หอในชาย ห้อง 523 ได้มีข่าวลือพูดกันอย่างหนาหู ว่าใครคนไหนเข้ามาอยู่ห้องนี้แล้วละก็ จะต้องมีแฟนเป็นผู้ชายเรียนคณะนิติศาสตร์และอายุเท่าตัวเองเท่านั้น ถึงจะเรียนจบได้ ถ้าใครไม่ทำตาม ชาตินี้ไม่มีวันเรียนจบ พายุ ชายหนุ่ม หน้าตาแสนจะธรรมดา มีดีตรงลักยิ้ม เวลายิ้มทีไรโลกจะสดใสขึ้นมาทันที ต้องพบกับเรื่องที่โชคร้ายเข้า อย่างจัง เพราะตอนปี 1 ดันได้อยู่ห้อง 523 จึงทำให้เขาต้องหาแฟนเป็นผู้ชาย เพื่อที่จะได้เรียนจบ โดยเป้าหมายของเขา คือ ไผ่ นักศึกษาปี 1 คณะนิติศาสตร์ ชายหนุ่มหน้าตาดี เป็นเดือนคณะ และเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ทั่วมหาลัย ที่สำคัญไปกว่านั้นไผ่คือคนที่เขาเกลียดมาตั้งแต่ ม.6 แล้วแบบนี้พายุจะเดินหน้าจีบไผ่ต่อไหม ติดตามได้ในเรื่องนี้ .. . แล้ว ภายใต้หน้าตาอันหล่อเหลานั้น มีสิ่งที่ชั่วร้ายอะไรแอบแฝงอยู่ “มึงจะให้กูจีบไอ้ไผ่เนี่ยนะ” “เออดิวะ” “มึงก็รู้นิว่ากูเกลียดมัน” “มึงเลือกเอา ถ้ามึงมีผัวแล้วมึงเรียนจบนะโว๊ย แต่ถ้ามึงไม่หาผัวตอนนี้ มีหวังชาตินี้มึงเรียนไม่จบแน่” “แล้วกูจะเลือกอะไรได้เนี่ย โอ๊ยอยากจะบ้าตาย ดันจะมีผัวตอนจบปี4”
บทนำ
ร้านอาหารตามสั่ง
เสียงตะหลิวกระทบกระทะเป็นจังหวะ สาววัยกลางคน เอื้อมมือไปหยิบวัตถุดิบใส่ลงในกระทะ ปรุงรสสูตรเด็ด ผัดให้เข้ากัน อยู่หน้าร้านอย่างขะมักเขม้น กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วร้าน จนคนภายในร้านต่างกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิว
ร้านอาหารตามสั่งแห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ 4คูหา มี 3ชั้น ตั้งอยู่นอกชานเมือง อยู่ไม่ห่างตัวเมืองเท่าไรนัก อีก2คูหาเป็นร้าน ขายดอกไม้ กับร้านขายกิ๊ฟช็อปเล็กๆ น่ารัก
“พายุลูก ช่วยเอาข้าวไปเสิร์ฟให้แม่ที” หญิงวัยกลางคนเอ่ยเรียกลูกชาย ที่อยู่ข้างในร้านให้ออกมาช่วยเธอข้างนอก
“ครับแม่”
เสียงชายหนุ่มตอบรับ ก่อนจะเดินออกมายังนอกร้าน ด้วยสภาพเหมือนคนพึ่งตื่นขึ้นมาจากที่นอนอย่างไงอย่างงั้น เขาเดินเกาหัวออกมา อ้าปากหาวเป็นระยะ สายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง นั่งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือเพื่อรออาหารอยู่
ไอ้หมอนี่อีกแล้ว.....ผมชักสีหน้าไม่พอใจ ทำไมผมต้องเจอหน้ามันแทบทุกวันเลยนะ รู้สึกเกลียดขี้หน้ามันซะมัด เพราะอะไรงั้นหรอ หึ...มันแย่งคนที่ผมชอบไปไง จะไปเรียกว่าแย่งก็คงไม่ใช่ เพราะผมยังไม่ได้บอกชอบเธอไปเลย
ผมกับมันเรียน ม.6 อยู่ห้องเดียวกัน มันย้ายมากลางเทอม มันชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไร ผู้ชายในห้องผมไม่มีใครชอบขี้หน้ามันสักกะคน ส่วนผู้หญิงกลับตรงกันข้ามต่างพากันชื่นชอบที่มันเป็นแบบนี้กันใหญ่ พวกเธอบอกว่าเป็นผู้ชายลึกลับหน้าค้นหาดี นี่ถ้ามันไม่หล่อผมอยากรู้จริงๆ ว่าสาวๆ พวกนั้น ยังจะพูดแบบนี้อยู่ไหม
ส่วนในสายตาของผมไม่เห็นว่ามันจะหล่อตรงไหนเลย หน้าตาก็งั้นๆ แค่ตัวสูงผิวขาว จมูกโด่งเป็นสัน ปากอมชมพู ตัดผมทรงสะกิดเฮลด คล้ายทรงพี่ต่อ ธนภพ เรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่งเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าทำไมสาวๆ ชอบกันจัง จะว่าไปไอ้ที่ผมพูดมาทั้งหมดนั้น ชมมันหมดเลยนิน่า
มันชอบมานั่งกินข้าวร้านแม่ผมเป็นประจำ เวลาผมเห็นหน้ามันทีไรรู้สึกอยากกลับขึ้นห้องไปนอนต่อทันที มันชอบทำหน้านิ่งๆ ไร้ความรู้สึก ทำหน้าเหมือนคนไม่มีความสุขในชีวิต เฮ้อ.....นี่ขนาดผมยืนจ้องหน้ามันมาตั้งนานนะ มันยังไม่รู้สึกตัวเลย
“โต๊ะไหนครับแม่” ผมเดินเข้าไปหาแม่ ก่อนจะยกจานข้าวขึ้นมา
“หนุ่มหล่อๆ คนนั้นนะลูก” ผมหันไปตามที่แม่ชี้ เฮ้อ..แม้แต่แม่ของผมยังชมว่ามันหล่อเลย
ผมได้แต่แบะปากอย่างไม่พอใจ หล่อนักใช่ไหมได้.... ผมคิดแผนจะแกล้งมันได้แล้วสิ ในขณะที่แม่ผมก้มหน้าก้มตาผัดข้าวให้ลูกค้ารายอื่นอยู่นั้น จึงแอบหยิบไข่ดาวในจานขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ชอบกินไข่ดาวใช่นักไหม ดีเลยไม่ต้องแดก กูกินให้เอง
ก่อนที่ผมจะยกจานข้าวไปเสิร์ฟให้มัน สายตาของผม ได้เหลือบไปเห็นขวดน้ำปลาไส้ตันตั้งอยู่ตรงหน้า ผมเปิดฝาน้ำปลาขึ้น หลังจากนั้นคงไม่ต้องเดาหรอกนะว่าผมจะทำยังไงต่อไป ผมเหยาะน้ำปลาใส่ลงไปในจานข้าวผัดกระเพาะหมูอย่างชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียว กลิ่นน้ำปลานี่ลอยเข้ามาแตะจมูก
หึ....เสร็จผมแน่ ดูสิว่ามันจะกินได้ไหม ถ้ากินหมดจานนี้มีหวังเป็นโรคความสูงดันสูงแน่ๆ ผมเดินถือจานข้าวนั้นมาให้มัน ภายในใจหัวเราะอย่างชอบใจที่แกล้งมันได้ ผมวางจานข้าวลง คนตรงหน้าเงยขึ้นมองผม ทำหน้านิ่งเช่นเคย เหมือนไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะเจอกับอะไร
ผมทำตัวปกติ เดินมานั่งเก้าอี้อีกฝั่ง เพื่อรอชมผมงานของผมอย่างมีความสุข นั่นแหละ!!กินเข้าไปเลย ตักคำใหญ่ๆ แบบนั้นแหละ
ชายร่างสูงตักข้าวเข้าปากไป ก่อนจะหยุดนิ่งไปสักพัก สีหน้าเริ่มไม่สู้ดีนัก พยายามค่อยๆเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากกลืนลงคอ สายตาเขาหันมามองพายุที่นั่งยิ้มเยาะเย้ยเขาอยู่ อย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่อร่อยหรอจร้าพ่อหนุ่ม” แม่พายุเดินเข้ามาถาม เมื่อพบว่าชายหนุ่มมีอาการผิดปกติไป
“อร่อยมากเลยครับน้า” ชายหนุ่มตอบกลับ ก่อนจะตักข้าวคำต่อไปเข้าปากอย่างฝืนใจ พายุที่นั่งมองอยู่ไม่ห่าง หัวเราะชอบอกชอบใจออกหน้าออกตา เขาเห็นเช่นนั้นจึงมองตาขวางใส่ กำช้อนแน่น ด้วยความโมโห
“เอ๊ะ แล้วนี่กินไข่ดาวหมดแล้วหรอจร้า พึ่งมาเสิร์ฟเมื่อกี้เองไม่ใช่หรอ” แม่พายุมองลงไปที่จานข้าวอย่างสงสัย
“อ่อพอดี ผมให้หมา!!..จรจัดแถวนี้กินไปอะครับ” ชายหนุ่มพูดดังขึ้น ให้อีกฝ่ายได้ยิน
