"ตบแล้วทำไม จะจูบแบบในละครไง?"ฉันหัวเราะเมื่อแกล้งตบตรงรอยช้ำที่ผิวแก้มของเพื่อนสนิทเพื่อยั่วประสาทมันเล่นๆ ไอ้เตย์ชักสีหน้าไม่พอใจ"ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์..." มันยกยิ้ม "ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!"
"ตบแล้วทำไม จะจูบแบบในละครไง?"ฉันหัวเราะเมื่อแกล้งตบตรงรอยช้ำที่ผิวแก้มของเพื่อนสนิทเพื่อยั่วประสาทมันเล่นๆ ไอ้เตย์ชักสีหน้าไม่พอใจ"ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์..." มันยกยิ้ม "ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!"
เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือกระแทกเข้าเบ้าหน้าสวยๆของผมหนึ่งทีพร้อมกับน้ำตาหลายหยด เออ ผมพูดไม่ผิดหรอกว่าสวย ผมสวยจริงๆ สวยกว่าผู้หญิงตรงหน้าผมตอนนี้ด้วยซ้ำ…
“เลว” ร่างเล็กสบถพร้อมเม้มริมฝีปากแรงๆอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาเธอแดงก่ำคุกรุ่นไปด้วยความเคียดแค้นเมื่อเธอได้รับรู้ความจริงเรื่องที่เธอไม่ใช่แฟนผม...เพียงคนเดียวน่ะนะ เหอๆ เกิดเป็นชายทั้งทีต้องมีสีสันกันบ้างป่ะวะ เอาเหอะ ขอเก๊กหน้านอยด์ให้เข้ากับสถานการณ์แป๊ป
“เตย์ทำแบบนี้กับเราได้ไง” คนตรงหน้าพยายามพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะสั่นระริกไปทั้งตัวทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย...นิดนึงจริงๆ
“ขอโทษนะ แนนนี่ เตย์ผิดไปแล้ว” ผมพูดเสียงอ่อยตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเอาซะดื้อๆ ผู้หญิงง้อง่ายจะตาย กะพริบตาอ้อนสองทีก็ยอมผมแล้ว เชื่อดิ ระดับไอ้เตย์
“เราชื่อนานา - -”
ชิบหาย กูจำผิดคน -_-; ผมหัวเราะเหอะๆในขณะที่สาวเจ้าสะบัดหลังมือฟาดเข้ากับหน้าผมอีกรอบ!
เพี๊ยะ! หน้าผมหันไปตามแรงฝ่ามือก่อนจะรู้สึกแสบร้อนตรงแก้มยิบๆ แม้ผมอยากจะเข้าไปกระชากคอเสื้อผู้หญิงตรงหน้าสักเท่าไหร่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้เพราะอยู่ในที่สาธารณะ เดี๋ยวจะเสียภาพพจน์พี่เตย์คนจริงประจำคณะวิทยาหมด เหอะ ถ้าอยู่มุมมืดนี่ไม่เหลือ...
“เตย์ใจร้าย ฮึก เราอุตส่าห์ทำตัวเป็นแฟนที่ดี ตอบแทนกับแบบนี้เหรอ @%@!!$$@!” เสียงพร่ำพรรณนาปนสะอื้นสาปส่งความชั่วของผมยาวพอๆกับกำแพงเมืองจีน ผมยืนก้มหน้างุดเอาเท้าเขี่ยดินแล้วถอนหายใจยาวอย่างเซ็งๆ ก็จริงที่ผมชอบผู้หญิงสวย ซึ่งคนตรงหน้าก็ถือว่าใช้ได้ หน้านมผมเป๊ะ เสียอย่างเดียว…งี่เง่า
“เอาสั้นๆพอ อย่าเยอะ รำคาญ” ผมเบ้หน้าไม่พอใจ ไหนๆก็จะจบกันแล้วก็เผยสันดานสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอก จริงมั้ย? หญิงร่างบางตรงหน้าชะงักไปนิดนึงเมื่อได้ยินเสียงห้วนๆกับเบ้าหน้าไม่พอใจของผม เธอกัดริมฝีปากอย่างแรงก่อนจะสรุปใจความร้อยสิบประโยคนั่นให้ผมเพียงสองคำ...
“ไอ้เหี้ย!!!”
ชัดเจน เปลี่ยน! โอเค นั่นคือชีวิตปกติประจำวันของผม ‘อาเตย์’ หรือ เตชินท์ รัตนชินทร์ รุ่นพี่ปีสี่หน้าสวยแห่งคณะวิทยา และดูเหมือนว่าจะได้อยู่ถึงปีห้าด้วยแหละ เหอะๆ ดีใจดีป่ะวะ เกิดมาเบ้าหน้าดีทำให้ชะนีไร้ที่ยืนเนี่ย (- -*) และสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตคืออะไรรู้ป่ะ ไอ้ฉายาทุเรศๆอย่างเช่น...
“ไอ้สวย”
เออ ฉายานี้เลย คือผมเป็นผู้ชาย ควรเรียกไอ้หล่อถึงจะถูกต้อง ผมเบ้หน้าลุกขึ้นมาจากที่นอนมองไอ้คนกวนประสาทที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยตีนเท่าฝาหอยนั่งอ่านการ์ตูนบนโซฟาพร้อมชี้ปลายเท้ามาทางหน้าผมอีกต่างหาก มันชื่อ ‘อะเวย์’ เรียกสั้นๆว่าไอ้เวย์ ผมว่าชื่อผมแปลกละนะ ชื่อแม่งแปลกกว่าผมอีก มันบอกว่าชื่อมันมาจากรากศัพท์ภาษากรีกแปลว่าจงมีความสุข เหอะๆ เป็นคนไทยแท้ๆเสือกตั้งชื่อเป็นภาษากรีก... พูดให้ดีคือ ไม่ซ้ำใคร พูดให้แย่คือ กระแดะชิบหาย
“อยากตายไง” ผมจิ๊ปากแล้วโยนหมอนไปทางมันหนึ่งที แต่ไอ้นี่แม่งชาติก่อนเป็นลิงลมรึเปล่าไม่รู้ พลิ้วชิบหาย หลบได้หลบดี ผมถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะปรี๊ดอีกรอบเมื่อมันหัวเราะตัวงอพร้อมกับปิดหนังสือการ์ตูนมองหน้าผม
“ไม่ดีไง มึงสวยกว่ากูอีก” มันว่าแล้วหัวเราะพรืดกับท่าทีฟึดฟัดอย่างออกนอกหน้าของผม แม่งกวนตีนละ -_-^ อ้อ ใช่ ผมลืมบอกไป ไอ้เวย์เป็นผู้หญิงแต่ติดจะห่ามๆนิสัยผู้ชายปากคอเราะร้ายโคตรๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะครอบครัวมันมีแต่ผู้ชายก็เป็นได้ ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ถ้าไม่นับนิสัยเวรๆนั่นมันก็เป็นผู้หญิงที่ใช้ได้ ไม่ดิ…โคตรจะดีเลย ห่งหุ่นทรวดทรงองค์เอวโคตรจะเป๊ะ อีกอย่างนะ อื้อหือ นมนั้นท่านได้แต่ใดมา บึ้มได้อีก ชอบชิบหาย! พูดให้ดีคือ เซ็กซี่ พูดให้แย่คือ น่าล่อมาก เหอๆ ขออภัยใช้มุขซ้ำ -_-//
“เรียกดีๆ” ผมพยายามข่มอารมณ์แล้วถูแก้มเบาๆ ให้ตายเหอะ ไอ้ความรู้สึกแสบหน้ามันยังไม่หายไปเลยว่ะ ตบมาได้ คนเขายิ่งบอบช้ำง่ายอยู่ เอ้ออออ
“โอเค เตชิต” ไอ้เวย์ว่าก่อนจะหัวเราะร่วนในขณะที่ผมแทบจะพุ่งเข้าไปทำร้ายแม่งรัวๆ ติดแต่ว่าขี้เกียจลุกเท่านั้นแหละเลยได้แต่หยิบหมอนอีกอันปาใส่หน้ามันอีกที
“ชื่อพ่อกู -_-”
“ล้อเล่น โอ๋ๆ ทำเป็นนอยด์ โดนตบมานิดหน่อยเอ๊งงง” ไอ้เวย์แกล้งทำเสียงสูง อย่างที่มันว่าโดนตบนิดหน่อย แต่ทยอยคนละทีมันไหวป่ะวะ หน้านะไม่ใช่กระเบื้องตบเอาตบเอา อาทิตย์นี้ก็ปาเข้าไป...กี่คนละเนี่ย
ตายๆ ลืมนับ ฮอตไปก็อยู่ยากอ่ะโลกนี้ (-_-;;)
“ก็พี่เตย์คนจริงอยากคบเยอะทำไมล่ะ มีแฟนทั้งทีมีคนเดียวพอ...นอกนั้นสถานะชู้”
เกือบเป็นคนดีในสายตากูละ =_=
ไอ้เวย์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้แซวผมก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับชะโงกหน้าเรียวเข้ามาพินิจพิจารณาผมจนลมหายใจร้อนๆเป่ารดผิวแก้มทำเอาพี่เตย์คนจริงร้อนรุ่มขึ้นมาทันที อื้อหือ กลิ่นน้ำหอมแม่งยั่วมาก บางทีก็อยากจะด่ามันนะที่เอาหน้าเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้ คือผมก็ผู้ชายปะวะ มันก็ต้องมีอารมณ์พลุ่งพล่านกันบ้าง แต่นี่แม่งไม่เคยจะระวังตัวเลย ยังไม่ทันให้ผมปรับอารมณ์ให้อยู่ในระดับปกติ ไอ้เวย์ก็ดันกระตุ้นฮอร์โมนวัยว้าวุ่นของผมอีกด้วยการใช้นิ้วเรียวแตะที่ใบหน้าและพลิกมันไปมาเพื่อดูร่องรอยประวัติศาสตร์แห่งการถูกทำร้ายของผม
“แก้มแดงแบบไม่ต้องปัดบลัชออนเลยว่ะ” มันกระซิบเสียงต่ำทำเอาผมกลืนน้ำลายเอื๊อก นัยน์ตาเรียวรีสีน้ำตาลเข้มนั่นสบตากับผมให้ความรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตแปล๊บปล๊าบจนเกือบกระทำการอุกอาจผิดศีลธรรม ผมเลยต้องกำมือแน่นพลางเตือนสติตัวเองในใจว่า นั่นเพื่อน ใจร่มๆไว้ไอ้เตย์ เพื่อนจ้า เพื่อน
“เจ้าชู้ก็งี้ สมควร” ไอ้เวย์หรี่ตาต่ำแล้วตบแก้มผมเบาๆสองสามทีเป็นการตอกย้ำความชั่วช้าของผม แต่ให้ตาย ไอ้คำพูดของมันไม่ได้เข้าสมองผมเท่าไหร่ เพราะไอ้การที่คุณเธอหรี่ตานั่นมันขับความเซ็กซี่เพิ่มเข้าไปอีกสามล้านเปอร์ ผู้หญิงบ้าอะไรวะแค่หน้าตาก็อ่อยเหลือขนาดน่าฟาดฟัดมาก… อาเตย์อยากกิน
“ไม่ได้เจ้าชู้ แค่เฟรนด์ลี่” ผมยกยิ้มหวานแล้วยักคิ้วสองทีกวนประสาทจนมันหัวเราะเหอะๆแล้วตบหน้าผากผมดังแป๊ะ!
“แรด” ไอ้เวย์ว่าทำให้ผมไหวไหล่ไม่สนใจ ไม่ต้องชมนะ คนอย่างอาเตย์รู้ตัวมานานละ นอกจากแรดแล้วยังร่านด้วย แลดูภูมิใจป่ะ ฮ่าๆ
“ตบกู รู้มั้ยว่าพลาดมาก” ผมว่าแล้วตีหน้าขรึมทั้งๆที่ความจริงแอบหัวเราะในใจ ปกติผมจะไม่ขึ้นกูมึงกับไอ้เวย์นอกจากเวลาโกรธหรืออยากกวนตีน เพราะยังไงมันก็เป็นผู้หญิงถึงนิสัยมันสมควรจะเป็นผู้ชายก็เหอะ
“ทำไม จะตบจูบแบบคุณหฤษฎิ์จำเลยรักไง” ไอ้เวย์หัวเราะแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกทีขนาดที่ถ้าเขยิบมาอีกนิดจะจูบกันละ พูดก็พูดเหอะ แม่งยั่วกันชัดๆ ที่สำคัญมันไม่เคยรู้ตัวเลยนี่ดิ โคตรเอาเปรียบกันเลยว่าป่ะ ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่ละนะ พอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆนั่นอีกทีเท่านั้นแหละ สติแทบจะหลุด! ผมหรี่ตาแล้วมองหน้าไอ้เวย์นิ่งๆ ริมฝีปากหยักบางสีชมพูระเรื่อทำให้ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก อ่าฮะ อันนั้นว่าแย่แล้วแต่พอเหลือบตาต่ำเท่านั้นแหละ อื้อหือ คัพซีมันทำให้พี่เตย์คนจริงอยากจะแปลงร่างเป็นไอ้เหี้ยเตย์แทนเลยครับ
“เหอๆ ดูถูกกันไปมั้งเวย์” ผมยกยิ้มร้ายก่อนจะไล้ปลายนิ้วมือที่ริมฝีปากนั่นพร้อมๆกับกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน อุณหภูมิตอนนี้ 24 องศาเซลเซียสแต่ผมกลับรู้สึกร้อนเหมือนอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่ายังไงยังงั้น จากริมฝีปากลากมาที่ไหล่บางก่อนจะกระชากร่างบางกดลงกับเตียงทันทีแบบไม่มีสัญญาณเตือน!!
“!!!” คนตรงหน้าเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็โดนจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัว ผมกดไหล่ทั้งสองข้างของร่างบางลงกับเตียงนุ่มแรงๆก่อนจะขึ้นทาบทับตรึงไม่ให้มันขยับเขยื้อน ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ตอบง่ายมาก...
คัพซีของไอ้เวย์มันได้ครอบงำอาเตย์แล้ว
“อะไรเนี่ย?” เธอโวยวายแล้วพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ก็อย่างว่าแรงผู้ชายกับผู้หญิงมันผิดกันจะตาย ไม่หลุดง่ายๆหรอกไอ้น้อง พี่บอกเลย เหอๆ ไม่ไหวละ ระดับความหื่นมันพุ่งปรี๊ดถึงเพดานรู้สึกได้จากไอ้เตย์น้อยเนี่ยแหละ ยอมรับว่าตอนนี้ยังพอมีสติสัมปชัญญะแต่ว่าไม่อยากใช้ เพราะไอ้สัญชาตญาณผู้ชายมันกำลังโหมกระหน่ำทำเอาผมคลั่งโคตรๆ
ผมปรายตามองคนใต้ร่างแล้วหัวเราะชั่วๆ ก่อนจะกวนประสาทตบท้ายด้วยประโยคทุเรศๆ
“ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์... ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!”
“ไม่ต้องห่วงหรอก"ฉันเอ่ยปากพลางตบบ่าไอ้นุ่นเพื่อให้มันคลายความกังวลใจเรื่องที่ฉันอยู่มหาลัยจนจะปีสี่แล้วยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าสักที "ถ้าหาใครไม่ได้ กูก็จะเอามึงนี่ล่ะ"
“โรคนี้ รักษาได้อยู่สามวิธีนะ ใช้ยา ผ่าตัดและ... ท้อง” คำตอบของคุณหมอทำให้หญิงสาวเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “งั้นวิธีสุดท้ายแล้วกันค่ะ...รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ"
เพราะฉันดันไปสาดน้ำมันพรายใส่ผิดคน จากหนุ่มหล่อเนิร์ดกลายเป็นไอ้บ้าหน้าเลือดที่น่ากลัวสุดๆ ฉันหาข้ออ้างให้เขาหายไป หากแต่เขาชี้ปลายมีดมาเข้าที่หน้าฉัน "มาเป็นแฟนฉัน ไม่งั้นตาย" กลัวแล้ว ;-;
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด