มิรา กนกชนากาญจน์ดีไชเนอร์ชื่อก้องโลกของห้องเสื้อแบรนด์ดังจากมิลาน อดีตทายาทมหาเศรษฐีคนเดียวของเจ้าสัวปราณ เธอกลับมาบ้านในรอบสิบสองปีหลังจากถูกยื่นคำขาดจากท่านเจ้าสัวว่าจะยกทุกอย่างให้ปถวีกับหลานสาวฝาแฝดของเธอมิราจำต้องพับเก็บความโกรธและทิฐิมานะเอาไว้ รีบกลับมาทวงคืนมรดกหลายพันล้านคืน เธอจะไม่ยอมให้ใครฮุบสมบัติที่เป็นของเธอไปอย่างเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะยอมให้สักเศษเสียวกระเด็นไปถึงทายาทนอกสายเลือดอย่างเขา เหมืองปราณปุราอดีตเหมืองใหญ่ที่สุดของเมืองกาญจน์ที่ล่มสลายลงหลายสิบปีถูกกลับมารื้อพื้นขึ้นมาอีกครั้งจากน้ำมือของ “ปถวี”เขาพลิกพื้นผืนดินที่ปล่อยทิ้งร้างมานานให้กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจร ขยายไร่จากสองพันไร่ให้เป็นห้าพันไร่ภายในระยะเวลาเจ็ดปี “ไม่แต่งก็ได้...แต่สมบัติจะถูกแบ่งตามพินัยกรรม” ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ไม่ได้! หนูไม่ยอมให้สมบัติไปตกอยู่ในมือปลิงเปลือกทองอย่างหมอนั่นเด็ดขาด” “ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องแต่ง ปู่ให้เลือกว่าจะจดทะเบียนกันเงียบๆ หรือ จัดพิธีใหญ่โตที่สุดแต่ไม่ต้องจดทะเบียนก็ได้”
“ข้าพเจ้านายปราณ กนกชนากาญจน์ ขณะทำพินัยกรรมฉบับนี้มีสภาพร่างกายและจิตใจสมบูรณ์ดี ข้าพเจ้าของแบ่งทรัพย์สินของข้าพเจ้า ดังนี้ ทรัพย์สินทั้งหมดของข้าพเจ้าจะถูกแบ่งเป็นสามส่วนเท่ากัน ส่วนแรกมอบให้นางสาวมิรา กนกชนากาญจน์ทายาทโดยชอบธรรมของนายปุรา กนกชนากาญจน์พี่ชายของข้าพเจ้า ส่วนที่สองมอบให้นางเมขลา เด็กหญิงปารานินและเด็กหญิงนารานิน กนกชนากาญจน์ภรรยาและบุตรของข้าพเจ้า ส่วนที่สามมอบให้นายปถวี กนกชนากาญจน์ บุตรบุญธรรมของข้าพเจ้า ซึ่งนางสาวมิราจะมีสิทธิในกองมรดกสองส่วนหากเธอแต่งงานกับนายปถวี กนกชนากาญจน์ กรณีดังกล่าวสมบัติสองส่วนจะตกเป็นสินสมรส และเมื่อเกิดกรณีหย่าร้างไม่ว่ากรณีใดๆ ภายหลังการแต่งงานเ
กินสองปี นายปถวีจะไม่มีสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินใดๆ ในกองมรดกทั้งสิ้น นอกจากที่ดินหนึ่งร้อยไร่ริมแม่น้ำ อันเป็นสมบัติที่เกิดจากเงินส่วนตัวของนายปถวีเอง”
มิราอ่านทวนข้อความในจดหมายที่ทนายความส่งมาให้ซ้ำๆ ทุกตัวอักษรผลึกตราตรึงอยู่ในหัวใจด้วยความเคียดแค้น สมบัติที่คิดว่ามันต้องเป็นของเธอทั้งหมดกลับถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คนพวกนั้นแค่ชุบมือเปิบอย่างหน้าไม่อาย
หญิงสาวเหม่อมองบนหน้าจอตรงหน้า จ้องมองเวลาของเครื่องบินที่เธอโดยสารขยับเข้าใกล้เวลาแตะพื้นเมืองไทยอย่างใจจดใจจ่อ...
ทันทีที่เครื่องบินแลนดิ้งลงแตะพื้นสนามบิน หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดึงสายตาจากจอกลับคืนมาสำรวจตัวเอง เธอตอบตัวเองว่าพร้อมที่เผชิญทุกปัญหา
สิบสองปีที่เธอเดินทางไปเรียนที่ต่างประเทศ เธอมีโอกาสเหยียบย่างกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยอีกเพียงครั้งเดียว หลังจากที่ปู่เล็กของเธอก็แต่งงานใหม่เธอก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย เพราะความโกรธและทิฐิถือดีที่อยู่ในตัวหญิงสาวทำให้เธอเลือกที่จะต่อต้านแทนการยอมรับ
หากแต่ครั้งนี้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ทุกเหตุผลบีบบังคับให้เธอต้องกลับมาทวงคืนสิทธิของตัวเอง เธอจะไม่มีวันยอมให้ทายาทนอกไส้อย่างนายปถวีได้สมบัติที่เป็นส่วนของเธอไปได้อย่างเด็ดขาด
หญิงสาวรูดซิปเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูจากด้านในออกมา กรีดกรายปลายนิ้วลงบนหน้าจอทัชสกรีน เช็คและคำนวณ
เวลาคร่าวๆ ในการเดินทางกลับบ้าน
หญิงสาวกลับมาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครทั้งสิ้นแม้กระทั่งคนในครอบครัว เธออยากรู้และอยากเห็นหน้าคนพวกนั้นใจแทบขาด หลังจากได้รับจดหมายแจ้งจากทนายความประจำตระกูลเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเธอก็แทบอดทนรอวันไม่ไหว แต่ด้วยภาระหน้าที่การงานทำให้เธอต้องสะสางงานที่ยังคั่งค้างอยู่ให้จบลงเสียก่อน
สิ่งที่กระตุ้นให้หญิงสาวเกิดความร้อนรนในใจ คือข่าวที่พี่เลี้ยงคนสนิทในวัยเด็กแอบส่งให้เธอ เจ้าสัวกำลังหลงครอบครัวใหม่มาก สิ่งนั้นยิ่งทำให้เธอจะกลับมาเจอหน้าพวกเขา
มิราประกาศก้องกับตัวเองในใจ เธอไม่ยอมให้ปู่เล็กของเธอยกสมบัติในส่วนที่เป็นของเธอให้กับคนอื่นอย่างปถวีเด็ดขาด
ใบหน้าบึ้งตึงบอกถึงความไม่พอใจอย่างหนักหน่วง เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องรีบกลับมา หญิงสาวรอสัญญาณเตือนของเครื่องบินให้หยุดลงด้วยหัวใจร้อนรุ่ม จนกระทั่งไฟเตือนหยุดกระพริบ เครื่องจอดสนิทที่งวงเชื่อมตัวเครื่องกับสนามบิน
มิรารีบคว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนตัก กรีดปลายเท้าเรียวก้าวออกมาจากที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสของเธอและก้าวออกไปอย่างเร็วด้วยท่าทางมุ่งมั่น แม้จะอยู่บนส้นรองเท้าสูงเกือบหกนิ้วก็ตาม
หลังจากที่พ้นออกจากเกตขาเข้าไม่ถึง 10 นาที สายตาของหญิงสาวก็เหลือบไปเห็นภาพข่าวงานเปิดตัวธุรกิจอะไรสักอย่าง สิ่งที่เห็นบ่งบอกได้ถึงความหรูหรามีระดับ เธอจะไม่ใส่ใจสักนิดหากบนจอนั้นไม่มีเจ้าสัวปราณยืนอยู่ มือเล็กของหญิงสาวกำแน่นเข้าหากันด้วยความโกรธ ริษยาผู้หญิงที่ยืนขนาบข้างเจ้าสัววัยเลยปลดเกษียณ คาดเดาด้วยสายตาผู้หญิงคนนั้นคงจะอายุไม่ต่างจากเธอมากเกินหนึ่งรอบ
หญิงสาวเบ้หน้าด้วยความไม่พอใจ
“คนนี้นะหรือเมียปู่เล็ก มีเมียเด็กอย่างนี้ก็น่าอยู่หรอกที่จะหลงหัวปักหัวปำ” หญิงสาวพูดกับตัวเองอย่างหมั่นไส้ ทิ้งหางตามองจออีกครั้งก่อนจะก้าวเดินฉับฉับออกไปจากตัวอาคาร เป้าหมายคือบริการขนส่งมวลชนที่สะดวกที่สุดของคนกรุงเทพ
“ไปคฤหาสน์กนกชนากาญจน์ สุขุมวิท21” หญิงสาวสั่งพนักงานขับรถทันทีที่เธอขึ้นไปนั่งบนรถเป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าของเธอยังคงเชิดรั้นตึง
“ครับ” พนักงานขับรถ บอกอย่างนอบน้อมและออกรถไปอย่างนิ่มนวล
เธอ...ถูกส่งตัวมาทดสอบถุงยางบริษัทของเขา แต่พลาดท้อง เขา...เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และไม่ยอมรับ และหาว่าเธอหน้าเงิน หญิงสาวต้องหอบลูกพิสูจน์ "เด็กคนนี้คือลูกของเขา" แต่ไม่คิดอยากได้พ่อเด็กหรอกนะแค่จะสวยให้หมามันน้ำลายหกเล่น ผัวที่ดีคือผัวใหม่เท่านั้น เธอทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอทำให้เพลย์บอยคลั่งไคล้แม่ลูกอ่อนจนโงหัวไม่ขึ้น และเธอก็ใจแข็งเหลือเกินกลับมาเถอะนะ *************************************** "ฉันท้อง!" "ท้องงั้นเหรอ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันใส่ถุงยางทุกครั้ง และฉันก็มั่นใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฉัน" ลีอาห์แค่นเสียงถาม มองมายาวีย์อย่างดูแคลน สุดท้ายการที่ผู้หญิงที่บอกว่าเกลียดเขาทุกวินาทีกลับมาขอพบด้วยประเด็นเหนือชั้นกว่าเดิม คงหนีไม่พ้น เงิน "หึ! มุกตื้นๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ของผู้หญิงหากิน แค่เธออ้าปากฉันก็มองทะลุปรุโปร่ง คิดจะจับผู้ชายรวยง่ายๆ ฉันไม่ได้มีเขาอยู่บนหัวนะ แล้วก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมรับเด็กที่ไม่รู้ว่าเกิดจากสเปิร์มของใครมาเป็นลูกแน่นอน เล่นผิดคนแล้วล่ะ" "ฉันไม่เคยคิดจะให้คุณยอมรับ ลูกของฉันอยู่แล้ว ฉันเลี้ยงเองได้ ที่มาแค่จะมาบอกว่าฉันจะฟ้องบริษัทของคุณที่ผลิตถุงยางไม่ได้คุณภาพต่างหาก" "เธอจะบ้าหรือไง เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยัน" ชายหนุ่มโกรธ มายาวีย์จ้องกลับอย่างท้าทาย "คอยดูความบ้าของฉันก็แล้วกัน มันจะเป็นตลกร้ายที่คุณจะจำฉันไม่มีวันลืมเลยทีเดียว" ปึก!! มายาวีย์โยนเอกสารลงที่โต๊ะทำงานของลีอาห์ "นี่เป็นผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉัน รอผลตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็ไปเจอกันที่ศาล หรือคุณจะยอมรับว่าใช้ถุงยางอนามัยของบริษัทอื่นทำฉันท้องก็ได้นะ" ไปตามลุ้นกันต่อนะคะ สุดท้ายจะลงเอยแบบไหน แอบกระซิบว่าพระเอกครางเป็นหมาเลยค่ะ นางเอกใจเด็ดมากเลยทีเดียว
เขาเรียกว่าบริหารเสน่ห์ อย่าหาว่าหนูแรดนะคะ นะคะ" "แรดเงียบๆ แอบกินเนียนๆ แต่เซียนต้องหลบ" อันดา เจ้าของสโลแกน ‘ถ้าผู้ชายคิดจะมอมเหล้าแล้วลากเข้าโรงแรม ผู้ชายตายก่อนเพราะเปลือง’ เด็กวิศวะก่อสร้างสุดแสบ สายปาร์ตี้ และนักล่าแต้มบริหารเสน่ห์ อันดาถูกครอบครัวมั่นหมายให้กับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่ลืมตาดูโลกวันแรก เธอเรียกคู่หมั้นว่าห่วงคล้องคอ โซ่ตรวนที่กักขังอิสระของเธอมาตลอดชีวิต เธอตั้งป้อมเกลียดเขา โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอยากเอาชนะหรือความรู้สึกจริงๆ กันแน่ ถึงแม้จะเผลอมีอะไรกับเขาในวันที่เธอเมาหนัก เธอก็สั่งให้เขาลืมเรื่องวันนั้น และห้ามตอกย้ำกับเธออีก เธอไม่แคร์กับเรื่องแค่นั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง…เขายอมหลีกทางให้เธอกับผู้ชายคนใหม่ วันนั้นเธอถึงได้รู้ความจริง ว่าเธอขาดผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ปฏิบัติการตามล่าเฮียเบิ้มกลับมาทำผัวจึงเกิดขึ้น…
เรื่องชุลมุนเกิดขึ้น เพราะเขาดันไปเผลอพลาดท่า มีอะไรกับนักศึกษาฝึกงานเสียนี่ แถมเจ้าหล่อนยังทำเมินต่อพรหมจารีที่สูญเสีย หล่อนทำให้เขาเสียเซลฟ์ขาดความมั่นใจอยู่หลายวัน จนเขาจะต้องค้นหาความจริง หล่อนมีดีอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาลุ่มหลงได้มากขนาดนี้ คีรติหวงความโสดขั้นสุด รอดมือแม่เสือสาวนักล่ามาหลายปี แต่ดันมาตกม้าตาย ติดกับดักนักศึกษาสาว โดนเด็กตกเข้าให้ หัวใจแพ้ลูกอ้อนอ่อนยวบ แต่ร่างกายกลับฟิตปึ๋งปั๋งซะนี่ "เอาสิ! อยากจับตรงไหนก็เชิญ" วิเวียน นักศึกษาฝึกงานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ก่อสร้าง แต่เธอกลับถูกส่งไปดูแลห้องของเจ้านายในกรณีพิเศษ แต่ก็ทำปลาหายากราคาสูงลิบของเขาตายไป 9 ตัว เธอจึงต้องทำงานชดใช้เขาต่อหลังจากฝึกงาน บอสคีย์ ผู้ชายฮอตแห่งปี ควงสาวไม่ซ้ำหน้าแถมดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมลงเอยกับใคร ประธานบริษัทที่แสนดุ เฮี๊ยบและโหดขั้นสุด ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาต้องสมบูรณ์เป๊ะทุกองศา
“รอยจูบ” ที่เธอมอบให้เขาเพราะความสะใจ แต่มันกลับกลายเป็นพันธนาการให้เธอดิ้นไม่หลุด เพลย์บอยร้ายอย่างเขาจะไม่ยอมให้ใครจูบฟรี!
สำหรับปราบ...เขาก็แค่สนุก แต่กลับผูกพันจนอยากกักตัวเธอไว้ สำหรับแป้งฝุ่น เธอแค่รอให้ข้ามคืน แค่กลับเป็นพันธนาการรั้งเธอไว้ชั่วชีวิต
หล่อนถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวกริน และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้ แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!! นายหัวกริน เทวารักษ์ สมิธ(Smith) ผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงในสังคมเมือง แต่เขากลับต้องตกกระไดรับเมียบรรณาการที่มารดาส่งมาให้จากกรุงเทพอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวแรกแย้มที่สามารถแย้มหัวใจด้านชาให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง พลอยขวัญ เพียงเกตุ สาวสวยลูกกำพร้าที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่คนรับใช้ แต่มีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีแต่เธอก็ถูกศยามลกดขี่และล้ำเลิกบุญคุณตลอดเวลา จนเกิดจับพลัดจับพลูได้เดินแบบเฉิดฉายบนแคทวอร์ก สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อพลอยขวัญต้องมานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มเมืองใต้ และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการอย่างไม่ทันตั้งตัว แรกเริ่มจำยอม...ผ่านมารัก...ตัวจริงกลับมาทวงคืน และเธอต้องเลือก...ระหว่าง “กตัญญู” กับ “หัวใจ”
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