เมื่อสิงห์หนุ่มได้พบกับนางสิงห์สาวที่คู่ควร จะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ แม้จะต้องแลกมาด้วยการ 'จี้ ปล้น ข่ม ขย่ม' หรือต้อง 'โยก' กันบ้างบางส่วน เขาก็ถือว่ามันคุ้ม
เสียงลมหายใจหอบกระเส่าของหญิงชายที่สอดประสานกันเป็นจังหวะจะโคนเร่งเร้ารัญจวน บางครั้งแว่วหวานแผ่วเบาแต่บางครั้งก็ดุดันราวกับมีใครบางคนที่กำลังได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส และบางครั้งก็ร้อนรุ่มรุนแรงจนทำให้เตียงเหล็กที่รองรับแรงกระแทกกระทั้นนั้นส่งเสียงอิดออดราวกับว่ามันพร้อมจะหักโค่นลงมาทุกจังหวะการเคลื่อนไหว แต่เมื่อเส้นสายปรารถนายังไม่สิ้นสุด แม้ว่าเครื่องรองรับความซ่านเสียวจะแตกหักลงตรงหน้าเขาก็พร้อมจะฝ่าไป
ฝ่ามือแกร่งช้อนใต้สะโพกผายพร้อมจับพลิกให้ร่างขาวจั๊วคว่ำหน้าลงก่อนจะรั้งสองขาเรียวยาวลงมายืนอยู่ด้านข้างเตียงเหล็ก ทั้งที่ตัวตนแข็งแกร่งของเขายังสอดแทรกอยู่ในโพรงฉ่ำน้ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะขยับออก ไม่รอช้าร่างแกร่งเปล่าเปลือยก็กระหน่ำความแข็งแกร่งทะลวงทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอให้คนด้านล่างได้ตั้งตัวหรือเตรียมใจ
“โอว... นายหัวขา... ใจเย็นๆ สิคะ แนนนี่ยังไม่ไปไหนค่ะ ยังอยู่กับนายหัวทั้งคืน โอว...”
“เย็นไม่ไหวแล้วแนนนี่ ฉันร้อนจนไฟจะลุก อืม...”
เสียงห้าวกระเส่าตอบอย่างคนมีอำนาจที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ความปรารถนาครั้งที่ 3 ของคืนนี้สิ้นสุดลง สมดั่งสโลแกนของเขานั่นก็คือ ‘ไม่เช้าอย่ามาเรียกเขาว่าเจ้าป่า’ และราตรีนี้ก็อีกยาวไกลนัก
“อ่ะ! นายหัวขา... แนนนี่... สะ... เสียวเหลือเกิน โอว... นายหัวขา... แนนนี่เสียว... โอว... โอว... นายหัวขา...”
สาวสวยหุ่นนางแบบแต่มีหน้าอกขนาดมหึมาชนิดที่ผู้ชายทุกคนอยากจะซบใบหน้าลงไปมาส่ายศีรษะไปมาด้วยความหฤหรรษ์เกินจะห้ามใจ ก่อนจะผินใบหน้าที่ชื้นไปด้วยไรเหงื่อมองบุรุษรูปร่างแข็งแกร่งที่สร้างความสั่นสะท้านไปถึงโพรงดอกไม้ของเธอในทุกครั้งที่ได้พบหน้า ไม่ว่าจะที่ไหน เวลาใด ขอเพียงเธอได้เห็นหน้าเขา ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงในช่วงเวลาที่เขากระแทกกระทั้นกายแกร่งแข็งเกินชายใดเข้าสู่ร่างกายของเธออย่างไม่ละลด
ความแข็งแรงของเขาสร้างความอิ่มให้กับเธอจนแทบจะสำลักเพราะลูกไฟที่มอดดับสามารถจุดติดได้หลายๆ ครั้งตลอดค่ำคืน เธอติดใจเขามากมายเสียจนพร้อมจะทำทุกอย่างที่เขาปรารถนา แม้จะเป็นได้แค่เพียงดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาเด็ดดมในยามที่ความต้องการพวยพุ่ง เธอก็พร้อมจะยอม เพราะเขา... จ่ายหนักจริงๆ
“โอว... นายหัวขา... แนนนี่จะไม่ไหวอีกแล้ว อืม... นายหัวขา...”
“หึหึหึ... จะรอดูว่าแนนนี่จะไม่ไหวจริงหรือเปล่า”
ฝ่ามือหนาของสีหราชจับกระชับสะโพกผายแน่นก่อนจะสาวสะโพกสอบกดกระหน่ำลงไป โดยไม่สนใจว่า ‘แนนนี่’ นางแบบสาวอกสะบึม หนึ่งในคู่ขาที่บินตรงจากกรุงเทพฯ มาชุมพร ตามออร์เดอร์ของเขาจะส่งเสียงร้องครวญครางมากน้อยแค่ไหน เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องของเขา เรื่องที่เขาต้องทำคือเขาต้องได้และต้องได้ให้มากที่สุดด้วย
แรงขับเคลื่อนพลังงานทางเพศที่มีอย่างมากล้นและต้องได้รับการตอบสนอง จนเรียกได้ว่าตลอดทุกค่ำคืนข้างกายของสีหราชไม่เคยขาดหญิงงาม แต่เมื่อต้องรับหน้าที่ ‘นายหัว’ แห่งไร่กาแฟอย่างเต็มตัว ช่วงเวลาทำงานเขาก็ต้องลงแรงกายและแรงใจไปอย่างไม่หยุด และเมื่อได้พัก เขาก็ควรจะตักตวงเอาความสุขที่โหยหานั้นไว้ให้ชุ่มปอด และคนอย่างเขาก็ไม่เคยเอาเปรียบใครด้วย
ทุกหยาดเหงื่อที่พวกเธอต้องสูญเสียไปจากกิจกาม ‘ทำรัก’ จะถูกแปลเป็นเงินอย่างสมน้ำสมเนื้อ แน่นอนว่าไม่มีใครเอาเปรียบใครแน่เพราะสิงโตหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยแรงขับเคลื่อนทางเพศอย่างมากมายและต้องการการสนองตอบที่ถึงอกถึงใจพอๆ กัน เขาก็พร้อมจะเห็นอกเห็นใจในความเหนื่อยอ่อนของพวกเธอและพร้อมจะตอบสนองพวกเธอจนเกินคุ้ม ขอเพียงอย่างเดียว ‘อย่าขัดใจ’
“อ่ะ! นายหัว! นายหัว! นายหัวขา... นายหัวขา... อา... กรี๊ด...”
แนนนี่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแรงกระแทกนั้นรัวเร็วรุนแรงมากขึ้นก่อนเสียงกรีดร้องเล็กๆ ของเธอจะดังยาว เพราะโพรงดอกไม้กำลังเกร็งตัวบีบรัดความมโหฬารไว้อย่างแนบแน่น ทุกแรงกระตุกรั้ง ทุกแรงบีบอัด ช่างเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ทำให้เธอทั้งสั่นและสะท้านจนทนไม่ไหวต้องส่ายร่อนโพรงดอกไม้กับความแข็งแกร่งนั้นไม่หยุด
แม้จะมีสิ่งขวางกั้นแต่ก็รับรู้ได้ถึงความอุ่นวาบและแรงกระตุกจากเจ้าสิงโตที่คำรามกึกก้องอยู่ในถ้ำฉ่ำน้ำ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าสิงโตตัวใหญ่นั้นส่ายศีรษะร่อนไปมาดั่งต้องการประกาศให้โลกรู้ว่าเขาแกร่ง เก่ง และเยี่ยมสุดๆ ไปเลย
“นายหัวขา... เยี่ยมที่สุดเลยค่ะ”
แนนนี่บอกเมื่อพลิกกายเข้าไปกอดก่ายเรือนร่างแข็งแกร่งสมชายชาตรีที่นอนหายใจยาวๆ อยู่เคียงข้าง ฝ่ามือเนียนนุ่มเพราะครีมประทินผิวชั้นดีและอาชีพที่ไม่ต้องไปแบกหามแค่ใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์ลูบไล้ไปมาบนแผงอกแกร่งที่ปกคลุมไปด้วยไรขนสีน้ำตาลทองอย่างหลงใหล
ในเวลานี้เธอก็กำลังใช้ความสวยทำงานที่ให้ประโยชน์สูงสุด เพราะเธอทั้งสุขและอิ่มเอมจนแทบจะหอบร่างกายไปเดินแบบในวันพรุ่งนี้ไม่ไหว และยังได้เช็คเงินสดที่มีเลข 0 หลายๆ ตัวปรากฏอยู่ด้านหลังเป็นของแถมอีกด้วย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ให้เงินหรือเขาอาจให้น้อยกว่านี้ เธอก็พร้อมที่จะให้เขาตักตวงความสุขอย่างไม่คิดมูลค่า เพราะเขาทำให้เธอถึงอย่างสุดๆ ไปเลย
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”