"ดวลเหล้าแพ้ พี่ต้องส่งเสียหนูนะ" ไม่คิดเลยว่าสิงห์เหนืออย่างเขาต้องมาแพ้สาวน้อยร้อยมารยา ลูกสาวเจ้าของร้านเหล้าตองคอทองแดง กะจะมอมแล้วฟัน ที่ไหนได้นอกจากจะไม่เมาแล้ว ยังมีหน้ามาสะกิดขอเหล้าเพิ่มอีกขวดในขณะที่เขาแทบคลานกลับบ้าน "นี่..เลขที่บัญชีนะคะป๋าขา พร้อมเพลนะคะ" และนั่นคือภาพสุดท้ายที่เขาจำได้
บ่วงรักสัญญาพิศวาส เป็นเรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กขอสองคู่เพื่อนซี้ คุณเหนือและคุณดิน โดยมีสองสาวน้อยน่ารักจอมแสบแสนงอนคุณหนูพราว และสาวน้อยสายเฮฮาคอสุราเรียกพี่น้องกานพลู มาคอยเขย่าหัวใจสองหนุ่มใหญ่ให้กระชุ่มกระชวย เพิ่มสีสันให้กับชีวิตของหนุ่มหล่อหัวใจโสด ลองมาติดตามอ่านกันนะคะว่าคุณดินกับคุณเหนือของเราจะจัดการกับสาวน้อยทั้งคู่อย่างไร
ขอขอบพระคุณคุณผู้อ่านทุกท่านที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจพิชฌาน
...............................................................................................................................................................................
สัญญาในวังเหล้า....
“ไอ้เหนือ เด็กนี่สวยฉิบ สนหรือเปล่าวะเพื่อน”
ชายหนุ่มหนวดเครารกรุงรังเหลือบสายตาไปยังร่างอวบอิ่มในชุดเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นที่กำลังเดินไปเดินมาคอยดูแลลูกค้าในร้าน “เหล้าตอง” (ร้านขายเหล้าเล็กๆ ในชนบท) ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มุมปากหยักขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม
“สน” เขาตอบโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากสาวน้อยตรงหน้าสักวินาทีเดียว ในใจหมายมั่นว่าอย่างไรคืนนี้เขาต้องได้เด็กสาวไปกกกอด
“ฉันก็สน เดี๋ยวฉันจัดการเอง” พูดจบปุ๊บเพื่อนรักก็พาร่างกายใหญ่โตเดินตรงไปหาสาวน้อย พูดคุยกันสักพักก็เดินยิ้มแก้มปริกลับมาที่โต๊ะ
“เดี๋ยวเลิกร้านแล้วน้องเขาจะมานั่งกับเราด้วย หึๆ คราวนี้ใครดีใครได้นะโว้ย ไอ้เหนือ” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเพียงกระตุกยิ้มที่มุมปากเท่านั้น
สองชั่วโมงต่อมาในขณะที่โต๊ะอื่นว่างเปล่า แต่โต๊ะมุมสุดด้านนอกกลับมีสองหนุ่มร่างใหญ่นั่งดื่มอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วร้านเพื่อดูแลความเรียบร้อย ก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะของสองหนุ่ม
“ลุงมาจากไหนกันหรือคะ” เพียงแค่ประโยคแรกที่สาวน้อยเอ่ยขึ้น ทำเอาสองหนุ่มเพื่อนรักถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองกับคำเรียกขานว่า “ลุง” ของเธอนี่แหล่ะ
“แคก แคก เรียกพี่ก็ได้มั้งน้องสาวพี่ชื่อคชาส่วนนี่เพื่อนพี่ ไอ้เหนือ” หนุ่มหน้าตี๋เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางกรุ้มกริ่มดวงตาฉายแวววิบวับ มองแล้วพลอยให้รู้สึกขนลุกแต่เธอก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้
“อ้อ...พี่ก็พี่ ดื่มๆ” สาวน้อยรินน้ำสีอำพันลงคอราวกับเป็นน้ำเปล่า แววตาของสองหนุ่มใหญ่เต้นระริก หวังเอาไว้อย่างเต็มที่ อย่างไรคืนนี้ ไม่คนใดก็คนหนึ่งต้องได้ขึ้นสวรรค์กับสาวน้อยตรงหน้า
“มาดวลกันมะ” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นจากอีตาหนวดอีกคนพร้อมกับมองเธออย่างท้าทาย
“ชนะแล้วได้อะไร” เสียงหวานใสเอ่ยถามราวกับกำลังคุยกันเรื่องธุรกิจ
“อะไรก็ได้ที่หนูอยากได้” เขาตอบพร้อมกับจ้องมองมายังเธอนิ่ง หญิงสาวอมยิ้มตาพราวระยับอย่างนึกสนุก
“ถ้าพี่แพ้ต้องส่งหนูเรียนเดือนละห้าพันพร้อมจ่ายค่าเทอมให้หนูจนเรียนจบโอเค้” หญิงสาวทำท่าคิดก่อนจะเอ่ยแล้วยิ้มแป้นแล้นล้อเลียน
“โอเค” ชายหนุ่มตอบกลับทันทีจนเพื่อนรักหันกลับมามองแทบไม่ทัน
“เฮ้ย ไอ่เหนือ บ้าหรือเปล่าวะ” คชาสะกิดเพื่อนรักแต่เขาจะสนใจก็หาไม่ยังคงพูดคุยกับเด็กสาวตรงหน้าต่ออย่างอารมณ์ดี
“แล้วถ้าแพ้ล่ะ”
“ไม่มีทาง” เธอเชิดหน้าขึ้นด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“หึๆ งั้นเริ่มเลยนะ” จากนั้นสองหนุ่มหนี่งสาวก็ยกแก้วขึ้นดื่มประชันกันทันที
“เอ้าพี่ ดื่มสิ...ดื่ม” แก้วแล้วแก้วเล่าที่ทั้งสามยกขึ้นกรอกน้ำเมาลงคอจนตอนนี้สองหนุ่มตาเริ่มปรือ น้ำเสียงที่พูดเริ่มช้าลงตามระดับแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น ตรงข้ามกับหญิงสาวหนึ่งเดียวในโต๊ะที่ยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“เอ้าพี่ ดื่มอีกสิ พวกพี่นี่คุยสนุกจังเลยนะเนี่ย คิกๆ” สาวน้อยหัวเราะคิกคัก ชอบอกชอบใจเมื่อได้ยินเรื่องราวที่สองหนุ่มผลัดกันเล่าไม่กี่นาทีต่อมาสองหนุ่มก็ฟุบหลับคาโต๊ะด้วยความเมามาย
“พี่ๆ ตื่นก่อนพี่”
“มีอะไร” ดวงตาคมใหญ่เปิดขึ้นมองอย่างขัดใจ
“เหล้าขวดนี้กินได้อีกไหมอ่า” เด็กสาวชี้ไปยังขวดน้ำเมายี่ห้อดังที่ยังไม่ได้เปิด
“ตามสบาย ถ้าไม่พอในรถก็มีอีกหลายขวด” เขาประชดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
“ขอบใจจ๊ะพี่ อ้อ แล้วอย่าลืมสัญญาล่ะว่าตัวเองแพ้แล้วนะ”
“รู้แล้ว มีอะไรอีกไหมคนจะนอน” เขาว่ามองเธออย่างหงุดหงิด
“รอเดียวนะ อย่าพึ่งหลับ” พูดจบก็รีบวิ่งเข้าบ้านออกมาพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก
“อะไร” ถามเสียงขุ่น
“เลขที่บัญชีไง ทำตามสัญญาด้วยนะคะป๋าขา” เด็กสาวยัดกระดาษใส่ในกระเป๋าเสื้อพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขา และภาพนั้นก็เป็นภาพสุดท้ายก่อนที่เขาจะหลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทรา
“เล่นกับใครไม่เล่น รู้จักกานพลูน้อยไปซะแล้ว ฮ่าๆ” เด็กสาวหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ก่อนจะเดินถือขวดน้ำเมาเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้สองหนุ่มนอนตากยุงอยู่ที่โต๊ะหน้าร้านจนเกือบรุ่งสาง
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"