มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเพชรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองไทย “คาเมรอน เกรย์ มหัทธนวงศ์สกุล” หล่อเหลาทุกระเบียดนิ้ว เร่าร้อนทุกองศา แต่เย็นชา ดุดันจนหน้ากลัว และเข้าถึงตัวได้ยากที่สุด แต่ยิ่งยากทุกคนก็ยิ่งอยากเข้าใกล้ แต่มันคือเบื้องหน้า เพราะเบื้องหลังใครจะรู้ว่าเขาคือชายหนุ่มที่ไม่เคยพอเรื่องเซ็กส์ เพราะความที่เป็นคนเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ อยากปลดปล่อยใครก็ห้ามขัด จึงทำทุกวิถีทางเพื่อคว้าตัวผู้หญิงสักคนมาบำเรอตัณหา “เวียงพิงค์” คือตัวเลือกผู้โชคดีที่สุดและโชคร้ายที่สุด หญิงสาวเป็นเพียงพนักงานต่ำต้อยในบริษัทของเขา สาวน้อยที่โชคชะตาพลิกผันด้วยเงิน หนึ่งล้านบาท กับหน้าที่นางบำเรอหนึ่งอาทิตย์ แลกกับความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอและบทรักสุดเร่าร้อนของเขา เมื่อเสร็จงาน ห้ามปากโป้ง ห้ามแบลคเมลและห้ามเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ ในตัวเขาเป็นอันขาด แต่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมันกลับสร้างความทรงจำ เขาลืมไม่ลง แต่เธอแทบไม่อยากจดจำ ทางเดียวที่จะไปให้พ้นคือ หนี ไปพร้อมกับของขวัญล้ำค่าที่เขาสร้างขึ้นมา
ภายในโรงแรมหรู ระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ คลาคล่ำไปด้วยสื่อมวลชนคับคั่ง เหล่าคนดังไฮโซและนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทยที่ต่างตบเท้ากันมาร่วมงานประกวดการออกแบบเครื่องประดับ เพื่อเฟ้นหาดีไซเนอร์มาประดับวงการพร้อมทั้งเซ็นสัญญาร่วมงานกับบริษัทเพชรยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยอย่างบริษัท Grey&M Jewelry จำกัด(มหาชน)
โดยการจัดงานครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดของประธานบริษัทคนใหม่อย่าง คาเมรอน เกรย์ มหัทธนวงศ์สกุล ผู้บริหารหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปี ที่เพิ่งจะมารับตำแหน่งได้ไม่นาน ด้วยความที่เป็นคนตั้งใจทำงาน เก่ง ไฟแรง จึงอยากได้ดีไซเนอร์เป็นคนรุ่นใหม่ และไฟแรงพอๆ กันมาร่วมงานด้วย เพื่อจะได้มีไอเดียร์แปลกๆ ไม่ซ้ำใครในการตีตลาดอัญมณีเมืองไทย สู่ระดับเอเชีย ไปจนถึงระดับโลก และการประกวดก็ได้ค้นพบเพชรเม็ดงามสิบคนสุดท้าย เพื่อที่จะขึ้นโชว์ผลงานจริงในค่ำคืนนี้ โดยการสวมใส่ของนางแบบแถวหน้าของเมืองไทย
เวียงพิงค์ ขวัญคำ สาวน้อยเมืองเชียงใหม่ หนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันและเข้ารอบสิบคนสุดท้าย จากการคัดเลือกกว่าหนึ่งร้อยคนผ่านผลงานการวาดภาพในรอบแรก หญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีและเพิ่งจะคว้าปริญญาหมาดๆ ทางด้านการออกแบบอัญมณีโดยเฉพาะ และหวังว่าเรียนจบจะได้ทำงานในบริษัทอัญมณีที่ไหนสักแห่ง แต่แล้วอยู่ๆ โอกาสทองก็มาถึง เมื่อมีการจัดการประกวดเฟ้นหาดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ของบริษัท Grey&M Jewelry แต่เธอไม่กล้าสมัครเพราะดูจะเกินเอื้อม แต่สุดท้ายได้รับแรงผลักดันมาจากเพื่อนรักให้สมัครแข่งขัน และก้าวแรกก็เป็นผลสำเร็จนั่นคือเข้ารอบสุดท้าย เพื่อสร้างชิ้นงานและโชว์ในค่ำคืนนี้ แต่เธอไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังความสำเร็จได้มาเพราะอะไร
แต่เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ออกงานใหญ่ระดับเฟิร์สคลาส ทำให้เวียงพิงค์ออกอาการประหม่าไม่น้อย อีกทั้งเรื่องการแต่งตัวที่ไม่เคยแต่งมาก่อน คือการใส่ชุดราตรี แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะชุดที่สวมใส่มาในค่ำคืนนี้ยังหยิบยืมจากเพื่อนรัก เพราะเธอไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อชุดใหม่ แต่ชุดที่สวมใส่ก็เป็นชุดน่ารัก คือราตรีเกาะอกสีฟ้าความยาวประมาณหัวเข่ากับรองเท้าส้นสูงอวดขาขาวๆ แม้จะไม่เคยแต่งแต่มันคือความจำเป็นเพราะถือเป็นการให้เกียรติงานและอาชีพในอนาคตของตัวเอง
“ไม่เห็นต้องประหม่าขนาดนั้นเลยยัยเตี้ย” เมษาซึ่งเป็นเพื่อนรักของเวียงพิงค์ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระซิบขณะที่กำลังนั่งรออยู่ในห้องแต่งตัว เพื่อให้ประธานมาเปิดงานเสียก่อน
“ใครจะไม่ประหม่าล่ะ เมย์ลองมาเป็นพิ้งค์ไหมล่ะ ไม่เคยออกงานแบบนี้มาก่อนเลย” เวียงพิงค์ตอบอย่างเครียดๆ
“ใครจะเคยล่ะ แต่มันเป็นการประกวดสู้ๆ สิ ดูผู้แข่งขันคนอื่นไม่เห็นตื่นเต้นอย่างพิ้งค์เลย” เมษาพยายามปลอบใจพร้อมกับบุ้ยหน้าไปทางผู้แข่งขันคนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในห้องเดียวกัน
“เค้าตื่นเต้นแต่ไม่แสดงออกเท่านั้นเอง อีกอย่างงานยักษ์ขนาดนี้ โห๋! สั่นหมดแล้ว” เวียงพิงค์ค่อนข้างตื่นกลัวเพราะไม่เคยมาสัมผัสกับงานใหญ่ๆ แบบนี้ และควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
“แต่ที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันเลยคือจะได้เห็นหน้าประธานบริษัทคนใหม่ พร้อมๆกับสื่อมวลชนและคนทั้งประเทศ” เมษาบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระริกระรี้เพราะได้ยินข่าวลือหนาหูว่าประธานบริษัทรูปหล่อมาก
“ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยล่ะ แค่ประธานบริษัทคนใหม่” เวียงพิงค์แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่อยากรู้เช่นกัน
“ตกข่าวหรือยังไง ท่านประธานบริษัทน่ะอายุสามสิบเอ็ดปีนะจ๊ะ ทายาทคนเดียวของเจ้าสัวหัสนัยน์ ฉะนั้นเขาคือหนุ่มลูกเสี้ยว ไทย - อเมริกัน - จีน ได้ยินข่าวลือหลุดจากพนักงานในบริษัทว่า หล่อมากอย่างกับพระเอกฮอลลีวู้ด หุ่นอย่างกับนายแบบ” น้ำเสียงของเมษาดูจะชื่นชมประธานบริษัทคนนี้เสียเหลือเกินราวกับเคยเห็นหน้ามาก่อน
“แหม บรรยายราวกับเคยเห็นตัวจริงมาแล้วอย่างนั้นแหละ” เวียงพิงค์อดแซวไม่ได้
“ก็ลูกครึ่งซะขนาดนั้น ต้องหล่ออยู่แล้วล่ะ ถ้าได้ทำงานในบริษัทจริงๆ ล่ะก็ ฝากพิ้งค์อ่อยท่านประธานให้เมย์หน่อยนะ” ประโยคสุดท้ายเมษาถึงกับต้องยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆ เนื่องจากกลัวว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจะหมั่นไส้
“บ้า! ให้พิ้งค์อ่อยให้เมย์เนี่ยนะ ไม่เอาหรอก หางตาของเขาไม่รู้ว่าจะหันมาแลพิ้งค์หรือเปล่า”
“เฮ้ย! ยัยเตี้ย นี่ไม่รู้ตัวเองเลยใช่ไหมว่าตัวเองสวย น่ารัก ขาวจั๊วะ น่าเจี้ยะไปทั้งตัวเนี่ย หนุ่มๆ ในมหาวิทยาลัยยังพากันรุมจีบเลย แต่เล่นตัวไม่ยอมเอาใคร” เมษาชมเวียงพิงค์พร้อมกับตำหนิเล็กน้อย
“พิ้งค์ไม่ได้อยู่ในสถานะให้ใครจีบนี่นา พิ้งค์มาเรียน เรียนให้จบแล้วหางานทำ
ส่งเงินกลับไปให้แม่และน้าที่เชียงใหม่ เท่านี้ที่พิ้งค์ต้องการ ไม่ใช่อ่อยผู้ชาย” เวียงพิงค์ว่ากลับยิ้มๆ เหมือนหยอกเย้าไม่ได้คิดอะไรมากนัก
“พูดจาน่าหมั่นไส้เดี๋ยวหยิกสักที ตอนนี้กำลังจะได้ทำงานแล้ว ต้องหาคนดูแลเผื่อเอาไว้ เพื่อจะได้ปกป้องตัวเองไง ถ้าได้คนรวยๆ ล่ะดีเลย ฮ่าๆ” เมษาหัวเราะชอบใจ ไม่ต่างอะไรกับเพ้อเลย
“นิสัยไม่ดี พิ้งค์ไม่พูดกับเมย์แล้ว รอฟังเสียงพิธีกรเปิดงานดีกว่า สงสัยป่านนี้ประธานใกล้จะมาถึงงานแล้วมั้ง”
“ย่ะ” เมษารับคำพร้อมกับตัดบทการสนทนาลงเพื่อให้เวียงพิงค์ได้ทำสมาธิ จะได้ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป ระหว่างนั้นก็พากันรอฟังเสียงว่าพิธีกรจะกล่าวเปิดงานเมื่อไหร่
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ห้องแกรนบอลรูมเริ่มมีแขกทยอยเข้ามาในงาน ทุกคนต่างรอเวลาที่จะให้ประธานมาเปิดงาน ตามหมายกำหนดการที่วางเอาไว้ ทว่ามันยังไม่ถึงเวลา ประธานจึงยังมาไม่ถึง ทำให้ทุกคนเอาแต่ชะเง้อคอ มองไปตรงบริเวณทางเข้างานอยู่ตลอด และแต่ละคนพยายามคุยกันในกลุ่มว่าประธานบริษัทคนใหม่จะหน้าตาเป็นอย่างไร
ทั้งนี้เพราะชายหนุ่มไม่เคยออกสื่อ ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนตั้งแต่รับตำแหน่ง และน้อยนักที่จะมีคนเคยเห็นหน้า นอกจากเห็นหน้าประธานบริษัทคนก่อนคือเจ้าสัวหัสนัยน์ ฉะนั้นภายในงานจึงมีการซุบซิบเรื่องหน้าตาของประธานคนใหม่ ที่มีเพียงคนในบริษัทระดับผู้บริหารเท่านั้นที่เคยเห็น ระหว่างนั้นฝ่ายที่ถูกนินทามากที่สุดก็อยู่ในช่วงของการเดินทางซึ่งใกล้จะถึงโรงแรมเต็มทีแล้วเช่นกัน
“รบกวนป๋าขึ้นไปเปิดงานด้วยได้ไหมครับ ตามแผนที่เราวางเอาไว้” คาเมรอน
ประธานบริษัทคนล่าสุด เอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงเรียบ เพราะเขาไม่ต้องการออกสื่อนัก
“แผนมันปรับเปลี่ยนได้ แกเป็นประธานบริษัทแล้วนะ จะกลัวอะไรรู้จักออกสื่อเสียบ้าง คนจะได้รู้จักทำตัวลึกลับไปได้” หัสนัยน์เอ่ยด้วยน้ำเสียง
“ผมไม่ชอบ ป๋าก็รู้นี่ครับ แล้วอีกอย่างผมเพิ่งจะมาทำงานได้เดือนกว่าๆ นะครับ ผมไม่ชอบที่นักข่าวจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวแทนที่จะเป็นเรื่องงาน ถามนั่นโน่นนี่น่ารำคาญ” คาเมรอนบ่นน้ำเสียงเรียบและขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดใจ
“ไม่ชอบก็ต้องทำใจ เพราะงานนี้มันเป็นงานของลูก ลูกเป็นคนจัดขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ แล้วจะให้ป๋าออกหน้ารับแทนทุกครั้งมันไม่ได้ อย่าทำตัวให้คนอื่นเข้าถึงยากนัก” เคียร่า มารดาคนสวยเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาน
“ตำหนิผมเพราะว่าผมเข้าถึงตัวยากเหรอครับ แค่นี้เองมันจะเป็นปัญหาอะไรล่ะครับคุณแม่” คาเมรอนบอกอย่างไม่แยแส เพราะมันเป็นนิสัย เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องให้ใครเห็นหน้า แต่ผลงานยอดเยี่ยมก็น่าจะเพียงพอ
“แม่แค่บอกว่ามันถึงเวลาแล้วก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ทำใจเถอะเพราะวันนี้ก็เท่ากับว่าเป็นวันเปิดตัวลูกนะคาเมล”
“ครับผม จะพยายามทำใจ แต่ถ้าทำให้หงุดหงิดอย่าหาว่าผมเหวี่ยงสื่อก็แล้วกันครับ”
“ระดับเจ้าของงานใครจะกล้าว่าเล่า” หัสนัยน์แทรกขึ้นยิ้มๆ พลางเอื้อมมือไปตบที่หัวไหล่ของบุตรชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
คาเมรอน เกรย์ มหัทธนวงศ์สกุล หรือคาเมลที่บิดาและมารดาเรียกสั้นๆ เขาเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปี จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ จากประเทศอังกฤษ ทว่าเมื่อเรียนจบแล้วไม่ยอมกลับเมืองไทยเป็นปี กระทั่งหัสนัยน์อยากจะเกษียณตัวเองพร้อมกับภรรยาคู่ชีวิตจากงานที่เหน็ดเหนื่อยมานาน จึงต้องตามคาเมรอนกลับเมืองไทย เพื่อรับตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่นั่นเอง และคาเมรอนก็ทำงานได้เป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง
ต้าเฉิน มีคำสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กสาวคนหนึ่ง ที่เขาตกหลุมรัก เป็นความรักอันแสนบริสุทธิ์ ที่ไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาให้ได้ยิน จนถึงเวลาที่ต้องไปจากเธอ โดยที่ไม่บอกเธอสักคำ ทิ้งไว้แต่เพียงแหวนเพชรพร้อมกับคำสัญญาที่ว่า "รอพี่นะตัวเล็ก" อีก 6 เดือนเขาจะกลับมา หากใจเธอยังมีเขาอยู่ให้สวมแหวนวงนี้เอาไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย เมื่อกลับมาเขาจะเห็นและจะมอบคำว่ารักให้เธอ แต่... ชะตามันช่างเล่นตลก ทำให้คำว่ารักที่เตรียมเอาไว้ให้เธอ กลับกลายเป็นความแค้นและความตายที่เขากำลังจะส่งให้ เธอ... อลิน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้องสาวมาเฟีย เธอต้องชดใช้ด้วยชีวิต เขาเอาเธอมาทรมานให้สาแก่ใจและปล่อยให้ตายไปทีละนิด แต่มันไม่ง่ายเมื่อเธอคือคนที่มาเฟียรัก และเฝ้ารอมาตลอดหลายเดือน แทนที่เขาจะได้ทรมานเธอ แต่กลับเป็นเธอ... ที่ทรมานให้เขาคุ้มคลั่งแทน “คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอตัดสินใจถาม ในเมื่อเขาก็ออกตัวว่าไม่ใช่คนที่เธอคิดถึง “ความตาย!!! แต่ก่อนตาย มาตกนรกกับผมก่อน” จบคำ เขาก็กระชากเธอแรงๆ จนแทบจะตัวปลิว
เสี่ยต้น หรือเจ้าสัวตันติวัฒน์ ชื่อนี้ที่สาวๆ การันตีว่าคาสโนว่าที่สุดแห่งภูมิภาค เจ้าพ่อเงินกู้ หนุ่มใหญ่ร้างไร้คนรัก ที่มักจะเอาเรือนร่างของสาวๆ มาขัดดอก เขาไม่เคยมีหัวใจให้ใครง่ายๆ “ซื้อกินสบายใจกว่า” แม้บางคนจะบอกว่าแก่ แต่บอกเลยว่าหล่อ เท่ แซ่บ ทว่าไม่มีใครได้เป็นคุณนายเบอร์ 1 เสียที จนกระทั่งหัวใจของเขาได้เต้นตูมตาม เมื่อเจอสาวสวยลูกสาวกำนันที่การันตีด้วยตำแหน่งนางงาม หนุ่มใหญ่หัวใจว้าวุ่น อยากได้ก็ต้องได้… “ใครมา” “สาวๆ ของคุณ” เธอตอบแบบขอไปที พลางมองยาในกล่อง ไม่ยอมมองหน้าเขา ใบหน้าเธอก็ดูบูดบึ้งชอบกล “เยอะดีนะคะ” “จ้ะ” เขาก็กล้าตอบเช่นกัน เท่านั้นแหละเธอก็ตวัดหางตาขึ้นมองหน้าทันที ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เธอไม่พูด กลับค่อยๆ เอายาทาป้ายไปตามแขนของเขาแรงๆ “ซี้ดโอ๊ย ฟ้า” เขากับถึงร้องออกมาเลยทีเดียว ยัง ยังไม่พอเธอก็ทาไปตามแก้มและรอยช้ำบนใบหน้าของเขาแรงๆ “โอ๊ยๆ ฟ้าจ๋า เบาๆ” “ยังมีอีกไหมคะเนี่ย” เธอถามไปพลางก็ทายาไปพลาง “น่าจะมาอีก” สิ้นคำเธอก็ทำแรงกว่าเดิม “ซี๊ด! โอ๊ย ฟ้า เฮียเจ็บจริงๆ นะ นี่หึงเหรอเนี่ย” เขาแกล้งแซวแต่ก็เจ็บมากจริงๆ “ถ้าจะมีเยอะขนาดนี้ แล้วยังจะมีหน้าอยากได้ลูกสาวกำนันอีก ใครเขาจะพิศวาส” เธอออกปากบ่น ลมหึงพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ “ก็ถ้าลูกสาวกำนันใจอ่อนได้ เฮียก็จะยอมเลิกยุ่งกับทุกคนเลย แต่นี่ลูกสาวกำนันไม่สนใจอ่อนกับเฮียเลยแม้แต่น้อย” เขาพูดพลางหรี่ตามองเธอเล็กน้อย “คุณทำไม่ได้หรอกค่ะฟ้าดูแล้วล่ะ มันอยู่ในสันดาน”
แสงเหนือ เจ้าของฟาร์มวัวนม เป็นคนดุ ทำแต่งาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร และเกลียดเด็ก! แต่กลับถูกขอร้องให้ช่วยดูแลลูกสาวของเพื่อน และใช่... คิดว่าสามขวบ ที่ไหนได้ยี่สิบสองต่างหาก นี่เวลาผ่านไปเร็วอะไรเบอร์นี้ แต่เขายังหล่อ รวย โสดอยู่เลย กับคำขอร้องของเพื่อนรุ่นพี่ ให้ดัดนิสัยลูกสาวให้แต่เขาปฏิเสธหัวชนฝา ไม่เอาเด็ดขาด แต่ความจริงบางอย่าง ทำให้เขาต้องช่วยเหลือและปฏิเสธไม่ได้ แคท หรือแคทรียา ลูกสาวท่านนายพลจากเมืองกรุงฯ ต้องจากบ้านอันแสนสุขสบาย ไปเลี้ยงวัว ล้างขี้วัว ตากแดดหน้าดำ เพื่อ... เพื่อหนีไอ้เฒ่าหัวงูหื่นกามที่มารดาสรรหามาให้ จะฟังพ่อหรือฟังแม่ก็เลือกเอา แน่นอนเธอเลือกฟังพ่อ แต่หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะแค่วันแรก... ก็ทำเอาใจเหลวเป็นน้ำเพราะเจ้าของฟาร์มดันอวดสาขาใหญ่ให้เธอใจเต้น...
หนุ่มใหญ่วัย 42 เจ้าของโรงแรมและรีสอร์ตระดับ 5 ดาว ผู้ทรงอิทธิพลแห่งขุนเขา ดุดัน โหดและดินเถื่อน ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับสายตาและรอยยิ้้มแสนหวาน ของสาวน้อยวัย 19 เธอคือ made mind day เธอคือคนที่ทำให้วันเครียดๆ ของเขากลายเป็นสีชมพู รอยยิ้มของเธอทำให้เขาไม่มีวันลืม นอนไม่หลับ และเฝ้ารอที่จะได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง “ปวดท้องอีกแล้วค่ะ อื้อ! พอปวดมันก็ไหลออกมาอีก” “บอกอาเลย ให้อาทำยังไง” “ไปร้านสะดวกซื้อ ซื้อผ้าอนามัยให้วีได้ไหมคะ” “ไอ้เขตไปร้านสะดวกซื้อ เร็ว” พ่อเลี้ยงหนุ่มสั่งอย่างรีบร้อน ก่อนจะประคองมนัสวีเขามากอดปลอบไปก่อนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร “ครับๆ” ว่าแล้วเขตแดนก็ขับรถไปพาร้านสะดวกซื้อทันทีซึ่งหาไม่ยาก “ถึงแล้ว ให้อาซื้ออะไรบ้างบอกมาซิ” ครั้นจะให้หนุ่มๆ ไปซื้อก็มีความรู้เท่ากันนั่นแหละ สู้เขาไปจัดการเองดีกว่า “ได้เหรอคะ วีกลัวคุณอาจะ...” “ไม่เป็นไรวีเดินไม่ไหว ไหนกางเกงน่าจะเปื้อนแล้ว” “เอาแบบกลางวัน ยาว 30 cm. 1 ห่อนะคะ แล้วกลางคืนยาว 35 cm. ค่ะ ถ้าหาไม่เจอบอกพนักงานก็ได้ค่ะ” “โอเคจ้ะ” ได้หรือไม่ได้เขาก็รับปากไปก่อนก็แล้วกัน ว่าแล้วจึงรีบลงจากรถพุ่งตัวเข้าไปในร้านในทันที เพียงไม่กี่ล็อกก็เจอผ้าอนามัยแต่ “คุณพระคุณเจ้ามีเป็นร้อย เอ่อ ไงดีวะ” ด้วยความไม่แน่ใจ กลัวหยิบไปผิด ต้องรวบรวมความกล้าและทิ้งความอายไปถามพนักงาน ไม่งั้นเมียเขาม่ได้ใส่ผ้าอนามัยแน่ๆ เชียว “ขอโทษทีครับ คือ ผม... มาซื้อผ้าอนามัยให้... ภรรยา แต่ไม่รู้ว่าต้องเลือกยี่ห้อไหนขนาดอะไรหรือแบบไหนถึงจะดี”
“ที่รัก ร่างกายของคุณหวานอร่อยไปทั้งตัว หวานจนผมหยุดกินไม่ได้ แล้วตอนนี้ผมหิวอีกแล้ว” ตฤณ ท่านประธานบริษัท วัย 37 ปี หนุ่มโสดหล่อ รวย พ่อบุญทุ่ม ถูกใจใครก็เปย์หนัก ไม่เว้นแม้แต่เลขาสาวสวยที่เขาบังคับมารับตำแหน่ง ด้วยวิธีแสนเจ้าเล่ห์แม้เธอไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อเขา “อยากได้” วิธีสุดแสนร้ายกาจเขาก็งัดมาใช้ เพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง ***** “ผมขับรถไปรับคุณได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ได้ขู่ด้วย เอาให้รู้ไปทั้งบริษัทว่า... คุณเป็นคนของผม ผมมีรถให้เลือกนั่ง 10 คัน ลือกมาสักยี่ห้อเดี๋ยวขับไปหาครับ” “คุณมันบ้า อีตาผู้ชายบ้า เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย แล้วต้องมาอยู่ซอยเดียวกัน” “ท่านประธาน คำที่ถูกต้อง ตกลงขึ้นรถมาหรือยังครับปั้นหยา” “คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าคุณ...” “จะสมนาคุณผมด้วยจูบเหรอ” “คุณ!”
One night stand คำที่ นิโคไล แอนตัน มหาเศรษฐีเพลย์บอย เลือกมาใช้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันและ มีความสุขแบบไร้ข้อผูกมัด แต่แล้วค่ำคืนที่แสนหฤหรรษ์ของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เพราะผู้หญิงแปลกหน้าที่ทำให้เขาพอใจตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอกลับทำร้ายเขาเพราะความเข้าใจผิด ทำให้ได้อับอายต่อสายตานับร้อยคู่ เพียงคำขอโทษเท่านั้นที่เขาต้องการ ทว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะดันเจอกับผู้หญิง หัวแข็ง ปากร้ายและดื้อ ทางเดียวที่จะกำราบและให้เธออยู่ในอ้อมกอดอันแน่นหนาของเขาได้ นั่นคือขังเธอเอาไว้เสียเลย พร้อมกับข้อตกลงเพียงข้อเดียว ดินเนอร์แล้วจบ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวทำให้ ไอลดาต้องหนีความรู้สึกผิดต่อตัวเอง และหนีจากความทรงจำคืนเดียวที่แสนวาบหวาม หอบกายใจที่เต็มไปด้วยรอยรักจากชายแปลกหน้ากลับประเทศไทย แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่แค่รอยรักที่ติดตัว มาด้วยเท่านั้น หากแต่เป็นพยานรักที่ถือกำเนิดขึ้นโดยไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งได้พบเขาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เธอต้องหนีใจตัวเองและปกปิดความลับบางอย่างไม่ให้เขารู้ว่า พยานรักตัวน้อยเป็น “ลูกใคร”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"