เมื่อผู้หญิงปากร้ายมาเจอกับผู้ชายปากมอม สงครามน้ำลายจึงเกิดขึ้นในบัดดล แต่คงไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้นที่จะฟาดฟัน เพราะนั่นต้องเหมารวมถึงปลายลิ้นที่จะทำหน้าที่ต่อสู้ ทั้งฟาดและฟันกันอย่างไม่ลดละ +++++ ‘สะบันงา อิสระพงษ์’ นั่นแหละคือชื่อของฉัน คุณคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาออกจะโบราณและค่อนข้างจะเรียบร้อยไว้ตัวใช่ไหมล่ะ... นั่นคุณคิดผิด เพราะถ้าคุณรู้ความหมายของคำว่า ‘สะบันงา’ คุณจะมองฉันอีกแบบหนึ่ง ‘สะบันงา’ แปลว่า ‘ดอกกระดังงา’ นั่นไง... ฉันคิดถูก แค่คุณรู้ความหมาย คุณก็มองฉันด้วยสายตาอีกแบบ คุณคิดว่าฉันต้องร้อนแรง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นและอาจพ่วงคำว่า ‘แม่ม่าย’ ให้อีกตำแหน่ง ตรงนี้ขอบอกว่าคุณคิดถูกเพียงข้อเดียว แต่มาเดากันว่าเรื่องอะไร หึหึหึ...
‘สะบันงา อิสระพงษ์’ นั่นแหละคือชื่อของฉัน
คุณคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาออกจะโบราณและค่อนข้างจะเรียบร้อยไว้ตัวใช่ไหมล่ะ...
นั่นคุณคิดผิด เพราะถ้าคุณรู้ความหมายของคำว่า ‘สะบันงา’ คุณจะมองฉันอีกแบบหนึ่ง
‘สะบันงา’ แปลว่า ‘ดอกกระดังงา’
นั่นไง... ฉันคิดถูก แค่คุณรู้ความหมาย คุณก็มองฉันด้วยสายตาอีกแบบ
คุณคิดว่าฉันต้องร้อนแรง เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นและอาจพ่วงคำว่า ‘แม่ม่าย’ ให้อีกตำแหน่ง ตรงนี้ขอบอกว่าคุณคิดถูกเพียงข้อเดียว
แต่มาเดากันว่าเรื่องอะไร หึหึหึ...
พื้นที่รกร้างกว้างไกลสุดสายตาที่เห็นอยู่นี้ยังคงมีเค้าของไร่หรือสวนบางอย่างให้พอมองออก เพราะแนวคันดินที่ถูกแต่งให้เป็นแปลงและไม้ดามกิ่งพันธุ์ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างประปราย
แต่ก็คงไม่มีใครเดาได้ว่าครั้งหนึ่ง ที่ดินแห่งนี้เคยสร้างพืชผลอะไรให้เจริญงอกงามและสร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของที่ดินไว้อย่างมากมายแค่ไหน เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในมโนภาพนี้ คงมีเพียงเธอคนเดียวที่จดจำได้เพราะนอกนั้นแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ล้มหาย ก็ตายจาก หรือไม่ก็ไม่คิดว่าสถานที่แห่งนี้สำคัญอีกต่อไป
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูยาวกรุยกรายกำลังวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณแปลงกุหลาบ ขณะที่เหล่าคนงานกำลังช่วยกันตัดดอกกุหลาบที่สมบูรณ์เพื่อเตรียมจัดส่งไปยังร้านที่รับซื้อในตัวอำเภอ เด็กหญิงดูจะมีความสุข สังเกตได้จากใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะราวกับขบขันอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ใกล้กันนั้นชายวัยกลางคนหน้าตาละม้ายคล้ายกับเด็กหญิงกำลังก้มหลบไปมาหลังคนงาน เพื่อไม่ให้เด็กหญิงเห็น
แต่ดวงตากลมโตที่วาวขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นพ่ออยู่ไม่ไกล และกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา ก็ทำให้ฝ่ามือน้อยๆ ต้องป้องปากกลั้นหัวเราะ เพราะเวลาจวนตัวแบบนี้ทำให้เด็กหญิงไม่รู้จะหันหนีไปทางไหน แต่เมื่อคนงานคนหนึ่งกวักมือเรียก เด็กหญิงก็ไม่รอช้า ก้มตัวลงคลานงุดๆ กับพื้นเพื่อไปหลบหลังคนงานคนนั้นให้เร็วที่สุด
เสียงหัวเราะแว่วใสกังวานไปทั้งสวน ไม่ว่าตรงจุดไหน มุมไหน เด็กหญิงตัวน้อยไม่เคยว่างเว้นที่จะไปวิ่งเล่นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับพ่อ เป็นกำลังใจให้กับเหล่าคนงานได้ลงแรงลงใจกับกิ่งพันธุ์ดอกไม้ที่งดงาม เพื่อให้สถานที่แห่งนี้ยังคงอบอุ่นไปด้วยความรัก
“คุณหนูครับ”
ใบหน้างามของ ‘สะบันงา’ หญิงสาววัย 25 ปี ผินตามเสียงเรียก รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า ดวงตาพราวระยิบระยับมองตอบกลับมาราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสิ่งใดให้เจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งนี้ต้องขุ่นข้องหมองใจ และน้ำเสียงตอบรับของเธอก็ยังคงกังวานใสเฉกเช่นเมื่อ 5 ปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลง
“จ๊ะ ลุงพงษ์”
“คุณหนูแน่ใจเหรอครับ”
“และอะไรที่ทำให้ลุงคิดว่าหนูไม่แน่ใจล่ะ”
“ก็...”
“เรื่องนั้นหนูจัดการเอง ลุงทำอย่างที่หนูต้องการก็พอแล้ว”
“ครับ แค่คุณหนูกลับมา ผมก็ดีใจจนน้ำตาจะไหลอยู่แล้วครับ”
“หนูก็เหมือนกัน”
ใบหน้างามผินมองไปสุดสายตา ไม่อยากให้ความอ่อนแอและก้อนสะอื้นที่คล้ายจะปะทุขึ้นกลางหัวอก ทั้งที่ยังไม่มีน้ำตาให้เห็นสักหยดนั้นแสดงอาการออกมาให้ใครได้เห็น แค่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แค่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของที่นี่แต่เพียงผู้เดียวอย่างชอบธรรม แค่รู้ว่าต่อจากนี้เธอจะสามารถทำตามความฝันที่ตั้งใจไว้ได้อย่างเต็มที่ และสิ่งที่หวังไว้ก็มีเพียงสิ่งเดียวคือจะต้องสำเร็จเท่านั้น
เพราะเงินที่มีทั้งหมดเธอจะนำมาลงแรงลงใจเพื่อฟื้น ‘สวนอุ่นรัก’ สวนกุหลาบบนเนื้อที่ 50 ไร่นี้ให้กลับมามีชีวิตเหมือนดังเช่นเมื่อ 5 ปีก่อนให้จงได้ และไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เธอก็จะต้องผ่านไปให้ได้
ติ๊ด... ติ๊ด...
แค่เพียงคิด อุปสรรคแรกที่เธอบอกกับ ‘ลุงพงษ์’ คนงานเก่าแก่ของพ่อว่าเธอจะจัดการเองก็เปิดเผยตัวตนจนได้ แต่เธอจะไม่ยอมแพ้หรอก
“ลุงจ๊ะ ลุงไปเตรียมที่หนูบอกเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจัดการได้ทุกเรื่อง” สะบันงาพยักพเยิดใบหน้ากับพงษ์ ว่าคนในสายนี้ไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นอุปสรรคยักษ์ของเธอ ซึ่งก็คือ ‘สินีนาถ’ หรือ ‘แม่’ ของเธอนั่นเอง
“คะแม่”
เสียงหวานส่งออกไปก่อนจะรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากใบหูเมื่อเสียงจากคนต้นสายนั้นคือความกราดเกรี้ยวอย่างที่สุด ซึ่งเธอก็คิดไว้อยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ก็เท่านั้นเอง
“ยัยบี! นี่แกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยหรือไง ฉันห้ามไม่ให้แกไปยุ่งกับไอ้สวน สับปะรังเคนั่น แกไม่เชื่อฟังฉันเลยใช่ไหม! แกกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าแกยังคิดว่าฉันเป็นแม่ ยัยบี! แกได้ยินที่ฉันพูดไหม!”
สินีนาถแผดเสียงลั่นใส่โทรศัพท์เมื่อคนจากบ้าน ‘รังสีนิมิต’ โทร.มารายงานว่า ‘สะบันงา’ ลูกสาวของเธอที่เกิดจากสามีเก่าผู้ล่วงลับกำลังเดินทางไปทำสวนที่ปากช่อง ทั้งที่เธออยากให้สะบันงาขายสวนร้างนั่นทิ้งไปเสีย แล้วเอาเงินมาใช้ให้สุขสบายสมกับสิ่งที่ต้องแลกมา
สะบันงาไม่เพียงไม่ทำตาม แต่กลับรั้นจะพลิกฟื้นที่ดินรกร้างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น ‘สวนกุหลาบ’ ให้กลับฟื้นคืนมาเหมือนเดิม ทั้งที่เธออยากจะฝังอดีตอันขมขื่น แต่สะบันงากลับเลือกที่จะขุดคุ้ยมันขึ้นมาอีกครั้ง
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก