เธอถูกตราหน้าว่าของเหลือเดน ส่วนเขาคือมาเฟียที่รับซื้อเธอมาและกำลังรับรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคือเพชรแท้ที่สวยงาม
ห้าหมื่น
เจ็ดหมื่น
เก้าหมื่น
แสนสอง
แสนห้า
หนึ่งล้าน!!
จำนวนเงินที่ได้ยินทำเอาคนทั้งห้องถึงกับเงียบสนิท นั่นเพราะไม่คิดว่าการขายผู้หญิงคนหนึ่งในค่ำคืนนี้ จะนำมาซึ่งเงินถึงหนึ่งล้านบาท นั่นเพราะที่ผ่านๆ มายอดเงินในการขายก็ไม่เคยเกินสองแสน
ผู้ชายกลัดมันทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ต่างหันไปมองเจ้าของเงิน ที่เวลานี้นั่งไขว่ห้างพร้อมกับจิบวิสกี้รสเลิศไปด้วย ดูท่าทางเขาจะไม่ใช่คนธรรมดา นั่นเพราะข้างตัวล้วนแต่มีบอดีการ์ดร่างยักษ์สองคนคอยประกบ
“มีใครให้มากกว่านี้ไหมครับ หนึ่งล้านครั้งที่หนึ่ง” เสียงของชายที่ค่ำคืนนี้รับหน้าที่เป็นพิธีกรเอ่ยขึ้น เขาเก็บซ่อนความตื่นเต้นไว้แทบไม่อยู่ นั่นเพราะนี่คือประวัติศาสตร์การซื้อขายที่แพงที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้
เวลานี้คู่แข่งรายแรกๆ ที่เปิดการขายด้วยเงินหลักหมื่นถึงกับพากันถอยไปตั้งหลัก นั่นเพราะแม้จะถูกอกถูกใจสาวสวยที่เวลานี้ยืนใส่ชุดบิกินี่โชว์สัดส่วนอยู่บนเวทีมากขนาดไหน แต่เงินมันก็ไม่หนาพอที่จะพาเธอนั้นขึ้นเตียงเพื่อทะลวงจิ้นได้ หลักหมื่นถอยส่วนหลักแสนนั้นลังเลจะไปต่อหรือพอแค่นี้เช่นกัน
“หนึ่งล้านครั้งที่สอง”
“หนึ่งล้านห้า” จู่ๆ ก็มีเสียงของชายคนหนึ่งดังสวนขึ้น เขาคือเจ้าพ่อคาสิโนที่นานๆ จะปรากฏตัวที่นี่สักครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาเขามักจะได้ของดีสมราคากลับไปบำเรอกามเสมอๆ ถึงชายหนุ่มก็หมายตาหญิงสาวบนเวทีไว้แล้วเช่นเดียวกัน เธอดูหวาดกลัวจนเขาอยากจะปลอบให้หายตื่นตระหนกนัก
“หนึ่งล้านห้าแสนครั้งที่หนึ่ง มีใครให้มากกว่านี้ไหมครับ เพราะหญิงสาวในค่ำคืนนี้ของเรานั้นทั้งสวย ทั้งสด รับประกันว่าท่านได้ของดีแน่” พิธีกรของงานยังคงเชื้อเชิญด้วยถ้อยคำตรงไปตรงมา เหล่าผู้ชายนั้นต่างชื่นชอบแต่หญิงสาวบนเวทีกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
แม้ราคาค่าตัวของเธอจะหลักล้าน แต่เวลานี้เธอกลับคิดว่าตัวเองนั้นไร้ค่าไร้ราคา เธอร่ำร้องอยู่ในอกจนร่างบอบบางสั่นเทา ท่าทางนั้นทำให้เจ้าของเงินหนึ่งล้านที่กำลังเพ่งสายตามองอยู่สนใจใคร่รู้ว่านั่นคือของจริงหรือแค่การแสดงละครเรียกค่าตัว
อาจเพราะแสงไฟในคลับมันสลัวเกินกว่าจะมองสินค้าคุณภาพเยี่ยมได้เต็มๆ ตา บวกกับต้องการปั่นราคาค่าตัวให้ได้มากกว่านี้ เนื่องจากลูกค้าสองคนสุดท้ายนั้นต่างกระเป๋าหนัก พิธีกรของงานจึงส่งสัญญาณให้พนักงานเปิดสปอร์ตไลท์ข้างเวทีขึ้น
ทันทีที่แสงสปอร์ตไลท์สาดมาบนตัวสินค้าก็สร้างความฮือฮาให้ทุกคนที่อยู่ในห้องได้ทันที นั่นเพราะรูปร่างอัน อรชรที่ปกปิดไว้ด้วยบิกินี่แค่สองชิ้น มันกระตุ้นอารมณ์ได้ดีที่เดียว หน้าอกคู่สวยที่อวบอูมดันตัวภายใต้ผ้าชิ้นบางชวนให้อึดอัด ไหนจะเอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายนั่นอีก ขาก็เรียวสวยพอๆ กับใบหน้าที่จิ้มลิ้มลงตัว แบบนี้สิถึงคุ้มราคาให้สู้ต่อ
“ล้านเจ็ดแสน” ชายคนที่สามลุกขึ้นสู้บ้าง แต่รูปร่างนั้นช่างอวบอ้วนขี้เหร่จนหญิงสาวบนเวทีหวาดกลัว
“หนึ่งล้านเจ็ดแสนครั้งที่หนึ่งครับ”
“สองล้าน” เจ้าพ่อคาสิโนเสนอจำนวนเงินอีกครั้ง โดยมั่นใจว่าคราวนี้ไม่มีใครกล้าสู้แน่นอน
ม่านมุกคือหญิงสาวที่ยืนตัวลีบอยู่บนเวทีในขณะนี้ เธอแทบไม่กล้าสบตาผู้ชายคนไหนเลย แม้จะมองไปตรงหน้าแต่ก็เลือกที่จะไม่โฟกัสภาพ แต่หารู้ไม่ว่าเวลานั้นมีใครบางคนกำลังมองเธออยู่ เขาคือชายที่เสนอเงินล้านเพื่อซื้อเธอเป็นคนแรก ภาพของเธอมุมนี้ แววตาแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ทำไมถึงได้เหมือนเธอคนนั้น ราวกับภาพสองภาพถูกนำมาซ้อนกัน
“สองล้านครั้งที่หนึ่ง สองล้านครั้งที่สอง มีใครให้มากกว่านี้ไหมครับ สองล้านครั้งที่สะ...” ยังไม่ทันที่พิธีกรจะเอ่ยคำว่าสาม ยอดเงินห้าล้านก็ถูกเสนอขึ้นโดยชายที่ยังคงนั่งดื่มวิสกี้เหมือนครั้งแรก
“ห้าล้าน”
“ห้าล้านครั้งที่หนึ่ง ห้าล้านครั้งที่สอง ห้าล้านครั้งที่สาม ขายครับ ขายที่ห้าล้านบาท” การขายสิ้นสุดลงในเวลาอันรวดเร็ว นั่นเพราะกลัวลูกค้าใจป้ำจะเปลี่ยนใจยกเลิก เพราะไม่อย่างนั้นกำไรที่ลอยมาตรงหน้าคงหายวับไปกับตาเป็นแน่แท้
เจ้าพ่อคาสิโนดูจะเสียดายที่พลาดไม่ได้สินค้าชิ้นงามมาครอง แต่ก็ต้องถือกติกาเป็นสำคัญ เอาไว้แก้ตัวครั้งต่อไป ส่วนชายอวบอ้วนนั้นถอดใจไปนานแล้ว
“ยินดีกับคุณ...” พิธีกรส่งสัญญาณจะถามชื่อผู้ชนะเพื่อจะได้ประกาศถูก แต่ลูกน้องหน้าโหดของชายเจ้าของเงินห้าล้านกลับส่งสัญญาณมือว่าไม่จำเป็น นั่นทำให้พิธีกรของงานต้องรีบเปลี่ยนประโยคทันที
“ยินดีกับผู้ชนะในค่ำคืนนี้ของเราด้วยครับ แต่ท่านอื่นที่พลาดก็ไม่ต้องเสียใจ ที่นี่มีของดี ของเด็ดมาให้ท่านได้เลือกซื้ออีกแน่นอน แล้วพบกันใหม่ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าครับ” เอ่ยจบพิธีกรก็หมุนตัวกลับเข้าไปหลังเวทีด้วยใจที่เริงร่าและคำว่าห้าล้าน ห้าล้านในหัว
แสงจากสปอร์ตไลท์ถูกปิดไปแล้ว แต่ม่านมุกก็ยังต้องยืนอยู่กับที่ กระทั่งม่านหน้าเวทีถูกปิดลง ร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่บนเวทีแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงกับอ่อนจนต้องทรุดลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาคลุมตัวเองไว้ทันที เสียงอื้ออึงยังคงดังขึ้นภายในคลับซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นเสียงของผู้ชาย กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วจนเธอนั้นแทบจะหายใจไม่ออก
แม้ที่นี่จะดูหรูหราแต่มันคือสถานที่อโคจรของจริง ม่านมุกก้มมองตัวเองแล้วก็จุกอยู่ในอก นั่นเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะทำอะไรแบบนี้ลงไปได้ แต่ในเมื่อทำแล้วเธอก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อครู่นี้เธอคือสินค้าที่ถูกขายไปแล้ว ยามที่ถูกสายตาจากผู้ชายคนนั้นคนนี้จ้องมองความรู้สึกที่เกิดขึ้นราวกับเข็มนับล้านๆ เข็มทิ่มแทงบนตัวเธอ
จะมียกเว้นก็เพียงจากผู้ชายคนนั้นคนที่ซื้อเธอด้วยเงินห้าล้านนั่น เขามองเธอด้วยแววตาอันเฉยชา หวังว่าหลังจากนี้เธอกับเขาจะตกลงอะไรกันได้
ร่างบอบบางค่อยๆ ก้าวลงจากเวทีด้วยขาที่สั่นเทา แต่ทันทีที่กลับเข้าหลังม่านได้ ก็เจอกับสายตาหยามเหยียดจากบรรดาผู้หญิงที่กำลังรอขึ้นประมูลเป็นคนถัดไป
“ผู้หญิงเหลือเดนแท้ๆ ทำไมถึงได้เงินมากมายขนาดนั้น” เสียงๆ หนึ่งแว่วเข้าหูให้ได้ยินอย่างจงใจ มันเสียดแทงความรู้สึกของคนฟังจนแทบจะกลั้นใจตายเสียตรงนี้
“นั่นสิ โสเภณีเด็กน้อยนั่นมีดีอะไร ถึงขายได้ราคา คิดแล้วเจ็บใจ”
“ผู้ชายคนนั้นก็หล่อมาก ดูท่าจะรวยไม่น้อยด้วย ถ้าฉันถูกเขาประมูลบ้าง จะจับไม่ปล่อยเลย”
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!