"อย่ามายุ่งกับฉัน เธอไม่มีวันแทนปอได้จำใส่สมองเอาไว้ เธอไม่ได้ครึ่งปอแก้ว ไม่มีวันที่เธอจะแทนได้" "ป่านรู้ดีว่าไม่มีวันแทนพี่ปอได้ ป่านรับรู้มาตลอดว่าป่านไม่มีวันได้ครึ่งพี่ปอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ช่างในชีวิต ป่านไม่เคยสู้พี่ปอได้เลย แต่ตอนนี้พี่ดีแล่นคือสามีตามกฎหมายของป่าน ป่านดูแลพี่ดีแล่นตามหน้าที่ภรรยา" "ภรรยาเหรอ? หึ! เธอไม่มีสิทธิ์ใช้คำนี้ด้วยซ้ำ" "ในทะเบียนสมรส นางสาวป่านทอทอง ภักดีพิพัฒน์ได้จดทะเบียนสมรสกับนายดีแล่น..." ฉันพูดไม่ทันจบเขาก็รีบพูดแทรกขึ้น ใบหน้าบ่งขอกว่าไม่พอใจที่สุด "มันก็แค่กระดาษใบเดียว ผู้หญิงแบบเธอต่อให้อ้าขาให้ฉัน ฉันก็ไม่เอา อย่าคิดมาเสมอเหมือนปอแก้ว เธอไม่มีวันได้เป็น" พี่ดีแล่นปรามาสฉันด้วยถ้อยคำร้ายกาจ ฉันเชิดหน้าขึ้นแล้วพ่นคำพูดเผ็ดร้อนตอกกลับทันที "แล้วพี่คิดว่าป่านอยากได้พี่เป็นผัวเหรอ ป่านไม่ได้อยากได้ พี่ปอก็คงไม่อยากได้เหมือนกัน ถ้าอยากได้พี่เป็นผัว พี่ปอคงไม่หนีไปหรอก มีอย่างที่ไหนรักกันปานจะกลืนกินพอถึงวันแต่งงานเจ้าสาวก็หนีหาย ถ้าพี่ดีจริงเจ้าสาวคงไม่หายหรอกจริงไหมพี่ดีแล่น!" จ้องหน้าพี่ดีแล่นอย่างท้าทาย ในเมื่อเขาอยาบคายกับฉันก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องพูดจารักษาน้ำใจเขา "ป่านทอทอง!" พี่ดีแล่นตะเบ็งเสียงดังลั่น "อย่าปากดีให้มันมาก" "พี่ไม่มีสิทธิ์ว่าป่าน พี่เกลียดอะไรป่านพี่ถึงทำนิสัยแบบนี้ใส่ป่าน" ฉันเริ่มขึ้นเสียงใส่บ้าง "หึ! ฉันไม่ได้เกลียด แต่ฉันไม่ชอบผู้หญิงแบบเธอ"
งานแต่งถูกจัดขึ้นกลางไร่ส้มพวงประภา ฉันอยู่ในชุดสีชมพูหวาน ใบหน้าของฉันเรียบเฉยไม่ได้แสดงความยินดีหรือมีความสุขเลยแม้แต่น้อย ฉันควรจะมีรอยยิ้ม ฉันควรจะมีความสุขกลับวันที่แสนน่ายินดีแบบนี้
แต่เปล่าเลย ฉันกลับไม่ได้รู้สึกยินดีกับงานแต่งนี้เลยสักนิด ฉันเพียงแค่เป็นเงาของผู้หญิงที่ฉันรัก เธอเป็นพี่สาวฝาแฝดของฉัน
ฉันแต่งงานแทนพี่สาว พี่ของฉันหนีไปตั้งแต่เมื่อคืน เป็นฉันที่ต้องแต่งแทน แต่งกับผู้ชายที่ฉันรัก แต่งกับผู้ชายที่ฉันรักมาหลายปี แต่เขาไม่เคยรักฉันสักนิด
"ป่านช่วยพี่ด้วย พี่ไม่อยากแต่งกับพี่ดีแล่น"
"พี่ก็รู้พี่ดีแล่นรักพี่มาก ถ้าพี่หนีไปพี่เขาคงเสียใจ อีกอย่างป่านก็ไม่เห็นทางออกเรื่องนี้ ป่านจะช่วยพี่ได้อย่างไร"
"ป่านต้องแต่งงานกับพี่ดีแล่น ป่านต้องแต่งกับเขาแทนพี่"
"จะแต่งแทนได้ยังไงคะถ้าพี่ดีแล่นรู้เรื่องนี้ ความรู้สึกของเขาจะเป็นยังไง"
"ช่วยพี่นะป่านพี่ขอร้อง ให้พี่กราบป่านพี่ก็ยอม"
คำขอร้องที่แสนน่าอึดอัด ตอนแรกฉันก็คิดว่าพี่สาวของฉันพูดเล่น ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย ก่อนนอนฉันก็อยากเห็นพี่ดีแล่นกับพี่ปอแสดงความรักกันอยู่เลย
แต่พอถึงตอนแต่งหน้าเจ้าสาว พี่สาวของฉันก็หายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงจดหมายเล็กๆขอร้องไม่ให้ฉันพูดเรื่องที่พี่ฉันหนีไป ขอร้องไม่ให้ฉันบอกใครเรื่องนี้
มันน่าตลกดีว่าไหมคะ การที่เราแต่งงานกับคนที่รักแทนพี่สาว ฉันรู้ดีเลยว่านับจากนี้ ชีวิตของฉันต้องเจอกับอะไร
"ไปกันได้แล้วยัยป่าน" แม่เสียงแข็งไม่พอใจ หลังจากที่บังคับฉันอยู่นาน ฉันก็ตกลง ฉันจำต้องทำตาม ชีวิตฉันเหมือนกำลังเดินเข้าหากองไฟ รู้ว่าจะต้องร้อนรนต้องถูกเผาต้องเจ็บปวดแต่ฉันก็ทำ
ครอบครัวพี่ดีแล่นก็ไม่อยากเสียหน้า งานแต่งจึงดำเนินต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนต่างกลัวเสียหน้าเสียตา ไม่สนความรู้สึกของลูกๆเลยแม้แต่น้อย
"ยัยปอเป็นเด็กดีจะตาย หนีงานแต่งแบบนี้ต้องมีเหตุจำเป็นอะไรแน่ๆ เสร็จงานนี้ต้องเกณฑ์คนตามหา" แม่พูดพลางทำหน้ากังวล แต่ฉันไม่พูดอะไรต่อ ฉันรู้ทุกอย่างแค่ฉันไม่พูดมันออกมา พูดไปแม่ของฉันก็เสียใจ สู้ให้ท่านรับรู้ว่าพี่สาวของฉันเป็นเด็กดี เป็นผู้หญิงน่ารักเรียบร้อยแบบนี้จะดีกว่า
ถ้าพูดสิ่งที่ฉันแบกรับออกมา ฉันกลัวแม่ฉันจะรับไม่ได้ กลายเป็นฉันที่ชั่วใส่ร้ายพี่สาวเอง ท่านรักพี่ปอมากกว่าฉัน พี่ปอเก่งกว่าฉันทุกอย่างเป็นหน้าเป็นตาให้แม่ ส่วนฉันเรียนหนังสือไม่เก่ง ไม่เคยทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้เท่าพี่ปอเลย
แม่พาฉันเดินไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนหน้าตึง ใบหน้าของเขาแดงก่ำลามไปถึงใบหู ผู้คนมากมายต่างมาร่วมแสดงความยินดี
ฉันสวมรอยเป็นพี่ปอได้อย่างเเนบเนียน ฉันกับพี่ปอเราหน้าเหมือนกันมาก ถ้าคนไม่สนิทจริงๆแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าคนไหนปอคนไหนป่าน
"ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยแม่" พี่ดีแล่นเอ่ยแล้วดึงแขนแม่เดินไปอีกทาง ส่วนแม่ฉันก็รีบเดินตาม ฉันลังเลอยู่นานก็เลยเดินตามเช่นกัน
"แม่จะให้แต่งกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?"
"แค่แต่งเอาหน้าเอาตาไว้ก่อน ถ้าคนไร่นู่นรู้ว่าลูกงานแต่งล่มเขาลงสมน้ำหน้า แม่ไม่อยากให้ใครมาพูดหรือนินทาเราให้เสียหน้า"
"ผมไม่แคร์!"
"แต่แม่แคร์ ป่านแต่งในนามหนูปอนะดีแล่น ถ้าหนูปอกลับมาลูกก็ใช้ชีวิตปกติกับเธอ ทุกคนจะรับรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ลูกแต่งกับหนูปอ"
"แต่มันคนล่ะคนกัน ผมอยากรู้ว่าปอไปไหน"
"ทุกคนก็ไม่รู้เหมือนกัน โทรหาใครก็ไม่มีใครรู้เลย งานแต่งเสร็จทุกคนก็จะช่วยกันตามหา ถ้าครบ24ชั่วโมง แม่ปริมจะไปแจ้งความ"
"ยกเลิกงานแต่งเถอะ ผมจะไปตามหาเธอ"
"ยกเลิกงานไม่ได้ ทำแบบนี้มันดีกับทุกฝ่ายแล้วลูก ช่วยรักษาหน้าแม่ไว้หน่อยนะ" พี่ดีแล่นเงียบ ส่วนฉันก็ไม่กล้าพูดเช่นกัน
ฉันหันหลังเดินกลับไม่อยากจะเสียมารยาทอยู่ฟังอีกแล้ว ถ้าเขายกเลิกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้างานดำเนินต่อ ฉันก็ต้องแต่งกับพี่ดีแล่น ฉันยอมทุกคนมาตลอดไม่ว่าจะตอนเด็กหรือว่าตอนโตก็ตาม
เขาเดินกลับมาพร้อมแม่ฉันกับแม่พี่เขา ส่วนพ่อเราสองคนไปดูความเรียบร้อยอีกฝั่ง พี่เดินแล่นเดินมายืนข้างฉันแล้วรับแขก เขายิ้มฝืนๆ ฉันรู้ว่าเขาเสียใจและโกรธที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น
แต่ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป ...
"พี่ดีแล่นหิวน้ำไหม?" ฉันเอ่ยขึ้น แต่พี่เขายังคงนิ่งไม่สนคำพูดฉัน "พี่หิวหรือเปล่าป่านจะเอามาให้ดื่ม"
"ไม่" คำเดียวสั้นๆห้วนๆ ที่เขาเอ่ยออกมา แต่ไม่เป็นไรคงเขาหงุดหงิดที่ไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก เจ้าสาวหายทั้งที่จะแต่งกันอยู่แล้ว เขาย่อมรู้สึกแย่เป็นธรรมดา
"ตอนจดทะเบียน เซ็นชื่อเป็นชื่อหนูป่านเลยนะ"
"อะไรนะคะ?" ฉันหันไปมองหน้าพ่อชนะพล รู้สึกงงมากๆฉันแต่งงานในนามพี่สาวแต่ทำไมต้องจดทะเบียนสมรสเป็นชื่อตัวเอง
"พ่อบอกให้หนูเซ็นเป็นชื่อหนู เวลาหย่าก็หย่าชื่อหนูมันง่ายและถูกต้องที่สุดเเล้ว มันง่ายถูกต้องตามกฏหมายด้วย"
"แต่เราไม่จดทะเบียนสมรสกันก็ได้นี่คะ"
"ถ้าไม่จดงานแต่งก็ไม่สมบูรณ์สิลูก พ่อว่าจดทะเบียนเป็นชื่อหนูแหละดีที่สุดแล้ว"
"ก็ได้ค่ะ" ฉันพยักหน้ารับคำน้อยๆแล้วจรดปากกาเซ็นชื่อของตัวเองลงทะเบียนสมรส พอเซ็นเสร็จพี่ดีแล่นก็ดึงไปเซ็นชื่อตัวเอง
"ปอกลับมาก็หย่าให้ฉันด้วย!"
"ค่ะ" ฉันพยักหน้า แต่สายตาที่พ่อชนะพลมองฉันกับพี่ดีแล่น มันเป็นสายตาที่มีแต่ความดีใจ ปลื้มใจ
งานแต่งดำเนินไปเรื่อยๆ ฉันเองก็อึดอัดเขาเองก็อึดอัดเช่นกัน จนกระทั่งพิธีเข้าหอทุกคนต่างอวยพรให้เราสองคนมีความสุข มันไม่ใช่ความสุข แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เท่านั้น
"พี่ดีแล่นจะอาบน้ำไหมคะ?" ฉันยิ้มมองหน้า พี่ดีแล่นทำหน้าเหมือนเบื่อระอาฉันเต็มทน ในเมื่อฉันแต่งงานกับพี่ดีแล่นฉันก็ต้องดูแลอย่างดีที่สุด
จนกว่าพี่สาวฉันจะกลับมา...
++++++++++++++++++++++
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล