การที่พวกเขาแต่งงานกันก็เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้น เขาสามารถที่จะเลือกใครมาเป็นเจ้าสาวของเขาก็ได้ แต่เมื่อเขาเห็นเธอครั้งแรก เขาก็รู้แล้วว่าเธอนั่นแหละคือผู้หญิงที่เขาต้องการ แต่แล้วการแต่งงานของพวกเขาก็ต้องจบลงในไม่ช้าเพราะความเย็นชาของเธอ และเขาก็ได้เห็นธาตุแท้ของเธอในวันที่เซ็นข้อตกลงการหย่า แท้จริงแล้ว ที่เธอยอมแต่งงานกับเขาก็เพื่อหวังประโยชน์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การหย่าครั้งนี้มิใช่จุดจบแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักอันโรแมนติกของทั้งสองต่างหาก
มิไป๋เพิ่งจะตื่นนอนตอนเช้า เธอกลับไม่ได้รู้สึกสดชื่นอย่างที่คิดไว้หลังจากที่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่เมื่อคืน ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกกระสับกระส่ายราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องและสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น มันทำให้เธอใจคอไม่ดีอย่างมาก และก็ตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ เธอได้รับโทรศัพท์จากเซียวยู ก่อนที่นาฬิกาจะมาประจวบเหมาะที่เลขเก้าทันที เขาบอกให้เธอรีบไปที่ตระกูล หรง กรุ๊ป ก่อนสิบโมงเช้า
เธอไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงต้องการอยากจะพบเธอในทันที แต่เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน หลังจากวางสายไม่นาน เธอก็รีบแต่งตัว และเดินเท้าไปยังตระกูล หรง กรุ๊ป โดยใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเดินเข้ามาในตัวตึกนี้ ทุกอย่างมันก็เป็นไปปกติ ยกเว้นเสียแต่ว่า ในคราวนี้ เธอได้รับคำสั่งจากสามีของเธอซึ่งเป็นถึงลูกชายของเจ้าของบริษัทตระกูล หรงให้ไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองปีนังเพื่อลงนามในข้อตกลงการหย่าร้าง!
ขณะนี้ มิไป๋ซึ่งกำลังนั่งเงียบ ๆ ในห้องทำงานของเซียวยู จับปากกาในมือของเธอเอาไว้แน่นจนปลายนิ้วซีดเผือด เธอก้มหน้าจ้องมองลงไปที่ใบหย่าบนโต๊ะ พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการสบสายตากับดวงตาที่เย็นชาและไม่แยแสของชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมเขาจำเป็นต้องใจแข็งจนถึงขั้นที่ต้องการหย่ากับเธอเลยด้วย พวกเขาเองก็แต่งงานกันมาได้ประมาณหนึ่งปีกว่าแล้ว เธอได้ทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือว่ามันจะมีเหตุผลอื่น?
แต่ถึงแม้ว่าเขาต้องการหย่ากับเธอจริง ๆ เขาก็คงไม่จำเป็นให้เธอมานั่งในสำนักงานของเขาเป็นการส่วนตัวแบบนี้ พวกเขาสามารถพูดคุยเรื่องแบบนี้ที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องมาถึงที่นี่ แต่อย่างไรก็ตาม เธอเกือบลืมไปเลยว่าเขาไม่ได้กลับบ้านมาเกินสองเดือนแล้ว ถึงจะเป็นสองเดือนก่อน เขาก็แค่นาน ๆ กลับมาที อย่าว่าเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน ไม่เคยมีอะไรกันแม้แต่ครั้ง
มิไป๋รู้ดีว่าเหตุผลที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกเพราะว่าเธอมาจากครอบครัวซือ ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีสถานะที่สูงและมีชื่อเสียงที่น่ายกย่อง หนึ่งปีผ่านไปหลังจากที่พวกเขาได้แต่งงานกัน และเซียวยูก็ได้ขึ้นสู่อำนาจอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขามีสถานะสูงพอจนได้รับการยกย่องว่าเขาเป็นกระดูกสันหลังของตระกูล หรง และในตอนนี้เขาก็เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากในเมืองปีนัง แต่ในทางกลับกัน มิไป๋ก็ยังคงเป็นแค่มิไป๋เช่นเคย ผู้หญิงที่ไม่มีใครรู้จัก ทั้งนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้เลยอีกด้วย ว่าเธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเซียวยู เรื่องนี้มันเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการแต่งงานระหว่างเขากับตระกูล ซือ ซึ่งการแต่งงานของพวกเขาทั้งสองจะต้องถูกเก็บเป็นความลับเอาไว้
และเพื่อที่จะได้เอาชนะความจงรักภักดีของตระกูล หรง ครอบครัว ซือ ถึงขนาดตัดสินใจบังคับให้มิไป๋ต้องแต่งงานกับเขาโดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาในภายหลังเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายแล้ว เธอก็เป็นเหมือนแค่เพียงทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นเท่านั้นที่อยู่ภายในตระกูลหรง สถานภาพของเธอยังต่ำกว่าคนรับใช้ในบ้านด้วยซ้ำ มิไป๋อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเซียวยูจะเป็นคนฉลาดจริง ๆ เขารู้ดีว่าสถานะของเธอนั้นต่ำแค่ไหนในตระกูลซือ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะแต่งงานกับเธอแทนที่จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าตระกูลซือไม่ได้เห็นความสำคัญกับเธอ และพวกเขาก็คงจะไม่เปิดปากว่าอะไรเมื่อเขาเลือกที่จะหย่ากับเธอในอนาคต
รอยยิ้มบนใบหน้าอันงดงามของเธอก็ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าตระกูลซือ จะได้ลิ้มรสกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำกับคนอื่นไว้แล้วในครั้งนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรกับตระกูล หรงได้เท่านั้น แต่พวกเขายังประสบความสูญเสียจากการหย่าในครั้งนี้อีกด้วย แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นอีก ถ้าหากตระกูล ซือพบว่าเซียวยูตัดสินใจฟ้องหย่าในที่สุด? ดูเหมือนว่าเหตุการณ์เรื่องหย่าร้างกันในครั้งนี้จะสนุกมากเลยทีเดียว
“เซ็นชื่อซะ!” เซียวยูอุทานอย่างเฉยเมย
“ก็ได้” ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเพื่อเงยหน้าขึ้นและมองเขาเข้าไปในดวงตา มันรู้สึกเหนือธรรมชาติมากสำหรับเธอ เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าชายคนนี้ในนามสามีของเธอมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานบนใบหน้าของเธอ เธอก็หยิบปากกาขึ้นมาและเซ็นชื่ออย่างระมัดระวังราวกับว่าเธอกำลังพยายามจะเอาชนะการแข่งขันคัดลายมือในช่วงปีการศึกษาของเธอเลยทีเดียว เธอรู้สึกจริงจังกับสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่มาก ทุกขีดทุกเส้นที่เธอเขียนลงไป เธอก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอค่อย ๆ จมลงไปทีละนิด แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอรู้สึกเศร้าไม่ใช่การที่การแต่งงานของพวกเขาต้องจบลง แต่ก็คือการที่เธอได้ตระหนักว่าเธอไม่ได้มีความสำคัญในตระกูลซือเลย และแม้แต่ในใจของสามีของเธอเองก็ตาม
“นี่มิไป๋” เซียวยูไม่ได้คิดไว้เลยว่าเธอจะดูสงบได้ขนาดนี้ ทันใดนั้น เซียวยูกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หลังจากที่เธอได้ลงนามในเอกสาร มิไป๋ก็มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น รอให้เขาพูดออกมาเพื่อทำลายความเงียบ เขากระแอมในลำคออย่างงุ่มง่ามและพูดออกมาว่า “มิไป๋ ผมจะให้ทนายของผมโอนเงินที่คุณสมควรได้จากเรื่องนี้ เข้าไปยังบัญชีของคุณภายในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง คุณจะยังคงเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น เพราะว่ามันเป็นของคุณตั้งแต่แรก คุณสามารถที่จะอยู่ที่นั่นต่อไปได้ ถ้าหากคุณต้องการ และในส่วนข้าวของของผม”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป