/0/5768/coverbig.jpg?v=866765116b4fdd77a0d60921739ef7a4)
ความรักจากชาติปางก่อน กลับมาหลอกหลอนในปัจจุบัน อะไระเกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวทั้งสองต่างกลับชาติมาเกิด ฝ่ายหนึ่งกลับมาด้วยแรงแค้นเพราะความรักเป็นเหตุ อีกฝ่ายกลับมาเพื่อช่วงชิงชายอันเป็นที่รัก ที่ยังระทมจมปลักในความรักครั้งเก่า เขาจะสานต่อ และแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่เคยทำ หรือจะทำให้เหตุการณ์เลวยิ่งขึ้น และสุดท้ายจะสมหวังในรักหรือพรากจากกันอีกครั้ง ความจริงใจจะพ่ายแพ้เล่ห์เหลี่ยมแห่งเสน่หาหรือไม่?
บทที่ 1
กองกระดาษสีขาวปึกหนาที่แปะตรงริมด้านบนด้วยกระดาษจดบันทึกสีชมพูแผ่นเล็ก หนีบคลิปไว้อย่างดีจนบดบังตัวอักษรบางตัวไป แต่พอจะอ่านออกได้ว่า ‘ต้นฉบับที่ผ่านแล้ว’ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน ที่ต่อให้สาบานหรืออมพระทั้งวัดมาพูดมาบอกเล่า ก็คงหาคนเชื่อยาก ว่านี่คือโต๊ะทำงาน เพราะมันรกได้ใจ รกขนาดไม่มีที่ว่างสำหรับวางมือให้ได้เต็มฝ่ามือเสียด้วยซ้ำ ทั้งโต๊ะที่มองสีเดิมได้เพียงช่องเล็กๆ ผ่านเอกสารกองมหึมาจนเฉียดจะคล้ายกองขยะเข้าไปทุกทีนั้น แทบดูไม่ออกว่าโต๊ะนี้เป็นสีอะไร ทว่าชายเจ้าของโต๊ะยังคงวางต้นฉบับที่เปิดอ่านแล้วสุมลงมาอีกโดยไม่เกรงใจสายตาคนมองเลยทีเดียว
“มองอะไรวะ?” ประโยคกวนนั้นไม่เหมาะที่จะออกจากปากชายวัยสี่สิบต้นๆ ทว่าดูหนุ่มกว่าอายุมาก ถ้าผมบนศีรษะที่ยาวระต้นคอนั้นจะไม่ประจานแบบวิ่งแซงอายุจริงไปโขด้วยสีผิดธรรมชาติ ผมสีดอกเลาประปรายที่แซมออกมานั้นเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์ของเขาไปเสียแล้ว เมื่อเพื่อนสนิทมิตรสหายและลูกน้องมักชอบเรียกเขาว่า ‘หงอก’ ส่วนคำนำหน้านั้นเปลี่ยนแปลงตามสถานะคนเรียกทั้ง ไอ้หงอก พี่หงอก และบอกอหงอก ทั้งที่ชื่อจริงๆ ของเขาออกจะ เพราะพริ้งว่า ทรงภพ พัฒนะวาทย์
คนถูกถามด้วยเสียงดุประกอบท่าทางยียวนของทรงภพ มองแล้วส่ายหน้าชนิดไม่กล้าหือ ก็ใครจะกล้าต่อกรกับบรรณาธิการบริหารหนุ่มใหญ่ไฟแรงอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งลูกน้องในสำนักพิมพ์คิดว่ามันออกจะแรงเกินไปเสียด้วยซ้ำ เพราะมันแรงเกินจนทำให้พวกเขาพากันหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน
“ส่ายหน้าทำไม ก็เห็นๆ ว่ามองอยู่” เขายังไม่ยอมเลิกรา ท่าทางเหมือนจะชวนทะเลาะเสียให้ได้ แต่อาการรื้อค้น และพลิกหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งบนต้นฉบับปึกหนาเล่มหนึ่งนั้นยังไม่หยุด
“หาอะไรเหรอ พี่ภพ” นทีพนักงานคนเดียวในสำนักพิมพ์ ที่ยังไม่กล้าเรียกอย่างสนิทสนมว่า พี่หงอกเหมือนคนอื่นๆ เลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่ส่งคำถามกลับแทน
ทรงภพเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องอายุห่างกันนับสิบปี ก่อนก้มหน้าหาต่อพลางบอก “ต้นฉบับนี่ ทำไมไม่มีชื่อจริง นามสกุลจริง หรือเบอร์โทรฯ ติดต่อกลับของเจ้าของผลงาน พวกแกทำตกหายตอนปริ๊นต์ออกมาหรือเปล่า”
“เรื่องไหนพี่ แต่ผมไม่เคยบกพร่องทำหน้างานหายไปแม้แต่แผ่นเดียวนะครับ” นทีรี่เข้าไปใกล้
ทรงภพยื่นปึกเอกสารต้นฉบับมาตรงหน้านที เพื่อให้เห็นชื่อเรื่องชัดๆ
“เล่ห์เสน่หา โดย เตือนตะวัน อ่า เรื่องนี้ผมปริ๊นต์กะมือ รับรองไม่ขาดหายพี่ แต่นักเขียนเขาไม่ใส่มาจริงๆ มีแต่อีเมลให้ติดต่อกลับ ผมกะว่าให้ผลมันออกมาก่อนว่าผ่านหรือไม่ผ่านแล้วค่อยติดต่อไป ขอชื่อที่อยู่ เบอร์โทรฯ อีกครั้ง”
ทรงภพมองตามที่อยู่อีเมลซึ่งนทีจิ้มให้ดู harlot@hotmail.com เขาถึงกับอึ้งในทีแรกที่เห็นชื่ออีเมลนั้น ใครหนอช่างกล้าเอาคำนี้มาตั้ง
“หญิงแพศยา” เขางึมงำก่อนหยิบต้นฉบับเล่ห์เสน่หาติดมือ เดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ซึ่งเป็นห้องทำงานโดยตำแหน่งที่แท้จริง หน้าห้องติดป้ายหรา บรรณาธิการบริหาร ส่วนโต๊ะข้างนอกเมื่อครู่นั้นเป็นโต๊ะที่เขาชอบมานั่งมองลูกน้องทำงานเสียมากกว่า ด้วยเหตุจะได้ใกล้ชิด
ทรงภพมานั่งลงตรงโต๊ะทำงาน เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่วางบนโต๊ะยังคงเปิดและเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา หนุ่มใหญ่แต่ใจกระชุ่มกระชวยด้วยการแต่งตัวและบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ ยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ในท่าสุดสบาย ยามเปิดอ่านหน้าหนึ่งของต้นฉบับที่ใช้นิ้วคั่นมาเมื่อครู่
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"