กฏของผมมีแค่ไม่กี่ข้อ 1.คุณต้องเปลือยเวลาเราอยู่ด้วยกันเสมอ 2.ผมต้องจูบคุณได้ตลอดเวลา 3.ถ้าคุณไม่เข้าใจหรือมีข้อแม้กรุณากลับไปอ่านข้อหนึ่งกับข้อสอง ผมไม่ชอบเซ้าซี้ แต่ชอบ...
ความรู้สึกขณะเครื่องบินลำใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ยังคงทำให้เวียงพิงค์ที่เวลานี้เป็นหนึ่งในผู้โดยสารขาสั่นไม่หาย แม้นี่จะไม่ใช่การนั่งเครื่องบินครั้งแรกของเธอก็ตาม แต่ทว่าครั้งนี้กลับเป็นการนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรกของเธอก็ว่าได้
จุดหมายปลายทางที่ระบุไว้บนตั๋วโดยสารคือสนามบินเชเรเมียทเทวา กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย เมื่อก่อนนี้เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะบินไปต่างประเทศ แต่จู่ๆ กลับต้องบินเป็นครั้งแรกด้วยเหตุผลง่ายๆ คือเพื่อไปเที่ยวและเยี่ยมเพื่อนสนิท ที่มีแผนจะแต่งงานกับหนุ่มรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
คิดถึงเรื่องนี้ บทสนทนาระหว่างเธอกับว่าที่เจ้าสาวในตอนนั้น ก็หวนเข้ามาในความคิดของเวียงพิงค์
“ฉันไปไม่ได้จริงๆ นะแก้ว”
“มาเถอะนะเวียงพิงค์ ถ้าไม่มีเธอเราก็ไม่มีเพื่อนเจ้าสาวที่สนิทและอยากให้มางานเลยสักคน ฉันขอร้องนะ” น้ำเสียงของแก้วกานต์ที่เอ่ยร้องขอมาตามสายนั้น ทำเอาคนฟังแทบอึกๆ อึกๆ ใช่ว่าเธอไม่อยากไป แค่ไม่พร้อมเรื่องเงินเท่านั้นเอง
“แต่ว่า...”
“เรื่องตั๋วเครื่องบิน เรื่องค่าเดินทางไม่ต้องห่วง เราออกให้เองขอแค่เวียงพิงค์ยอมมางานแต่งงานของเรา...นะ”
“ไม่ต้องหรอก”
“ไม่ต้องไม่ได้ เวียงพิงค์มาสวยๆ ก็พอ อ้อ...เตรียมชุดไทยมาด้วยนะ จะแบบประยุกต์หรือจัดเต็มมาก็ได้” ว่าที่เจ้าสาวรวบรัดแบบมัดมือชกไปเรียบร้อย
“ชุดไทยด้วยเหรอ”
“อื้อ...มันคือความฝันของเรา ว่าอยากใส่ชุดไทยในงานแต่งงาน แต่ตอนนี้คงไม่สะดวก เลยอยากให้เพื่อนเจ้าสาวใส่แทนนะ”
“แล้วแก้วมีเพื่อนเจ้าสาวกี่คน เราจะได้เป็นธุระเรื่องชุดไทยให้”
“ห้าคนรวมเวียงพิงค์ด้วย”
“โอเค เราจัดการให้ได้”
“ตอบแบบนี้ก็แสดงว่าเวียงพิงค์ยอมมางานแต่งงานเราใช่ไหม” ว่าที่เจ้าสาวถามย้ำอีกครั้ง
“จ้ะ”
“ขอบใจมากนะเวียงพิงค์”
เฮ้อออ
เพื่อนเจ้าสาวถอนหายใจออกมาหนักๆ นั่นเพราะแม้การเดินทางครั้งนี้แก้วกานต์จะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเกือบหมด แต่การจากบ้านจากเมืองไปยังประเทศที่ไม่เคยคิดว่าจะไปก็กังวลไม่น้อย หวังว่าเจ็ดวันที่เธอใช้การลาพักร้อนบวกลากิจไป จะเป็นเจ็ดวันที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ
เวียงพิงค์นั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่นาน นั่นเพราะเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งติดหน้าต่างจึงได้มองวิวสวยๆ อย่างไม่รู้เบื่อ แต่เพราะตื่นแต่เช้าเพื่อมาขึ้นเครื่อง นั่นทำให้เธอง่วงจนต้องเผลอหลับ ก่อนจะมารู้สึกตัวเหมือนมีอะไรมาบีบที่หน้าอก พอลืมตาขึ้นก็แทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
ดวงตากลมโตยิ่งโตขึ้นเมื่อเจ้าของรู้สึกตกใจ นั่นเพราะตอนนี้มีผู้ชายแก่หัวหงอกคนหนึ่งเข้ามานั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เธอ ซึ่งก่อนหน้านี้มันว่างไม่มีผู้โดยสาร นอกจากมานั่งใกล้จนประชิดตัวแล้วผู้ชายคนนี้กลับลวนลามเธออีก เพราะตกใจทำให้เวียงพิงค์นั่งแข็งทื่อ ในขณะที่ชายแก่คนดังกล่าวกลับยิ่งได้ใจเพราะเห็นเธอไม่โวยวาย จึงขย้ำหน้าอกของเวียงพิงค์อีกครั้งอย่างไร้มารยาท
ผัวะ
เสียงต่อยปากดังผัวะเกิดขึ้นทันทีเช่นเดียวกัน แรงต่อยจากกำปั้นเล็กๆ ของเวียงพิงค์มันแรงมากพอที่จะทำให้ชายแก่คนนั้นหน้าหงาย บวกกับเลือดที่กลบปากก็ยิ่งทำให้เขาตื่นตกใจ ส่วนเวียงพิงค์เองก็ตกใจนั่นเพราะเธอไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน แต่เพราะตอนนี้โกรธจนเหลืออดทำให้เธอไม่คิดจะออมแรงต่อยเลยแม้แต่น้อย
พอเห็นเลือดในมือคราวนี้ชายแก่ก็โวยวายดังลั่นห้องโดยสาร จนแอร์โฮสเตสรีบเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เวียงพิงค์ฟังบทสนทนาของชายแก่ไม่ออกว่าเขาพูดอะไร เพราะมันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ในขณะที่แอร์โฮสเตสที่อาจจะฟังไม่รู้เรื่อง กำลังพยายามไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น
“ผู้โดยสารท่านนี้บอกว่าถูกคุณทำร้ายค่ะ” นี่คือประโยคที่แอร์โฮสเตสหันมาคุยกับเวียงพิงค์เป็นภาษาอังกฤษ
“ใช่ค่ะ...ฉันต่อยเขา”
“เธอตอบว่าอะไร” ชายแก่คนนั้นหันมาตะคอกถามเอาความจากแอร์โฮสเตส
“เธอยอมรับค่ะ”
“เห็นไหม เธอยอมรับว่าทำร้ายฉัน” ชายแก่ได้ทีเอ่ยปัดความผิดให้เวียงพิงค์ ยิ่งเขาโวยวายเสียงก็ยิ่งดัง นั่นทำให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ เริ่มสนใจมากขึ้น
“แต่ที่ฉันต่อยเพราะฉันป้องกันตัว ผู้ชายคนนี้เข้ามาลวนลามฉันก่อน”
“จริงเหรอคะ”
“ผมเป็นพยานให้เธอได้ครับ ว่าเธอถูกลวนลามจริงๆ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้ทั้งเวียงพิงค์และแอร์โฮสเตสหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นชายคนหนึ่งที่ตัวเขาสูงใหญ่มากทีเดียว แม้รูปร่างหน้าตาจะหล่อเหลาจนทำให้หัวใจของผู้หญิงหลายคนหวั่นไหวได้ แต่กลับไม่ใช่เวียงพิงค์นั่นเพราะผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่สเปคของเธอก็ว่าได้
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวดิฉันจัดการเรื่องนี้ให้ค่ะ ต้องขอโทษผู้โดยสารด้วยนะคะที่ดิฉันดูแลได้ไม่อย่างทั่วถึง” แอร์โฮสเตสเอ่ยขึ้น นั่นเพราะรู้สึกผิดจริงๆ ที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้บนเที่ยวบินที่เธอดูแลอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“พวกคุณคุยอะไรกัน” ชายแก่ยังคงโวยวาย เพราะตอนนี้แทบไม่มีใครสนใจตัวเองเลย ก่อนที่แอร์โฮสเตสสาวสวยที่ทำอาชีพนี้มาหลายปีจะจัดการเขาขั้นเด็ดขาด แต่ชายแก่ก็ยังคงโวยวายไม่ยอมเลิก ชายหนุ่มร่างสูงที่ยื่นมือมาช่วยเวียงพิงค์จึงต้องส่งลูกน้องคนสนิทเข้าไปคุย และเพียงไม่นานชายคนนั้นถึงกับเงียบกริบ
สีหน้าบ่งบอกถึงความตระหนกได้อย่างเห็นได้ชัด และไม่กล้าสบตาชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เวียงพิงค์เลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะตอนนี้รู้แล้วว่าชายคนนั้นเป็นใคร
“ผมต้องขอโทษแทน...” คิริลล์หมายจะขอโทษแทนคนในประเทศของเขา ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับเธอ แต่กลับถูกเวียงพิงค์เอ่ยแทรกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำ ที่เป็นพยานให้”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณพูดไทยได้ด้วยเหรอคะ”
“นิดหน่อย” คิริลล์ยิ้มมุมปากให้เวียงพิงค์ นั่นเพราะเขามาทำธุรกิจที่ไทยจึงพอจะพูดภาษาไทยได้บ้าง แต่ก็แค่เพียงคำง่ายๆ ไม่กี่คำเท่านั้น
ทั้งสองคนคุยกันแค่นั้น ก่อนที่จะแยกย้ายกลับที่นั่งของตัวเอง เวียงพิงค์นั่งกอดอกด้วยหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ นั่นเพราะไม่คิดว่าการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกจะถูกรับน้องขนาดนี้ โดยหารู้ไม่ว่าของจริงกำลังรอเธออยู่ต่างหาก
นับเวลาจากเครื่องขึ้นบินจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิกระทั่งเครื่องลงจอดที่สนามบินเชเรเมียทเทวา กรุงมอสโคว์ ก็กินเวลาราวๆ สิบชั่วโมง และคนที่มารับเวียงพิงค์ก็ไม่ใช่ใครอื่น
“เวียงพิงค์ทางนี้”
“แก้ว”
“ดีใจจังเลยที่ได้เจอ ขอบใจนะที่มา ขอบใจมาก” แก้วกานต์เอ่ยประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา รู้สึกดีใจที่เห็นเวียงพิงค์ถึงขนาดร้องไห้ นั่นเพราะหลังจากนี้เธอจะได้มีตัวตายตัวแทนเสียที
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เพื่อช่วยชีวิตแฟนสาวของเขา มือขวาของหลินเทียนจึงพิการ แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้มาคือการทรยศของแฟนสาวและเพื่อนสนิทของเขา ขณะที่หลินเทียนกำลังรู้สึกสิ้นหวัง เขาก็ได้พบกับคนคนหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คนนั้นมีชื่อว่าหลิวอีเตา เป็นหมอในตำนาน หลินเทียนไม่เพียงแต่ได้กลายเป็นศิษย์ของแพทย์ผู้ไร้เทียมทานผู้นี้ แต่ยังได้รับมรดกอันมหาศาลจากดร.หลิวอีกด้วย จากนั้นเป็นต้นมา หลินเทียนโต้กลับทุกทาง กำจัดอุปสรรคต่าง ๆ จะกระทั่งไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้