ผมที่นั่งฟังอยู่แทบอยากจะสำลักไข่ดาวที่กินเข้าไปออกมาทันที ไอ้เวรนี่ปากร้ายใช่ย่อยเลยแฮะ หมาจรจัดเลยหรอวะ หน้าผมเหมือนขนาดนั้นเลย จะว่าไปผมจะไปเคลิ้มคำพูดมันทำไมกัน
“งั้นหรอจร้า หนูนี่ช่างเป็นเด็กดีจัง” แม่ของผมดันเชื่อคำพูดของมันไปอีก หมาที่ไหนมันจะเข้ามาในร้านได้ กันละ ก็มีแต่ผมเนี่ยแหละที่แอบกินของมัน
“ครับน้า” แม่ของผมพูดเสร็จก็เดินกลับไปทำกับข้าวต่อ
ผมใช้เวลานั่งดูมันกินข้าวผัดกระเพาะน้ำปลาอย่างพะอืดพะอมจนหมดเกลี้ยงจาน แทบไม่มีเม็ดข้าวหลงเหลืออยู่เลย
เชี่ยยยย....นี่มันกินเข้าไปได้ยังวะเนี่ย ระบบภายในร่างกายมันยังอยู่ดีใช่ไหม นี่ไม่ใช่ไตมันหยุดทำงานไปแล้วนะ ผมตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ผมว่ามันไม่ใช่คนแล้วแหละที่กินข้าวจานนี้หมดจาน
“นี่ครับน้า มื้อนี้อาหารอร่อยมากเลยครับ” ชายร่างสูงหยิบเงินขึ้นมาจ่ายค่าข้าว สายตาเหลือบมองพายุที่กำลังนั่งจ้องมองเขาอยู่ ก่อนจะเดินออกไป
ผมนั่งมองมันเดินออกจากร้านไป นี่ผมจะแกล้งอะไรมันไม่ได้เลยใช่ไหม ไม่ได้การละ ผมต้องขอคุยกับมันสักหน่อย ผมลุกขึ้นตามไอ้หน้านิ่งออกไปข้างนอกร้าน
“นี่นาย” ผมวิ่งไปดักหน้ามันไว้ไม่ให้ไปไหน
“มีอะไรหรอครับ”
“เมื่อกี้มึงว่าใครเป็นหมาฮะ!!!” คนตรงหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มหัวเสีย จึงแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ท่าทีของเขาดูต่างจากในร้านโดยสิ้นเชิง
“เฮ้อ....จะว่าใครอีกละ ก็ว่านายไง” เขาตอบกลับอย่างไม่ต้องคิดเลยสักนิด
“อ่อว่ากูนี่เอง เฮ้ย...มึงกล้าดียังไงว่ามากู” ผมขึ้นเสียงใส่มันไป พร้อมกำหมัดแน่นทั้ง2ข้าง เพื่อเตรียมพร้อมปะทะกับมัน
“แล้วทีนาย แกล้งใส่น้ำปลาในจานข้าวเราละ” ผมรีบคลายมือที่กำอยู่ออกทันที นี่มันรู้หรอเนี่ยว่าผมแกล้งมัน ผมไม่มีพิรุธอะไรเลยนะ ที่ทำให้มันจับได้
“แล้วไงวะ ก็กูเกลียดมึงไง เลยอยากจะแกล้งมึงก็เท่านั้น”
“แล้วเคยได้ยินไหมว่าเกลียดอะไรมากๆ เข้า แล้วมันจะได้อย่างงั้น” ดูมันพูดออกมาสิ ผมนี่อยากจะชกหน้ามันให้เสียโสมเต็มที ถ้าไม่ติดว่ามีคนเดินพุ่งพลางละก็ ไอ้หมอนี่มันได้สลบลงไปแล้ว
“ไม่มีทางหรอกโว้ย มึงกับกูไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว” ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ออกไป เพราะผมกำลังจะขึ้นปี1 แล้วต้องย้ายไปอยู่หอในชาย คงไม่ได้เจอมันอีกแน่ๆ
“งั้นหรอ ผมก็หวังไว้ให้เป็นแบบนั้นนะ” มันพูดเสร็จ ก็เดินทำหน้านิ่งๆ ผ่านตัวผมไป ผมได้แต่ยืนคิดว่าผมกับมันคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วแหละ นอกจากจะเข้าเรียนมหาลัยเดียวกัน ซึ่งมันคงเป็นไปได้ยาก เพราะมหาลัยที่ผมเรียนอยู่ไกลจากบ้านผม
ถ้าเจอกันอีกคงเรียกว่าพรหมลิขิตแล้วมั่ง ฮ่าๆ .....
แต่สุดท้ายมันก็มีเรื่องไม่คาดคิดกับผมจนได้ โอ๊ยยยย..ทำไมชีวิตผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน