“ก้นสวยๆ ใครเขาจะทำให้เป็นรอยฝ่ามือ จะจับแก้ผ้าแล้วลงโทษด้วย... ด้วยปากกับลิ้นเสียให้เข็ด” จันทร์เจ้าขา โอ้! ไม่สิ เธอคือ ลูกจันทร์ ต่างหาก ยัยสาวบ้านนอกแสนซื่อ แต่ยั่วเก่งชะมัด ผู้หญิงร่างบางที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรเลยนอกจาก อกอวบอิ่ม เกินตัว ที่ทำเอาคุณผู้ชายไม่อาจหยุดจินตนาการได้เลยแม้แต่นาทีเดียว เพราะครอบครัวเป็นหนี้กว่าหนึ่งร้อยล้านหมดหนทางที่จะปลดหนี้ เรื่องน่าปวดหัวจึงตกมาอยู่ที่ จันทร์ศิตางค์ หรือจันทร์เจ้าขา สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก ที่ต้องถูกยัดเยียดให้แต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักและ เขาคนนั้นคือเจ้าหนี้ที่แก่คราวคุณอา อติภัทร เวเดอร์ วรสกุลเกริกเกียรติ ลูกครึ่งหุ่นล่ำหน้าปล้ำที่สุด พ่อม้ายเนื้อหอม หล่อขั้นเทพ รวยเว่อร์ เจ้าของบริษัทหลักทรัพย์เกริกเกียรติ เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ แต่ไม่ใช่ในฝันของจันทร์เจ้าขา เพราะเขาเป็นเจ้าหนี้ ภารกิจของจันทร์เจ้าขา จึงเริ่มขึ้น จากนักเรียนนอกจึงต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงคนสวยในบ้านของคู่หมั้นหนุ่ม เสแสร้งแกล้งซื่อ บีบและเค้นหาความจริงเรื่องหนี้สินของครอบครัวทั้งหมด แต่แล้วเธอกลับพบอีกหนึ่งความลับที่คู่หมั้นหนุ่มปิดซ่อนมันเอาไว้มาตลอดชีวิต และความลับนั้นมันทำให้เธอถลำลึก แม้อยากจะเอาชนะเขา แต่ต้องแพ้พ่ายให้กับแรงปรารถนาจากเรือนกายและการเล้าโลมขั้นเทพ กระทั่งจมดิ่งเข้าไปในห้วงเสน่หาของคุณผู้ชายรูปหล่อโดยไม่รู้ตัว และอาจจะทำให้ความลับของเธอแตกเสียเอง “ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือเปล่า แต่เวลานี้ ไม่สิ วันทั้งวัน คุณยั่วผม” เขากอดรัดเธอเอาไว้แน่นแล้วกระซิบบอกพลางกัดกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ “ว่า ว่าไงนะคะ จันทร์ไม่ได้ ไม่ได้ทำแบบนั้น” เวลานี้หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอกำลังตื่นกลัวอย่างประหลาด “คุณทำไปแล้ว และผม... จะไม่ทนอีก” จบคำเขาจึงก้มหน้าชิดกับริมฝีปากหวาน ก่อนจะประกบจูบแนบแน่นรวดเร็ว จาบจ้วง “อืม” จันทร์ศิตางค์ตกใจจนดวงตาเบิกโพลง หัวใจเต้นระส่ำราวกับกลอง เพราะไม่นึกว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เคยมีใครล่วงเกินแบบนี้ ทำให้เธอพยายามผลักใสเขาแต่ไม่ผลเมื่อริมฝีปากสุดช่ำชองบดขยี้ อย่างดูดดื่มรุนแรง ราวกับหิวกระหายและยิ่งได้สัมผัสกับเรือนกายแสนเย้ายวนกับริมฝีปากไร้เดียงสา ยิ่งทำให้เขาความหยุดปรารถนาเอาไว้ไม่อยู่ “คุณยั่วผมเหลือเกินนะลูกจันทร์” เขาจูบไปพลางพูดไปพลาง ก่อนจะจูบอีกครั้งและขบเบาๆ ที่ริมฝีปากบางเพื่อให้เธอยอมเผย และชั่ววินาทีด้วยความที่หายใจไม่ออก เธอเผลอเผยให้เขาได้สอดแทรกลิ้นอุ่นรุกล้ำเข้าไปควานหาความหอมหวาน ลิ้นอุ่นตวัดพันเกี่ยวกันอย่างหนักหน่วงบังคับให้เธอคล้อยตาม ขณะที่เธอยังดิ้นรนเอาตัวรอด และจากความปรารถนาที่กำลังลุกโชน เมื่อสัมผัสได้ว่าเธอไร้เดียงสาเพียงใด เขาจึงเปลี่ยนท่าทีด้วยการมอบจูบอ่อนโยน นุ่มนวล ขณะที่มือหนาเริ่มซุกซนไปตามแผ่นหลัง ลูบไล้ลงมาที่สะโพกและบั้นท้าย ก่อนจะขยำเบาๆ “อืม ยะ อย่า ปล่อยจันทร์” จันทร์ศิตางค์พยายามเบือนหน้าหนีริมฝีปากเร่าร้อน และขอร้องด้วยน้ำเสียงหอบพร่า เธอกำลังจะแย่พยายามขัดขืนความต้องการของร่างกายที่สุด แต่เพิ่งรู้ว่ากำลังจะแพ้พ่าย “ผมอยากจะชิมคุณ อยากรู้ว่าจะหอมหวานหมือนอย่างที่พูดหรือเปล่า”
ในร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม เป็นเวลาที่ใครหลายคนกำลังจะดินเนอร์ บ้างก็เพิ่งจะเลิกงาน ส่วนหนึ่งก็พากันมาดื่มกินในร้านแห่งนี้ ก่อนกลับ มันหรูหรา เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน แม้จะอยู่ใจกลางเมืองแต่อาณาบริเวณของร้านจัดตกแต่งแบบส่วนหย่อม ประดับประดาด้วยไฟสีเหลืองส้ม เปิดเพลงบรรเลง คลอเคล้าเบาๆ ทำให้ช่วงเวลาหลังเลิกงานผ่อนคลายได้อย่างมาก ร้านนี้เป็นร้าน ที่เหล่าคนดังไฮโซ เซเลบริตี้ หรือแม้กระทั่งดาราก็นิยมมานั่งผ่อนคลาย เพราะ เจ้าของร้านก็เป็นเซเลบริตี้คนดัง
และวันนี้เป็นอีกวันที่หนุ่มหล่อไฮโซในฝันของสาวๆอย่างซีโน่ อติภัทร เวเดอร์ วรสกุลเกริกเกียรติ หนุ่มลูกครึ่งไทย - อเมริกัน วัยสามสิบเจ็ดปี รูปร่างสูงใหญ่ หล่อเหลา ไว้เคราสุดเซ็กซี่ ชายหนุ่มเป็นถึงประธานบริษัทและเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในเมืองไทยและร่ำรวยติดหนึ่งในห้าของเมืองไทยด้วย แถมยัง ให้เกียรติมานั่งเรียกลูกค้าให้กับเจ้าของร้านอีกต่างหาก
“สวัสดีครับซี เป็นเกียรติมากครับที่คุณซีให้เกียรติมานั่งดื่มเหล้าในร้านเล็กๆ ของเรา” น้ำเสียงทุ้มนุ่มและสุภาพแต่แฝงไว้ด้วยความกวนเล็กๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับโค้งศีรษะ
“จะเป็นเกียรติมากถ้าเจ้าของร้านมานั่งกับผม” อติภัทรหรือชายหนุ่มผู้ ถูกเรียกว่าคุณซีนั้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสำเสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร พลางยกเหล้าขึ้นดื่ม ขณะที่ดวงตาคมกริบสีเหล็กไม่ได้มองไปที่คนพูดแม้แต่น้อย
“เกรงว่าท่านจะได้เสียค่าดริ้งค์หนักหน่อยนะครับ” คนมาต้อนรับเอ่ยยิ้มๆ
“ให้ไม่อั้นเลย” อติภัทรตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มขึ้น พลางปรายตามอง คน ที่ยืนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“งั้นไม่เกรงใจนะครับท่าน” พูดจบคนมาต้อนรับก็ถือโอกาสนั่งลงตรงหน้า อติภัทรทันที พร้อมกับวาดวงแขนไว้บนพนักพิงอย่างผ่อนคลายราวกับคนละคนที่ยืนพูดเลยทีเดียว
“เมื่อกี้ยังทำท่าเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่เลย ไหงตอนนี้ดูท่าทางจองหองสิ้นดี” อติภัทร เอ่ยถามด้วยความหมั่นไส้
“ก็เมื่อกี้ฉันมาต้อนรับแกไง ก็เลยต้องทางการหน่อย” สรรพนามเรียกอติภัทรเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที และกลับสู่สถานะเพื่อนสนิท
“หึ เป็นคุณซีอยู่แปบนึง เปลี่ยนเป็นแกซะงั้น” อติภัทรตอบกลับพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ
“มันไม่ชินปากนี่หว่า แต่นั่นฉันเรียกประชด ว่าแต่คืนนี้ได้ทั้งคืนไหม” ดูเหมือนว่าตรีเทพอยากจะชวนเพื่อนดื่มเสียแล้ว
“ไม่! แวะมาดื่มด้วย เดี๋ยวก็กลับแล้ว” น้ำเสียงของอติภัทรเปลี่ยนไปทันที ราวกับกำลังเครียด
“อะไรวะ ช่วงนี้เป็นอะไรกลับบ้านเร็วตลอดเลย”
“ช่วงนี้ตัวแสบไม่มีพี่เลี้ยง เลยต้องกลับไปดูแลเอง”
“โตขนาดนั้นแล้วต้องดูแลด้วยเหรอวะ เข้านอนเองได้มั้งป้านวลก็ดูแลไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ให้ป้านวลยุ่ง แกไม่มีลูกจะรู้อะไร วัยหัวเลี้ยวหัวต่อห่างไม่ได้ ฉันไม่อยากให้อยู่คนเดียวคราวละนานๆ ดื่มเสร็จแล้วฉันจะกลับเลย”
“ท่าทางเครียดนะคุณซีโน่” เรียกประชดอีกแล้วสินะ ตรีเทพ
“อืม ช่วงนี้ตัวแสบขี้วีนบ่อยเอาแต่ใจ ฉันเลยพาลปวดหัว เครียดน่ะ”
“พี่เลี้ยงลาออกอีกแล้วเหรอ ปีนี้หมดพี่เลี้ยงไปกี่คนแล้ววะคุณซีโน่”
“สี่คน รับมือไม่ไหว ไม่ใช่ว่าตัวแสบมันดื้อดึงหรอกนะ แต่พี่เลี้ยงที่ผ่านมา ก็ ไม่โอเค” เมื่ออติภัทรพูดว่าไม่โอเคเท่านั้นแหละเพื่อนรักก็หัวเราะลั่นทันที เพราะเข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่โอเค
“ฮ่าๆๆ พี่เลี้ยงเอาเวลาทำงานบ้านมาอ่อยแกละสิท่า ใช่ไหม” ตรีเทพ หัวเราะร่าและรู้ทันเสมอ
“เออว่ะ แต่ละคนก็เด็กทั้งนั้น เก่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำอาหารเก่ง แต่ดูแล ตาแดนอย่างใกล้ชิดไม่ได้ เก็บกวาดเก่ง แต่อาหารไม่ได้เรื่อง ที่ได้เรื่องคืออ่อยเก่ง ทุกคน” อติภัทรจำเป็นต้องพูดความจริงทั้งที่ไม่อยากเอาพี่เลี้ยงเก่ามาขายหน้า แต่มันเป็นเช่นนั้น แต่ก็นะเจ้าของบ้านหล่อขั้นเทพเสียขนาดนี้ ใครจะไม่อยากอ่อย
“แกต้องยอมรับตัวเองวะซี แกมันน่าอ่อยนี่หว่า พ่อหม้ายเนื้อหอมเหลือเกิน ลูกครึ่ง หล่อล่ำ กล้ามโต สุภาพอ่อนโยน แอบเร่าร้อนนิดๆ ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน ไม่แตะต้องสาว เหมือนแอบเป็นเกย์เล็กๆ ว่าแต่พี่เลี้ยงอ่อยนี่ได้ผลสักคนหรือเปล่า”
“หึ ฉันไม่ยอมให้เห็นขาอ่อนง่ายๆ หรอกน่า ไม่เอาหรอก” อติภัทรแทบ จะไม่สนใจเรื่องแบบนี้เสียด้วยซ้ำไป
“นี่แหละที่ฉันสงสัยอยู่ว่าแกแอบเป็นเกย์ตอนแก่หรือเปล่า” ตรีเทพยังไม่เลิกแซวเพื่อน
“ไอ้บ้า แก่จนป่านนี้แล้วเพิ่งจะอยากเป็นหรือยังไง ฉันแค่ไม่ชอบ และมีคติว่าไม่เป็นสมภารกินไก่วัดแน่นอน”
“ไม่แน่ถ้าแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงน่ากินใช่ไหม” รู้ใจกันไปหมด
“เลิกล้อฉันเล่นซะที กำลังเครียดอยู่นะโว้ย” พูดจบเขาก็ยกเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง
“เครียดอะไรนักหนาวะเพื่อน พี่เลี้ยงลาออกก็หาใหม่ก็ยังได้ มันจะยากอะไร”
“มันไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น ฉันไม่ได้ปิดประกาศหน้าบ้าน ได้มาเพราะ เป็นลูกหลานแม่บ้าน แม่ครัว บ้างก็แนะนำกันมา ทว่าแต่ละคนก็อย่างที่บอก”
“ให้แนะนำเอาไหม ฉันว่าแกปิดประกาศที่หน้าบริษัทแกดีไหม ในเว็บไซต์หรือแฟนเพจบริษัท เปิดรับสมัครพี่เลี้ยงของคุณชายน้อยแดเนียล สามารถเป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงได้ในคนเดียวกันเป็นเมียเจ้าของบ้านด้วยก็ได้ ไม่จำกัดวุฒิการศึกษาขอแค่ดูแลเอาใจใส่ตาแดนเป็นอย่างดี”
“กวนประสาท แต่เป็นความคิดที่ดีนะ ฉันกำลังเครียดๆ น่ะเลยคิดแผน อะไรไม่ออก มีแกช่วยคิดก็ดีไปอย่าง ขอบใจ”
“ยินดีมากๆ มีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแกตัดปัญหาเรื่องพี่เลี้ยงตาแดน”
“วิธีไหนวะ” อติภัทรถามพลางขมวดคิ้วทันที
“หาแม่ให้ตาแดนไง ได้เมียได้แม่ของลูกด้วย ฟินกันไป หืม”
“แหม ชี้โพรงให้กระรอกจริงๆ ไม่เอา หาแม่บ้านให้มันได้เสียก่อน”
“งั้นเอาตามแผนแรกก็แล้วกัน”
“นั่นแหละถูกต้องแล้ว ขอบใจอีกครั้ง หมดแก้วนี้จะกลับแล้ว” ให้ตายสิอยู่ๆ เพื่อนรักก็จะกลับเสียดื้อๆ ทั้งที่เพิ่งจะมานั่งด้วยแท้ๆ
ต้าเฉิน มีคำสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กสาวคนหนึ่ง ที่เขาตกหลุมรัก เป็นความรักอันแสนบริสุทธิ์ ที่ไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาให้ได้ยิน จนถึงเวลาที่ต้องไปจากเธอ โดยที่ไม่บอกเธอสักคำ ทิ้งไว้แต่เพียงแหวนเพชรพร้อมกับคำสัญญาที่ว่า "รอพี่นะตัวเล็ก" อีก 6 เดือนเขาจะกลับมา หากใจเธอยังมีเขาอยู่ให้สวมแหวนวงนี้เอาไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย เมื่อกลับมาเขาจะเห็นและจะมอบคำว่ารักให้เธอ แต่... ชะตามันช่างเล่นตลก ทำให้คำว่ารักที่เตรียมเอาไว้ให้เธอ กลับกลายเป็นความแค้นและความตายที่เขากำลังจะส่งให้ เธอ... อลิน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้องสาวมาเฟีย เธอต้องชดใช้ด้วยชีวิต เขาเอาเธอมาทรมานให้สาแก่ใจและปล่อยให้ตายไปทีละนิด แต่มันไม่ง่ายเมื่อเธอคือคนที่มาเฟียรัก และเฝ้ารอมาตลอดหลายเดือน แทนที่เขาจะได้ทรมานเธอ แต่กลับเป็นเธอ... ที่ทรมานให้เขาคุ้มคลั่งแทน “คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอตัดสินใจถาม ในเมื่อเขาก็ออกตัวว่าไม่ใช่คนที่เธอคิดถึง “ความตาย!!! แต่ก่อนตาย มาตกนรกกับผมก่อน” จบคำ เขาก็กระชากเธอแรงๆ จนแทบจะตัวปลิว
เสี่ยต้น หรือเจ้าสัวตันติวัฒน์ ชื่อนี้ที่สาวๆ การันตีว่าคาสโนว่าที่สุดแห่งภูมิภาค เจ้าพ่อเงินกู้ หนุ่มใหญ่ร้างไร้คนรัก ที่มักจะเอาเรือนร่างของสาวๆ มาขัดดอก เขาไม่เคยมีหัวใจให้ใครง่ายๆ “ซื้อกินสบายใจกว่า” แม้บางคนจะบอกว่าแก่ แต่บอกเลยว่าหล่อ เท่ แซ่บ ทว่าไม่มีใครได้เป็นคุณนายเบอร์ 1 เสียที จนกระทั่งหัวใจของเขาได้เต้นตูมตาม เมื่อเจอสาวสวยลูกสาวกำนันที่การันตีด้วยตำแหน่งนางงาม หนุ่มใหญ่หัวใจว้าวุ่น อยากได้ก็ต้องได้… “ใครมา” “สาวๆ ของคุณ” เธอตอบแบบขอไปที พลางมองยาในกล่อง ไม่ยอมมองหน้าเขา ใบหน้าเธอก็ดูบูดบึ้งชอบกล “เยอะดีนะคะ” “จ้ะ” เขาก็กล้าตอบเช่นกัน เท่านั้นแหละเธอก็ตวัดหางตาขึ้นมองหน้าทันที ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เธอไม่พูด กลับค่อยๆ เอายาทาป้ายไปตามแขนของเขาแรงๆ “ซี้ดโอ๊ย ฟ้า” เขากับถึงร้องออกมาเลยทีเดียว ยัง ยังไม่พอเธอก็ทาไปตามแก้มและรอยช้ำบนใบหน้าของเขาแรงๆ “โอ๊ยๆ ฟ้าจ๋า เบาๆ” “ยังมีอีกไหมคะเนี่ย” เธอถามไปพลางก็ทายาไปพลาง “น่าจะมาอีก” สิ้นคำเธอก็ทำแรงกว่าเดิม “ซี๊ด! โอ๊ย ฟ้า เฮียเจ็บจริงๆ นะ นี่หึงเหรอเนี่ย” เขาแกล้งแซวแต่ก็เจ็บมากจริงๆ “ถ้าจะมีเยอะขนาดนี้ แล้วยังจะมีหน้าอยากได้ลูกสาวกำนันอีก ใครเขาจะพิศวาส” เธอออกปากบ่น ลมหึงพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ “ก็ถ้าลูกสาวกำนันใจอ่อนได้ เฮียก็จะยอมเลิกยุ่งกับทุกคนเลย แต่นี่ลูกสาวกำนันไม่สนใจอ่อนกับเฮียเลยแม้แต่น้อย” เขาพูดพลางหรี่ตามองเธอเล็กน้อย “คุณทำไม่ได้หรอกค่ะฟ้าดูแล้วล่ะ มันอยู่ในสันดาน”
แสงเหนือ เจ้าของฟาร์มวัวนม เป็นคนดุ ทำแต่งาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร และเกลียดเด็ก! แต่กลับถูกขอร้องให้ช่วยดูแลลูกสาวของเพื่อน และใช่... คิดว่าสามขวบ ที่ไหนได้ยี่สิบสองต่างหาก นี่เวลาผ่านไปเร็วอะไรเบอร์นี้ แต่เขายังหล่อ รวย โสดอยู่เลย กับคำขอร้องของเพื่อนรุ่นพี่ ให้ดัดนิสัยลูกสาวให้แต่เขาปฏิเสธหัวชนฝา ไม่เอาเด็ดขาด แต่ความจริงบางอย่าง ทำให้เขาต้องช่วยเหลือและปฏิเสธไม่ได้ แคท หรือแคทรียา ลูกสาวท่านนายพลจากเมืองกรุงฯ ต้องจากบ้านอันแสนสุขสบาย ไปเลี้ยงวัว ล้างขี้วัว ตากแดดหน้าดำ เพื่อ... เพื่อหนีไอ้เฒ่าหัวงูหื่นกามที่มารดาสรรหามาให้ จะฟังพ่อหรือฟังแม่ก็เลือกเอา แน่นอนเธอเลือกฟังพ่อ แต่หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะแค่วันแรก... ก็ทำเอาใจเหลวเป็นน้ำเพราะเจ้าของฟาร์มดันอวดสาขาใหญ่ให้เธอใจเต้น...
หนุ่มใหญ่วัย 42 เจ้าของโรงแรมและรีสอร์ตระดับ 5 ดาว ผู้ทรงอิทธิพลแห่งขุนเขา ดุดัน โหดและดินเถื่อน ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับสายตาและรอยยิ้้มแสนหวาน ของสาวน้อยวัย 19 เธอคือ made mind day เธอคือคนที่ทำให้วันเครียดๆ ของเขากลายเป็นสีชมพู รอยยิ้มของเธอทำให้เขาไม่มีวันลืม นอนไม่หลับ และเฝ้ารอที่จะได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง “ปวดท้องอีกแล้วค่ะ อื้อ! พอปวดมันก็ไหลออกมาอีก” “บอกอาเลย ให้อาทำยังไง” “ไปร้านสะดวกซื้อ ซื้อผ้าอนามัยให้วีได้ไหมคะ” “ไอ้เขตไปร้านสะดวกซื้อ เร็ว” พ่อเลี้ยงหนุ่มสั่งอย่างรีบร้อน ก่อนจะประคองมนัสวีเขามากอดปลอบไปก่อนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร “ครับๆ” ว่าแล้วเขตแดนก็ขับรถไปพาร้านสะดวกซื้อทันทีซึ่งหาไม่ยาก “ถึงแล้ว ให้อาซื้ออะไรบ้างบอกมาซิ” ครั้นจะให้หนุ่มๆ ไปซื้อก็มีความรู้เท่ากันนั่นแหละ สู้เขาไปจัดการเองดีกว่า “ได้เหรอคะ วีกลัวคุณอาจะ...” “ไม่เป็นไรวีเดินไม่ไหว ไหนกางเกงน่าจะเปื้อนแล้ว” “เอาแบบกลางวัน ยาว 30 cm. 1 ห่อนะคะ แล้วกลางคืนยาว 35 cm. ค่ะ ถ้าหาไม่เจอบอกพนักงานก็ได้ค่ะ” “โอเคจ้ะ” ได้หรือไม่ได้เขาก็รับปากไปก่อนก็แล้วกัน ว่าแล้วจึงรีบลงจากรถพุ่งตัวเข้าไปในร้านในทันที เพียงไม่กี่ล็อกก็เจอผ้าอนามัยแต่ “คุณพระคุณเจ้ามีเป็นร้อย เอ่อ ไงดีวะ” ด้วยความไม่แน่ใจ กลัวหยิบไปผิด ต้องรวบรวมความกล้าและทิ้งความอายไปถามพนักงาน ไม่งั้นเมียเขาม่ได้ใส่ผ้าอนามัยแน่ๆ เชียว “ขอโทษทีครับ คือ ผม... มาซื้อผ้าอนามัยให้... ภรรยา แต่ไม่รู้ว่าต้องเลือกยี่ห้อไหนขนาดอะไรหรือแบบไหนถึงจะดี”
“ที่รัก ร่างกายของคุณหวานอร่อยไปทั้งตัว หวานจนผมหยุดกินไม่ได้ แล้วตอนนี้ผมหิวอีกแล้ว” ตฤณ ท่านประธานบริษัท วัย 37 ปี หนุ่มโสดหล่อ รวย พ่อบุญทุ่ม ถูกใจใครก็เปย์หนัก ไม่เว้นแม้แต่เลขาสาวสวยที่เขาบังคับมารับตำแหน่ง ด้วยวิธีแสนเจ้าเล่ห์แม้เธอไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อเขา “อยากได้” วิธีสุดแสนร้ายกาจเขาก็งัดมาใช้ เพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง ***** “ผมขับรถไปรับคุณได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ได้ขู่ด้วย เอาให้รู้ไปทั้งบริษัทว่า... คุณเป็นคนของผม ผมมีรถให้เลือกนั่ง 10 คัน ลือกมาสักยี่ห้อเดี๋ยวขับไปหาครับ” “คุณมันบ้า อีตาผู้ชายบ้า เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย แล้วต้องมาอยู่ซอยเดียวกัน” “ท่านประธาน คำที่ถูกต้อง ตกลงขึ้นรถมาหรือยังครับปั้นหยา” “คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าคุณ...” “จะสมนาคุณผมด้วยจูบเหรอ” “คุณ!”
One night stand คำที่ นิโคไล แอนตัน มหาเศรษฐีเพลย์บอย เลือกมาใช้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันและ มีความสุขแบบไร้ข้อผูกมัด แต่แล้วค่ำคืนที่แสนหฤหรรษ์ของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เพราะผู้หญิงแปลกหน้าที่ทำให้เขาพอใจตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอกลับทำร้ายเขาเพราะความเข้าใจผิด ทำให้ได้อับอายต่อสายตานับร้อยคู่ เพียงคำขอโทษเท่านั้นที่เขาต้องการ ทว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะดันเจอกับผู้หญิง หัวแข็ง ปากร้ายและดื้อ ทางเดียวที่จะกำราบและให้เธออยู่ในอ้อมกอดอันแน่นหนาของเขาได้ นั่นคือขังเธอเอาไว้เสียเลย พร้อมกับข้อตกลงเพียงข้อเดียว ดินเนอร์แล้วจบ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวทำให้ ไอลดาต้องหนีความรู้สึกผิดต่อตัวเอง และหนีจากความทรงจำคืนเดียวที่แสนวาบหวาม หอบกายใจที่เต็มไปด้วยรอยรักจากชายแปลกหน้ากลับประเทศไทย แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่แค่รอยรักที่ติดตัว มาด้วยเท่านั้น หากแต่เป็นพยานรักที่ถือกำเนิดขึ้นโดยไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งได้พบเขาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เธอต้องหนีใจตัวเองและปกปิดความลับบางอย่างไม่ให้เขารู้ว่า พยานรักตัวน้อยเป็น “ลูกใคร”
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...