‘วงศวัฒน์’ เกลียดนักผู้หญิงแบบ ‘กรวินท์’ ทำตัวไม่ต่างจาก ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ แค่เปลื้องผ้าก็พร้อมกินทันที #คุณชายเนี้ยบ #ยายบะหมี่ #เฮียหมี่ #พี่ทิม #นิยายรักเคล้ากลิ่นขี้วัวและแป้งเน่า ^v^ ‘เคราะห์ร้าย’ ที่มาพร้อม ‘ดวงเนื้อคู่โดดเด่น’ ถุงคลุมใบโตจึงตกใส่กะทันหัน เพราะหล่อนเป็นดวงหงส์คู่มังกร ดวงคู่หนังคู่กระดูก ดวงคู่แท้ ทั้งหมดคงจะดีถ้าหล่อนไม่เป็นลูกสาวฟาร์มโคนม ส่วนเขานั้นเกลียดกลิ่นขี้วัวเข้าไส้!!! เขาจะไม่่มีวันเอาความสกปรกของขี้วัวมาแปดเปื้อนความสะอาดของโรงเส้นก๋วยเตี๋ยวเด็ดขาด!
เวลาค่อนข้างดึก ณ ร้านอาหารกึ่งผับย่านใจกลางเมือง สถานที่สังสรรค์ของเหล่านักธุรกิจและคนหนุ่มสาวที่ต้องการพบปะพูดคุยในบรรยากาศสบายๆ เสมือนนั่งคุยกันอยู่ที่บ้าน มีอาหารเครื่องดื่มบริการ มีบทเพลงเบาๆ ให้นั่งเพลินฟังสบาย แต่บุคคลที่ก้าวเข้ามาใหม่กลับตกเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะสาวๆ ทั่วทั้งร้านแทบจะมองเขาเป็นจุดเดียว
ด้วยเจ้าของร่างสูงมีใบหน้าหล่อจัดแต่เรียบเฉยนั้นเป็นหนึ่งในหนุ่มโสดที่สาวๆ ทั้งอำเภอหมายปอง แต่เขาไม่เคยสนใจใครมากถึงขนาดที่จะสานต่อในวันรุ่งขึ้น
กิตติศัพท์ ‘One Night Stand’ รู้กันในหมู่นักเที่ยว แค่คืนเดียวที่เทพบุตรจะโฉบเหยื่อ จากนั้นจบกัน แม้สาวๆ จะไม่อยากจบก็ตาม แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อเจ้าหล่อนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยจดจำชื่อของพวกหล่อนได้ คนหน้าม้านก็จำต้องยอมเพราะนั่นคือเงื่อนไขตั้งแต่ก่อนขึ้นเตียง
ทว่านั้นก็เป็นเพียงเรื่องเล่าลือและอวดอ้างกันในกลุ่มสาวๆ ว่าเขาแซ่บมาก แต่หากจะให้ยืนยันว่าใครเคยได้กินเขาบ้างก็ไม่มีใครกล้า นั่นเพราะสังคมในอำเภอไม่ได้กว้าง ใครลูกใครหลานใครย่อมรู้จักกันหมด หากจะป่าวประกาศว่าถูกเขากินไปแล้ว โอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับชายคนอื่นย่อมทำได้ยาก เพราะรสนิยมกินข้ามคืนใครเล่าอยากเปิดเผย นั่นจึงทำให้เขายังฮอตในกลุ่มสาวๆ ไม่เลิก
เรือนร่างสูงใหญ่ในเครื่องแต่งกายเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าทั้งที่เป็นเวลาค่ำมากแล้ว ทว่าเสื้อเชิ้ตสีเทาเนื้อดีก็ยังเก็บชายไว้ในกางเกงสแล็คยี่ห้อดังแพทเทิร์นหรูอย่างเรียบร้อย เขาก้าวมาหยุดอยู่ด้านในของตัวร้าน ดวงตาคมดุจเหยี่ยวมองหาคนที่นัดก่อนจะหันตามเสียงเรียกของคนที่เข้ามาทัก
‘วงศวัฒน์’ พยักหน้าว่าเข้าใจกับสิ่งที่พนักงานของร้านพูด ก่อนจะพารูปโฉมดุจพระเอกฮ่องกงเดินตามไปยังทิศทางที่พนักงานเดินนำ ไม่มีสักนิดที่จะปรายมองสาวๆ ที่จ้องเขาตาเป็นมัน เพราะค่ำคืนนี้เขามีเรื่องต้องคิดและก็หนักหนาพอดู
แกร๊ก...
แค่ถึงโต๊ะ เจ้าของร่างสูงที่ทรุดลงนั่งก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางล้วงเอาพวงกุญแจรถยนต์ที่มีอู่ตี้เฉียนห้อยอยู่วางลงบนโต๊ะอย่างคนพยายามเก็บกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะระเบิดเต็มที่ ดวงตาคมมีแววขุ่นขึ้นเล็กน้อยตวัดมองเพื่อนๆ ที่มารออยู่ก่อนแล้ว และยังไม่ทันที่เพื่อนจะเอ่ยทักทาย วงศวัฒน์ก็คว้าแก้วเครื่องดื่มที่เพื่อนผสมไว้สาดใส่ลำคอทันที
“เฮ้ย! ไอ้หมี่เบาๆ หน่อย ร้านเขายังไม่ได้ปิดวันนี้หรอกว่ะ มีเหล้าให้มึงกินอีกหลายวัน เฮ้ย! ไอ้นี่ กูพูดแล้วยังไม่หยุดอีก”
‘คิงส์’ สบถห้ามเพื่อนด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง ออกจะแปลกใจด้วยซ้ำ เพราะวงศวัฒน์ไม่เคยมีอารมณ์กรุ่นแบบนี้มาก่อน เขาหันมองเพื่อนอีกสองคนที่มองวงศวัฒน์ด้วยอารมณ์เดียวกัน ก่อนจะสบสายตาพร้อมส่ายหน้า เป็นอันไม่รู้พอกันว่า ‘คุณชายเนี้ยบ’ อารมณ์ขึ้นเพราะเหตุใด เพราะปกติแล้วนั้นคุณชายเนี้ยบก็เนี้ยบสมฉายา
ตั้งแต่เครื่องแต่งกายจนถึงบุคลิก วงศวัฒน์แทบไม่เคยหลุดแอ็คฯ สักครั้ง หากไม่ใช่ตอนล่าเหยื่อเพราะเวลานั้นวงศวัฒน์ก็เสือดีๆ นี่แหละ แค่ปรายตามอง สาวๆ ก็พุ่งความสนใจไปที่พระเอกหน้าหยกกันหมด เพราะหล่อ รวย สะอาด ดูดีตั้งแต่หัวจดปลายเท้า หากวงศวัฒน์สนใจใครเป็นพิเศษก็ไม่เคยพลาด แต่วันนี้คุณชายเนี้ยบกลับหลุดแอ็คติ้ง
“เออว่ะ ไอ้หมี่... นี่ใจคอมึงจะเรียกพวกกูมานั่งดูมึงกินเหล้าเหรอ”
‘ไชโย’ ถามแต่วงศวัฒน์ก็ไม่ตอบ ดวงตาคมยังคงกรุ่นไปด้วยความโกรธ ไชโยจึงพยักหน้าให้ ‘นัท’ ถามบ้าง ในฐานะที่นัทเป็นเพื่อนกับวงศวัฒน์มายาวนานสุด น่าจะเข้าใจอารมณ์คุณชายเนี้ยบได้ดีกว่าเขาและคิงส์
“ไอ้หมี่ มึงเป็นอะไรของมึงวะ มึงเรียกพวกกูมา แล้วมึงไม่พูด เอาแต่แดกเหล้า พวกกูแก้ปัญหาอะไรให้มึงไม่ได้นะโว้ย! เดี๋ยวกูก็ต้องกลับแล้ว มีลงของตอนตีสอง”
นัทถามมองวงศวัฒน์หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า ‘ไอ้หมี่’ นิ่ง เขากล้าพูดคำแรงๆ ใส่วงศวัฒน์เพราะตั้งแต่จำความได้ก็เป็นเพื่อนกันแล้ว เพราะว่าครอบครัวของเขาทำร้านขายของส่งรายใหญ่สุดของอำเภอ ส่วนครอบครัวของวงศวัฒน์เป็นโรงงานทำเส้นหมี่ก่อนจะขยายเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแทบทุกชนิด เมื่อพ่อแม่ทำธุรกิจที่เอื้อกัน แถมบ้านยังอยู่ติดกันด้วย ลูกๆ ก็เลยได้วิ่งเล่นกันตั้งแต่เด็ก
พอเข้าเรียนอนุบาล พวกเขาถึงได้รู้จักคิงส์ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของเต็นท์รถมือสอง และไชโยลูกชายเจ้าของตลาดสด จากนั้นตั้งแต่เด็กจนโตพวกเขาก็สนิทกันเรื่อยมา เรียน กิน เที่ยว และซนบ้างบางคราว
แต่ที่ซนน้อยกว่าใครเพื่อนก็ไอ้คุณชายเนี้ยบนี่แหละ
“สรุปว่ามึงจะบอกไหม ถ้าไม่บอก พวกกูก็จะได้แดกเหล้าต่อ อีกเดี๋ยวค่อยแยกย้าย มาแดกเหล้าแล้วนั่งหน้าเป็นตูด พวกกูไม่มีอารมณ์ง้อมึงนะโว้ย”
วงศวัฒน์วางแก้วเหล้า ปรายตามองเพื่อนรักทั้งสามคนก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกหลายเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งจมลงในโซฟา นั่นทำให้เพื่อนๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะนี่ไม่ใช่กิริยาที่คุณชายเนี้ยบเคยทำสักครั้ง
“ไอ้หมี่... มึงเป็นอะไร หนักหนาแค่ไหน มึงบอกพวกกูสิวะ” นัทถามและเพื่อนอีกสองคนก็ตื่นตัวเต็มที่
“พวกมึง...” วงศวัฒน์พูดไม่ออก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนๆ ที่ตั้งใจฟังกันมากนั่นก็ทำให้เขายิ้มออก แม้จะจางมากก็ตามที เพราะเพื่อนเป็นที่พึ่งให้เขาได้เสมอ และเขาก็คาดหวังว่าเพื่อนๆ จะมีทางออกให้เขาแน่
“คลุมถุงชน!”
“เออ... กูถึงได้กลุ้มอยู่นี่ไง”
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก