เริงใจในเปลวฝัน ขวัญสุตาต้องการได้เขามาไว้ครอบครอง...เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อใกล้ชิด นภตุลย์ เพื่อเป็นสะพานทอดไปหาคนที่เธอรัก ไฉนเลยเธอจึงมาติดบ่วงเกมสวาทของเขาเเละเพื่อนของเขาเสียนี่ นิยายเรื่องนี้มีฉาก NC ความรุนเเรงทางเพศ เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 20 ปีขึ้นไปและมีฉาก4P --------------- หากชอบนิยายเรื่องนี้สามารถกดคอมเม้นให้กำลังใจกันได้นะคะแล้วอย่าลืมเพิ่มเข้าชั้นหนังสือน้า ------------ พูดคุย Facebook : Agif ดวงดาหลา สรีสามัญ รติธร คมงิ้วเริงรำ
โรงแรมในเครือเวทยาไวทยานันท์
ตึกรูปทรงสี่เหลี่ยมตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเสียดท้องนภา แสงตะวันสาดอาบย้อมท้องคคนานต์ให้เป็นสีทองผ่องอำไพ
หมู่นกกาบินมาเกาะบนสายไฟระย้าที่โยงกันไปมาอย่างไม่รู้ทิศทางในกรุงเทพมหานคร
โรงแรมระดับห้าดาว ‘เวทยานันตา’ ในเครือไวทยากรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่ลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลของคุณคุณอนันต์ เวทยาไวทยานันท์ ผู้ก่อตั้งบริษัทที่เวลานี้เข้าสู่วัยชราแล้ว
อสังหาริมทรัพย์ที่ก่อตั้งขึ้นมาขณะนี้ในมือของคุณอนันต์ไพศาล นักธุรกิจหนุ่มที่ถูกจัดว่าเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวของประเทศในตอนนี้
เหตุก็เพราะเวลานี้คุณอนันต์ไพศาลเลี้ยงลูกคนเดียว คือคุณชยุทธ เพราะภรรยาสาวได้หย่าร้างกับเขาอย่างไม่ปรานีในความสัมพันธ์ครั้งนี้ของเขาอีกต่อไป
กระนั้นอสังหาขนาดยักษ์ใหญ่ที่เขาเพียรสร้างมากลับสร้างกำไรมหาศาลให้กับคุณอนันต์ไพศาล
สื่อต่างประเทศในหลายสำนักข่าวยังพาดหัวไว้อีกว่า โรงแรม‘เวทยานันตา’ โดดเด่นเรื่องการบริการ และคุณภาพของอาหารในห้องอาหารก็ดีเยี่ยมไม่เป็นสองรองใคร
เม็ดเงินที่คุณอนันต์ไพศาลได้ลงทุนเมื่อเทียบกับเงินที่ได้รับมาคุ้มค่าถึงที่สุดในยุคที่เศรษฐกิจกำลังง่อนแง่นนั้นทำให้บริษัทและตระกูลเวทยาไวทยานันต์ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในเวลานี้
‘กริ๊ง’ เสียงโทรศัพท์ของประธานบริษัทวัยกลางคนดังขึ้น ชายหนุ่มวัยกลางคนกดรับปลายสายทันที
“คุณอนันต์ค่ะ” เสียงปลายสายเอ่ยอย่างร้อนรนจนคนรับอดรู้สึกกังวลใจไม่ได้
“ได้เดี๋ยวฉันรีบไป” คนรับสายเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วพลางคว้าสูทตัวโคร่งใหญ่ติดมือมาด้วย
รองเท้าขัดมันจนเห็นเงาวับสาวเท้าเดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกใจของเลขาที่อยู่หน้าห้อง
“เดี๋ยวผมกลับมา ประชุมกันไปก่อนเลย” เสียงเข้มของชยุทธเอ่ยกล่าวกับเลขาสาวหน้าห้องของเขา
“ค่ะท่านประธาน” เลขาสาวรับคำ
รถสปอร์ตคันหรูทะยานออกไปตามเส้นทางที่มันเคยไป ประธานบริษัทวัยกลางคนบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็วทว่าชยุทธ์จำต้องเหยียบเบรกอีกครั้งเมื่อการสัญจรข้างหน้าแน่นขนัด
“รถมาติดอะไรในเวลานี้เนี่ย” เสียงเข้มของประธานบริษัทในเครือไวทยากรุ๊ปเอ่ยอย่างหัวเสีย
ทว่าเมื่อรถยนต์คันหรูผ่านพ้นไฟแดงมาได้ รถสปอร์ตคันโก้กลับทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง
“พ่อรอผมก่อนนะ ผมจะไปให้ทัน” ประธานบริษัทหนุ่มกล่าว แล้วหมุนพวงมาลัยรถไปตามเส้นทางที่เคยสัญจรเป็นประจำ
เคหาสน์ไวทยาเวทยานันท์
“คุณพ่อ” เสียงร้องไห้ดังขึ้นท่ามกลางความเสียใจของคนใช้ในบ้าน และลูกหลานที่มาเฝ้าดูแลคุณอนันต์ ไวทยาเวทยานันต์มหาเศรษฐีบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง
“ขวัญวัจนี พ่อยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งทีเกิดจากแม่กรองใจ” คุณอนันต์ ไวทยาเวทยานันต์เอ่ยขึ้นพลางไอออกมาอย่างหนัก
“ขวัญสุตา ไวทยาเวทยานนันต์ เท่านั้นที่จะรับมรดกเคหาสน์ที่ดินที่อยู่ใกล้ที่นั่นได้” ผู้ก่อตั้งบริษัทวัยชราเอ่ยอย่างตะกุกตะกักกับขวัญวัจนี ผู้เป็นบุตรสาวคนโตของภรรยาเอก
“เราจะหาเธอเจอได้อย่างไรคะคุณพ่อ” ขวัญวัจนีเอ่ยถามทั้งน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองข้างของหญิงวัยกลางคน
“เธอจะสวมสร้อยหยกประจำตระกูลเรา ลูกต้องหาเธอให้พบพ่อจะได้ไปสวรรค์กับเขาสักที” อนันต์ยังไม่ทันพูดจบประโยค ร่างของชายวัยชราก็พลันกระตุกแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
มือหนาของชายชราที่ขวัญวัจนีจับอยู่เมื่อครู่ตกลงไปแล้วทว่าหญิงวัยกลางคนได้ทำใจไว้แล้ว
“ป้าจะตามหาหนูเอง ขวัญสุตา” ขวัญวัจนีกล่าวพลางปล่อยมือของผู้จากไปลงอย่างแผ่วเบา
การจากไปของอนันต์ เวทยาไวทยานันท์ สร้างความเสียใจให้กับลูกหลานในตระกูลอย่างมาก โดยเฉพาะชยุทธที่มามาทันได้ดูใจพ่อของตนเองเพราะมัวแต่เซ็นเอกสารของบริษัทอยู่
บริษัท S.A.D.
“ขวัญๆ นัทได้ข่าวว่าจะมีปาร์ตี้บริษัทนี่” นัทรียาเอ่ยขึ้นกับขวัญสุตา เมเนเจอร์สาวที่กำลังขมักเขม่นอยู่กับการเซ็นเอกสารในห้องทำงานแห่งหนึ่ง
“ใช่จะมี ฝ่ายการตลาดเป็นคนจัด” ขวัญสุตากล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาของอีกฝ่าย
นัทรียาและขวัญสุตาอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่หลังโตซึ่งขวัญสุตาเป็นเด็กสาวที่มารดาของนัทรียาได้เก็บขวัญสุตามาเลี้ยงดู ด้วยเหตุนี้เองขวัญสุตาและนัทรียาจึงสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
ขวัญสุตาเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ส่วนนัทรียาก็ลงเรียนนิเทศเหมือนกัน แต่คนละสาขา
นัทรียาเลือกเรียนสาขาการตลาดแบรนด์ ส่วนหญิงสาวเลือกเรียนสาขาวารสารศาสตร์ทว่าความชอบในงานศิลปะมีมากกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ขวัญสุตาได้จับผลัดจับผลูมาเป็นเมเนเจอร์ด้านกราฟฟิกดีไซน์โดยเฉพาะ ส่วนนัทรียาก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยเมเนเจอร์ฝ่ายขาย
“เห็นว่างานเลี้ยงจะจัดที่โรงแรมนะ” ขวัญสุตาเอ่ยขึ้นแล้วรวบกองเอกสารไว้บริเวณนั้น
“อ๋อ” นัทรียาเอ่ยแล้วหันไปหยิบการ์ดเชิญที่ขวัญสุตาทำขึ้นมาดูแล้วเอ่ยถามหญิงสาว
“แล้วห้องนอนที่โรงแรมเป็นห้องคู่หรือห้องเดี่ยวละ” นัทรียาเอ่ยถามขวัญสุตาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น
“น่าจะห้องคู่นะ” ขวัญสุตาเอ่ยออกมาหลังจากนิ่งคิดไปเพียงชั่วครู่
“เอ๋...แล้วอย่างนี้ขวัญสุตาคนเก่งจะนอนกับใครดีน้า” นัทรียาเอ่ยกระเซ้าเพื่อนสนิทสาวอย่างยั่วเย้า
“จะนอนกับใครได้เล่า ก็คุณนภตุลย์มั้ง” ขวัญสุตากล่าวลอย ๆทว่าใบหน้าของหญิงสาวแดงซ่าน
“...เอ่อ” นัทรียาเอ่ยแค่นั้นก็หมุนตัวกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง
“อ้าวนัทขวัญจะไปร้านคาเฟ่ นัทจะเอาอะไรไหม” ขวัญสุตาเอ่ยถามเพื่อนสนิทสาวของเธออย่างจริงใจ
“อ๋อ...เอานมกล่องหนึ่ง” นัทรียากล่าวเสียงเข้ม
“ได้เดี๋ยวขวัญซื้อมาฝาก” ขวัญสุตาเอ่ยพลางหมุนตัวแล้วสาวเท้าเดินออกไป
ร้านคาเฟ่ข้างบริษัท
“เอาเค้กอันนี้ค่ะ / ครับ” เสียงของขวัญสุตาเอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงปริศนาของชายหนุ่ม
ขวัญสุตาชะงักในน้ำเสียงอันคุ้นเคยของชายหนุ่ม หญิงสาวหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขาทันที
“อ้าวคุณศร” ขวัญสุตาเอ่ยทักทายชายหนุ่มด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“สวัสดีครับคุณขวัญ” สรศักดิ์เอ่ยกับหญิงสาวด้วยท่าทีสุภาพ
“เป็นอย่างไรบ้างคะกับตำแหน่งใหม่” ขวัญสุตาเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสดใสกว่าเดิม
“ก็สนุกดีครับ แต่ผมว่ามันต้องมีการเจาะกลุ่มการตลาดมากกว่านี้” สรศักดิ์เอ่ยขึ้นพลางวิจารณ์อย่างออกรสออกชาติ
“งั้นเหรอคะ” ขวัญสุตากล่าวกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียจนสะดุดใจชายหนุ่มอย่างสรศักดิ์
ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นใครเป็นหญิงสาวมหัศจรรย์แบบเธอเลย แววตาสดใสและน้ำเสียงร่าเริงของขวัญสุตาสร้างความสนใจและดึงดูดใจให้แก่สรศักดิ์โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว
“อุ๊ย สายแล้วขวัญขอตัวขึ้นไปทำงานก่อนนะคะ” ขวัญสุตาเอ่ยกับชายหนุ่มแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปที่แคชเชียร์เพื่อชำระเงินอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้สรศักดิ์ยืนมองขวัญสุตาที่เดินหายลับไปจนเหลือแต่ฝุ่นควัน
ผ่านไปหนึ่งเดือน
ความสัมพันธ์ของขวัญสุตากับสรศักดิ์คืบหน้าอย่างมาก เวลามีปัญหาสรศักดิ์มักจะเข้ามาซักถามเธอก่อนเป็นคนแรก ทำให้หญิงสาวได้แลกเปลี่ยนความคิดแก่เขามากมาย
เวลานี้สรศักดิ์เป็นแค่เพียงเพื่อนสนิทของขวัญสุตารองจากนัทรียาเท่านั้น อีกไม่นานเขาน่าจะตีตื้นเพื่อนสาวของเธออย่างนัทรียาได้
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาสรศักดิ์ชวนเธอไปเลือกซื้อชุดว่ายน้ำ ขวัญสุตาก็ลากนัทรียาไปด้วย ทำให้เธอได้เจอกับนภตุลย์ที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเมเนเจอร์ฝ่ายการตลาดอย่างสรศักดิ์
โรงแรมหรูหราระดับห้าดาว
“ได้มาพักอย่างนี้ก็ดีนะ” นัทรียากล่าวกับขวัญสุตาขณะที่หญิงสาวและพนักงานทั้งหมดก้าวลงจากรถของบริษัท
“นั่นสิ...ขวัญเห็นด้วย” ขวัญสุตาเอ่ยกับเพื่อนสาวแล้วบิดตัวไปมาอย่างเคยชิน
“เอ้อ ขวัญมีปาร์ตี้ตอนเย็น ขวัญจะไปไหม” นัทรียาเอ่ยถามขวัญสุตาอย่างสงสัย
“ดูก่อน ขวัญอาจจะพักอยู่ข้างบน เดี๋ยวขวัญขอตัวก่อนนะ” ขวัญสุตากล่าวแล้วขอตัวไปรับคีย์การ์ดจากสรศักดิ์เสียก่อน
ขวัญสุตาเดินก้าวออกไปนานแล้ว หญิงสาวเดินผ่านหน้านภตุลย์และกลุ่มเพื่อนร่วมงานชาย
“ศร ไหนคีย์การ์ดขวัญล่ะ” ขวัญสุตากล่าวกับสรศักดิ์อย่างรวดเร็ว
“อ้าวไม่รอขึ้นไปพร้อมนัทเหรอ” สรศักดิ์เอ่ยทักท้วงขวัญสุตาขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ไม่ล่ะขวัญรู้สึกปวดหัว เดี่ยวขอตัวไปนอนดีกว่า” ขวัญสุตาเอ่ยกับชายหนุ่มราวกับเด็กน้อยเอาจอมขี้เกียจ
มือหนาของสรศักดิ์ส่งคีย์การ์ดให้กับขวัญสุตาอย่างรวดเร็วทว่าจนแล้วจนรอดมือของเขาก็ยังไปโดนมือของขวัญสุตาอยู่ดี
“ขอตัวก่อนนะคะศร” ขวัญสุตาเอ่ยแก้เก้อ หญิงสาวรีบจ้ำอ้าวขึ้นห้องพักในโรงแรมไปทิ้งสรศักดิ์ให้มองมือตนเองอย่างเหม่อลอย
นิยายจอมใจฮิปปาเรียนี้จะถูกเรียกว่าหนังสือชุด #อาณาจักรฮิปปาเรีย ค่ะ โดยซีรีส์อาณาจักรฮิปปาเรียมีนิยายทั้งหมด 10 เล่ม ดังต่อไปนี้ 1.จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย 2. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 2 ผจญภัยป่าดงดิบฮานาบี 3. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 1 กำเนิดรัชทายาทฮิปปาเรีย 4. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 2 นางบรรณาการแคว้นดิมาเรีย 5. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ปราบกบฎบัลลังก์สราเนีย 6. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ห้าเจ้าหญิงผู้นำทางปริศนา 7. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 1 หนึ่งเดียวในหทัย 8. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 2 อาณาจักรฮิปปาเรีย 9. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 1 เจ็ดขุนนางผู้พิทักษ์ 10. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 2 ราชอาณาจักรฮิปปาเรีย นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการของ "ดวงดาหลา" เองค่ะ ดินแดนฮิปปาเรียเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนเฝ้าฝันถึง จอมใจฮิปปาเรีย มีสี่ภาค แต่ละภาคแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ รับรองค่ะว่า เข้มข้น หวานซึ้ง ตรึงใจทุกคนแน่นอนค่ะ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหน ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนียได้แล้ว ณ บัดนี้ Duangdala Talk ดวงดาหลากลับมาเเล้วค่ะ หลังจากติดภารกิจมานาน รี้ดทุกคนสามารถคอมเม้น หรือกดใจทั้ง 5 ให้ดวงดาหลาได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ #ดวงดาหลา ป.ล. นักอ่านท่านใด หรือ ใครอ่านเเล้วมารีวิว มาเม้นมาพูดคุยกันกับดวงดาหลา ได้น้า
พจน์ศรัช โคฟาวเดอร์ หนุ่มที่ได้โคจรมาพบกับธาสิกา คู่หมั้นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เรื่องราวชุลมุนยิ่งขึ้นเมื่อคู่หมั้นคนก่อนเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาในสถานอโคจรที่เขาต้องมีเอี่ยวไปด้วย งานนี้ธาสิกาจึงต้องลงมือสืบสาวเรื่องราวด้วยตัวเอง งานแต่งยังคงดำเนินต่อไป และใครกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของยศรินทรา แฝดพี่ของธาสิกา ไม่รู้ว่าจะเรียกพรหมลิขิตเขียนไว้หรือจะเป็นบาปเวรแต่ชาติปางไหน...เมื่อหัวใจรักของเขาทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
“เพ่ยอินเหยาข้านี่แหละยอดขุนพลสตรี เล่ม 1” นิยายรักจีนโบราณสายบู๊และบุ๋น ‘อินตูตู’ ขุนพลสตรีผู้มีศักดิ์เป็นแม่ทัพคุมค่ายพลทหารชาวฉินเพื่อออกรบในสมรภูมิทีเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแคว้นฉี หากการมาแคว้นฉีไม่ได้มีเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น ทว่าการมาครั้งนี้ของนางมาเพื่อแก้ปมปริศนาสตรีที่หายไปในแคว้นฉินด้วยต่างหาก สงครามระหว่างแคว้นฉินและฉีจะจบลงเช่นไร แล้วใครกันเป็นผู้บงการเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ จุดเริ่มต้นความน่าสะพรึงกลัวของทุกสิ่งที่จารีย์ได้เจอนั้นมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าแห่งนี้ ภายนอกงดงามหากแต่ภายในกลับรกร้างราวกับไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน แรงแค้น แรงพยาบาท แรงอาฆาต ของสิ่งลี้ลับยังคงวนเวียนตามจองกรรมทวงถามความเป็นธรรมอย่างที่พวกมันรอคอยตลอดมา! +++ นรีกุลรับรู้ถึงอุณหภูมิที่กำลังทวีความคุกรุ่นในเรือนกายของหล่อน เรียวปากบางของเขาซอนไซ้ไปยังใบหูของนรีกุลจนหญิงสาวเผลอไผลร้องซี้ดปากด้วยความสุขใจ มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมปลดตะขอชุดที่นรีกุลสวมใส่อยู่ เขาแนบเรือนกายของหล่อนให้ผสานกับเขาอย่างลุ่มหลงในตัวของนรีกุล หญิงสาวปิดเปลือกตาของหล่อนลงอย่างพลั้งเผลอ ความหวามไหวแทรกไปทั่วอณูของนรีกุล ภรรยาของนัฐธวีร์ปิดเปลือกตาลงไปแล้ว หากแต่เวลานี้ดวงวิญญาณร้ายของกรวีร์ยังคงทำงานตามคำสั่งของเดรัจฉานต่อไป นิ้วเรียวของวิญญาณร้ายซอนไซ้เข้าไปยังปากถ้ำสวรรค์ของหญิงสาว นรีกุลบิดตัวแล้วครวญเสียงหวานจนนัฐธวีร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าความอ่อนเพลียจากการเดินทางในระยะเวลานานทำให้เขาฟุบหลับไป หนุ่มสาวสองคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของกรวีร์ได้เสพสมเรือนกายของนรีกุลอย่างอุกอาจ และดวงจิตของนัฐธวีร์ได้ถูกเรียกจิตไปโดยสัตว์ร้ายในคราบของสาวงามเสียแล้ว!
"วันดับนางริษยา" นิยายแนวสยองขวัญกระตุกประสาทที่จะมาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ มาร่วมค้นหาบทสรุปในนิยายเล่มนี้กันค่ะ
"วันดับนางริษยา" นิยายสยองขวัญกระตุกประสาท #ดวงดาหลา ที่จะพาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง เมื่อรักไม่อาจแบ่งใจนรีกุลจึงต้องแบกรับทั้ง นัฐธวีร์ คนเป็น และคนตายในคราเดียวกัน นรีกุลจะทำเช่นไรต่อไป...ความรัก แรงอาฆาตเปลวพยาบาทของพวกเขาจะเผาหญิงสาวให้ตายทั้งเป็นหรือไม่! มาร่วมค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ ++++++++++++ โปรปราย เวลานี้นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้อีกแล้วหากแต่ท้องของหล่อนกับปวดมากราวกับเป็นไส้ติ่งอักเสบ หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้รอดพ้นจากการเกาะกุมของวิญญาณร้ายที่เธอเชื่อว่าติดตามมา หญิงสาวเปิดตามองไปยังด้านบนก็พบว่าเธฮนอนใกล้คาน ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่อเวลานี้มีวิญญาณร้ายนั่งอยู่บนคานสูงเหนือหัวของเธอ วิญญาณร้ายที่นั่งแกว่งขาไป,kอยู่นั้นราวกับว่าจะเห็นเธอ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปเข้าจมูกของหญิงสาวอย่างจัง จนเธอต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหล่อนทำให้หญิงสาวช็อคสุดขีดเมื่อเวลานี้ศีรษะของวิญญาณร้ายค่อยๆห้อยลงมาจรดยังจมูกของเธอ นรีกุลหวีดร้องอย่างดังลั่นพลางออกปากไล่อย่างตระหนกสุดขีด หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"