ่งชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของใบหน้าอบอุ่นเป็นคนเล่นกีตาร์และร้องนำ ชายอีกคนหน้าตาทะเล้นเป็นคนเล่นในตำแหน่งมือเบส และคนสุดท้ายที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ลึกลับที่สุดและท่าทางเอื่อยเฉื่อยนั้นรับหน้าที่เป็นมือกลองของวง และพวกเขาทั้งสามคนก็เป็นนักดนตรีใต้ดินที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นในช่วงนี้
“ไอ้เฉื่อย ได้เวลาแล้ว”
“อืม”
ชายหนุ่มที่เอาแต่เงียบมาโดยตลอด ครางรับก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วจึงค่อยๆ พยุงร่างกายของเขาลุกขึ้นด้วยความเอื่อยเฉื่อย การกระทำของเขามันดูช้าในสายตาคนมอง แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนท่าทางแบบนี้จะเป็นมือกลองที่รัวกลองอย่างบ้าคลั่งเวลาอยู่บนเวที คนนะ มันรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจหรอก
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ที่ทั้งเรียนทั้งทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน "สายลม" ก็วุ่นวายมากพอแล้ว แต่ชีวิตของฉันต้องวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อฉันเจอกับไอ้โหดหน้านิ่งนั่น "นาวา" ผู้ชายที่มาพร้อมกับรอยสักเต็มตัว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทำไมเหมือนยิ่งฉันหนีเขา ผลักไสเขา เขายิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ใครก็ได้เอาไอ้เถื่อนนี่ไปจากชีวิตฉันที "ฉันเป็นคนทานง่าย เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมากหรอก เอาแต่ใจนิดหน่อย ไม่ชอบให้ใครขัด" "...." "และตอนนี้ฉันก็โสดด้วย ส่วนเรื่องซิงเสียไปตั้งแต่มอสามแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหมฉันยินดีบอกนะ" WHAT!!!
ฉันเชื่อว่าคนเราต้องเคยเจอเรื่องที่บังเอิญไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่มันเป็นเพราะความบังเอิญหรือโชคชะตากันแน่ที่ทำให้ฉันได้มาเจอกับเขา "โซ่" เขาคือผู้ชายที่มีดีทั้งหน้าตา ฐานะ และความสามารถ และเขาก็เป็นนักดนตรีหนุ่มชื่อดังที่สาวๆเกือบครึ่งประเทศล้วนเทใจให้กับเขา แต่แจ็คพอตมันดันมาแตกที่ฉัน เมื่อฉันดันบังเอิญตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขา พร้อมกับประโยคแรกที่เขาเอ่ยพูดกับฉันมาว่า.. "ตื่นแล้วเหรอ" เอ๊ะ ฉันมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ยยยยยย!!!!! . . "ในเมื่อเธอก็ได้ลายเซ็นต์ของฉันไปแล้ว เธอช่วยลืมเรื่องวันนี้ไปให้หมดหน่อยได้ไหม"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"