“คำสาปบัญชารัก The Love of Aamands” นิยายรักที่ฉีกทุกกรอบของแนวคิดความเป็นนิยายรัก แต่ยังคงอบอวลด้วยความรักอันอบอุ่นของอามันด์ หนุ่มผู้ดีชาวปารีสที่เขามีความรักต่อสาวโลกอนาคตอย่าง ‘อรรวินทร์’ หญิงสาวในโลกอนาคตที่บังเอิญเจอเขาเข้าผ่านอักขระโบราณ ความรักของหนุ่มในสมัยโกธิค กับติวเตอร์สาวผู้หลงใหลในกลศาสตร์เลขควอนตัมจะเป็นเช่นไร ทุกคำถามอาจอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ แต่นั่นอาจไม่ใช่ทั้งหมด บางครั้งอาจตอบได้ด้วย ‘ความรัก’ ของเขาและเธอ
แคว้นโอดฟร็องส์
เบื้องหน้าของชายหนุ่มในเวลานี้คืออาสนวิหารนัวยงสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าที่สุดในสายตาของชนชั้นแรงงานอย่างพวกเขา
อามันด์นึกชื่นชมนักออกแบบอาสนวิหารนัวยงในกรุงปารีสแห่งนี้ ทว่าความงดงามของอาสนวิหารนัวยงนี้ไม่อาจทำให้ในใจของชายหนุ่มสงบลงได้เลย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถือเป็นวันที่ชนชั้นแรงงานในกรุงปารีสเดินขบวนกันทั้งเมือง ทว่ากลับเกิดการนองเลือดขึ้น สร้างความโศกเศร้าในใจให้กับอามันด์เป็นอย่างยิ่ง
“จับไอ้หัวขโมยนั่นให้ได้” เสียงตะโกนดังไล่มาจากด้านหลังของชายหนุ่มอย่างอามันด์
เวลานี้อามันด์รู้ได้แต่เพียงว่าเขาต้องหนีไปจากปารีสให้ได้ หนทางรอดมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะพาเขาออกไปจากนรกเหล่านี้ได้ มันคือ...มัจจุราช!
เท้าสองข้างของชายหนุ่มเหยียบย่างไปบนอาสนวิหารนัวยงไม่นานนักเขาก็ปีนขึ้นมาสูงจนมองเห็น ‘นายจ้าง’ คนนั้น
ชายแก่ลงพุงสวมชุดผู้ดีตามแบบที่เห็นกันเกร่อในลอนดอนที่ตัดเย็บอย่างประณีตจากห้องเสื้อบูติคที่ชนชั้นสูงมักสวมใส่กัน ...บนบ่าของชายแก่ลงพุงแบกปืนลูกซองขนาดยาว แล้วเล็งขึ้นมาทางอามันด์อย่างรวดเร็ว...อามันด์รู้ดี เขามีทางเลือกแล้วและทางเลือกนั้นคือความตาย
เปรี้ยง...กระสุนปืนพุ่งมาทางเขาเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างของชายหนุ่มลอยคว้างกลางอากาศ
แรงโน้มถ่วงของโลกดึงร่างสูงโปร่งให้ตกลงไปตามน้ำหนักของชายหนุ่ม...ใช่แล้วเวลานี้อามันด์กำลังดิ่งพสุธา
เปลือกตาของชายหนุ่มปิดลงอย่างอ่อนล้า...อามันด์หลับตาลงย่างแผ่วเบา
ภาพในหัวของอามันด์คือสตรีที่งดงามยิ่ง ดวงหน้าของนางสวยอ่อนหวาน หญิงสาวสวมอาภรณ์ละม้ายคล้ายกับสตรีชนชั้นสูงที่ตัดเย็บอย่างประณีตสวยงาม
ชายหนุ่มยังจำได้ดีถึงแววตาคู่อ่อนหวานคู่นั้นที่ทอดมองมายังชนชั้นแรงงานอย่างเขาด้วยแววตาอ่อนละมุน
ทุกคราที่เขาพบนางทำให้ใจของเขาเต้นเร็วและแรงขึ้น ยิ่งยามใดที่สบสายตาคู่อ่อนโยนทั้งสองข้างนั้น…หัวใจของชายหนุ่มก็พลันสั่นรัวเร็วกว่าเดิม
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาอามันด์ถูกใส่ร้ายว่าเป็นหัวขโมยที่ขโมยอาหาร เพียงแค่เขาได้หยิบขนมปังก้อนมาประทังชีวิตให้กับคนในครอบครัวของเขาเท่านั้น
อามันด์มีบิดาที่เป็นชายวัยกลางคน บิดาของเขาเป็นชนชั้นแรงงาน และมีมารดาที่เป็นชนชั้นล่าง ในระบอบการปกครองแบบศักดินาฯ ในกรุงปารีส
บิดาของเขาเป็นชาวนา ส่วนมารดาของเขาเป็นแม่บ้าน ครอบครัวของอามันด์จัดได้ว่ายากจนมากเสียทีเดียว ‘เฮนน่า’ น้องสาวของอามันด์ยังเล็กนัก เธอโหยหิวน้ำนมของ ‘เอน่า’ ผู้เป็นมารดาของเขาตลอดเวลา
และแล้วในที่สุด...เมื่อชนชั้นแรงงานทนไม่ไหว พวกเขาจึงเดินขบวนเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของพวกเขาจากชนชั้นปกครองของพวกในกรุงปารีส และนั่นคือสาเหตุถึงความสูญเสียนองเลือดในครั้งนี้...ภาพเหล่านั้นกลับเด่นชัดในความทรงจำของอามันด์
ทว่าชีวิตนี้ของอามันด์คงต้องลาร้างจากสตรีในห้วงดวงใจไปตลอดกาล...สตรีชนชั้นกลางที่ไม่เคยรังเกียจเขาแม้ยามทอดสายตาของหล่อนมองมา
ร่างสูงโปร่งของอามันด์ดิ่งลงสู่พื้นพสุธาอย่างรวดเร็วทว่าด้วยความเร็วของการเคลื่อนที่เช่นนี้จึงทำให้เกิดการกระเพื่อมของปริภูมิและเวลาได้เกิดขึ้น
อามันด์สังเกตเห็นรอบตัวของเขามีกลุ่มควันสีดำที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้นละม้ายคล้ายหลุมดำขนาดใหญ่แผ่ปกคลุมคล้ายระลอกคลื่นน้ำคลอบคลุมตัวเขาไว้เรื่อยๆ ในขณะเดียวกันกับที่ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มได้ถูกกลืนหายเข้าไปในห้วงมิติแห่งกาลเวลา
เวลา 24.00 น.
เข็มนาฬิกาเคลื่อนที่ประจบกันบ่งบอกว่าเวลานี้หญิงสาวควรเข้านอนได้แล้ว
มือเรียวบางของสาวเจ้าเอื้อมพลิกหน้ากระดาษแผ่นสุดท้ายปิดลงอย่างเชื่องช้า
“เที่ยงคืนแล้วเหรอ...นอนได้แล้วอร” อรรวินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อยระโหยกับตนเอง
ริมฝีปากบนอวบอิ่มของหญิงสาวแยกออกจากริมฝีปากล่างด้วยกลไกของร่างกายตนเอง...อรรวินทร์หาวฟอดใหญ่แล้วบิดตัวไปมาขับไล่ความปวดเมื่อยจากการนั่งอ่านหนังสือเล่มหนากว่าสามร้อยหน้า
หนังสือที่อรรวินทร์อ่านนั้นเป็นหนังสือที่เพิ่งซื้อมาใหม่หมาด ๆ จากร้านขายหนังสือเก่าที่เป็นหนังสือตำราวิทยาศาสตร์ของ‘ทฤษฎีบทเกี่ยวกับภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงในกรอบของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป’
นักวิทยาศาสตร์คนโปรดของอรรวินทร์เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวยิวอย่าง ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ ที่ก้าวเข้ามาสู่แวดวงในวงการวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์มากความสามารถที่คว้ารางวัลโนเบลด้วยผลงานของเขาเอง แม้ว่าจะเกิดหลายข้อกังขาในทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนนี้ก็ตาม กระนั้นอรรวินทร์ก็รักเขาเสมือนว่าเขาคือไอดอลต้นแบบบุคคลในใจเธอ
แต่ไหนแต่ไร...ตั้งแต่เกิดมาอรรวินทร์ก็ชื่นชอบวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด เธอชื่นชอบมากเสียจนเลือกเรียนแผนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตอนมัธยมปลาย
ทว่าเกรดเฉลี่ยผลคะแนนการเรียนของเธอกลับดิ่งลงเหวทั้ง ๆ ที่อรรวินทร์ตั้งใจเรียนอย่างมาก นั่นก็เพราะหญิงสาวไปสะดุดกับวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนเท่าไหร่เธอกลับไม่เคยเข้าใจในการแก้ปัญหาของวิชานี้ทุกที
อรรวินทร์ตัดสินใจทิ้งความฝันการเป็นนักวิทยาศาสตร์มาสอบคณะที่มารดาของเธอจัดสรรไว้ให้อย่างนิเทศศาสตร์ ซึ่งการเบนเข็มทิศในชีวิตครั้งนี้ได้ส่งผลให้เธอได้กลายเป็นนักเขียนบทความเงา หรือโกสต์ไรท์เตอร์ไปตลอดครึ่งชีวิตของเธอ
ทว่าแรงปรารถนาในใจของหญิงสาวกลับลุกโชนขึ้นตลอดเวลา ความต้องการและความหิวในวิชาวิทยาศาสตร์ผลักดันให้หญิงสาวกลายเป็นติวเตอร์ชื่อดังที่รับสอนวิชาวิทยาศาสตร์ออนไลน์ไปโดยปริยาย
ร่างเพรียวหยัดกายขึ้นจากเตียงนอนหนานุ่มขนาดคิงไซส์ ปลายเท้าสะอาดของอรรวินทร์ก้าวลงจากปลายเตียง
‘ไปปิดหลังบ้านดีกว่า’ อรรวินทร์คิดในใจ
เท้าขวาของหญิงสาวสืบเท้าก้าวออกไปด้านหน้าตามด้วยเท้าซ้ายที่เยื้องย่างไปติดกัน
สาวเจ้าสาวเท้าก้าวเดินผ่านห้องโถงใหญ่ในคฤหาสน์แห่งนี้ เสียงดังกุกกักดังราวกับมีคนกำลังรื้อสิ่งของมาจากห้องโถงใหญ่ที่อรรวินทร์กำลังเดินผ่าน
ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดอดหยุดอยู่นิ่งไม่ได้ยามเมื่อสายตาคู่คมปลาบของหญิงสาวกวาดสายตามองรอบคฤหาสน์ที่เวลานี้มีเจ้าหนูสีดำสนิทแปลกประหลาดมาเป็นอาคันตุกะในเคหาสน์หลังโตแห่งนี้
“ฉันว่าแล้วว่าเป็นแก...ไอ้หนูท่อ” อรรวินทร์กล่าวอย่างคับแค้นใจ
เมื่อไม่กี่วันก่อนสายอินเตอร์เน็ตในเคหาสน์ของหญิงสาวถูกกัดขาดด้วยฝีมือของเจ้าหนูท่อ
มาเวลานี้เจ้าหนูท่อกลับทำตาแป๋วใส่อรรวินทร์หมายจะให้หญิงสาวละเว้นชีวิตมัน
กระนั้นหรืออรรวินทร์กลับคว้าไม้กวาดขนาดเขื่องมาไล่ทุบหนูอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเจ้าหนูท่อเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วที่สุดในเวลานี้
‘เจ้าหนูท่อ’ เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต สองขาหน้าของเจ้าหนูท่อปกคลุมด้วยขนหนาเตอะเกรอะกรังทว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและรุนแรงทำให้หางของมันติดกับกาวดักหนูอย่างรวดเร็ว
‘เจ้าหนูท่อ’ ส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร อรรวินทร์อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เวลานี้เธอกำลังเป็นมัจจุราชหมายจะคร่าชีวิตหนูท่อที่เข้ามากัดข้าวของของเธอ
อรรวินทร์เงื้อไม้กวาดขึ้นทำมุมสี่สิบห้าองศาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงร้องโหวกเหวกดังขึ้นมาจากหลังเคหาสน์ของเธอ
หญิงสาวตัดสินใจปล่อยหนูท่อขนดำไป ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดจึงสาวเท้าผ่านห้องโถงนั้นไปยังหลังเคหาสน์
บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงัด ท้องคคนานต์ในยามนี้ถูกความมืดมิดปกคุลมไปทั่ว รองเท้ากีฬาคู่โปรดของอรรวินทร์สาวเท้าไปยังต้นเสียงพร้อมกับไม้กวาดด้ามยาวที่ถือติดมือมาด้วย
หญิงสาวเดินผ่านไม้สุมพุ่มหญ้าขนาดใหญ่ ลัดเลาะไปตามทางที่แสงจันทราสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ
รัศมีจันทราสาดอาบไล้ไปยังต้นไม้แห่งหนึ่งทว่าภาพที่อยู่เบื้องหน้าของหญิงสาวทำให้อรรวินทร์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
บุรุษหนุ่มรูปงามคนหนึ่งสวมแจ็กเกตสีน้ำเงินคล้ายผ้าเดนิม ทว่าหากคะเนด้วยสายตาอันเฉียบคมของหญิงสาว อรรวินทร์คิดว่ามันหนามากกว่า ผ้าเดนิมที่เราเห็นกันในศตวรรษที่ 21 เสียอีก
อรรวินทร์รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังบริเวณพุ่มไม้ที่ชายวัยกลางคนนอนสลบอยู่ในอาณาบริเวณนั้น
ภาพที่ปรากฎชัดเจนแก่สายตาของติวเตอร์สาวเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง ชายหนุ่มตรงหน้าของอรรวินทร์จัดได้ว่าเข้าขั้นหล่อแบบผู้ดีชาวฝรั่งเศสเลยทีเดียว
เขามีผิวขาวนวลแม้จะไม่ละเอียดมากแต่ก็ไม่หยาบเกินไป คิ้วสีน้ำตาลเข้มเป็นเส้นตรง เวลานี้ดวงตาของเขาปิดพริ้มราวกับว่ากำลังเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์
จมูกของอาคันตุกะผู้มาเยือนเคหาสน์ของอรรวินทร์นั้นเชิดขึ้นราวกับพ่อมด หากหญิงสาวเดาไม่ผิดหมอนี่อาจจะเป็นลูกครึ่งหรือลูกเสี้ยวของชาวฝั่งยุโรปเป็นแน่
ริมฝีปากของชายหนุ่มปิดสนิท เปลวรัศมีจันทราสาดประกายจนเห็นเรียวปากอิ่มสีซีด หากแต่เวลานี้อรรวินทร์คาดการณ์ว่าชายหนุ่มอาจจะประสบอุบัติเหตุมา...เธอจำต้องพาเขาไปโรงพยาบาล แต่ทว่าโรงพยาบาลห่างไกลจากที่เคหาสน์มรดกของคุณย่าของเธอมากนัก และเวลานี้คุณพ่อและคุณแม่ต่างก็บินลัดฟ้าไปเที่ยวรอบโลกเสียด้วย
“โอ๊ย...นี่มันวันอะไรเนี่ย” ติวเตอร์วิทยาศาสตร์สาวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก
“คุณหนูเล็ก” เสียงเรียกของชายวัยกลางคนเอ่ยทักอรรวินทร์ที่หันรีหันขวางอยู่ในขณะนั้น
“อ้าว พี่เจมส์” อรรวินทร์กล่าวเสียงสูงกับพี่ชายบุญธรรมที่พ่อเธอรับมาเลี้ยงดูปูเสื่อด้วยความสงสาร
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” เจมส์เอ่ยถามหญิงสาวอย่างรวดเร็วขณะดวงตาคู่คมของชายหนุ่มกวาดสายตาไปมองยังจุดที่ปลายสายตาของ ‘คุณหนู’ของคฤหาสน์หลังนี้หยุดอยู่
“พี่มาช่วยกันหน่อย” เสียงหวานใสของอรรวินทร์เอ่ยกับ
ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์ได้ชื่อว่า พี่ชายบุญธรรมของหญิงสาว
“มา...พี่ช่วย” เสียงของพี่ชายต่างบิดามารดาของอรรวินทร์กล่าวพลางพยุงร่างของชายปริศนาที่แต่งตัวด้วยเสื้อยีนส์และกางเกงยีนส์ออกไปจากคฤหาสน์หลังโตที่อรรวินทร์ได้เป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียวในเคหาสน์โออ่าหลังโตหลังนี้
+++
นิยายจอมใจฮิปปาเรียนี้จะถูกเรียกว่าหนังสือชุด #อาณาจักรฮิปปาเรีย ค่ะ โดยซีรีส์อาณาจักรฮิปปาเรียมีนิยายทั้งหมด 10 เล่ม ดังต่อไปนี้ 1.จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย 2. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 2 ผจญภัยป่าดงดิบฮานาบี 3. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 1 กำเนิดรัชทายาทฮิปปาเรีย 4. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 2 นางบรรณาการแคว้นดิมาเรีย 5. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ปราบกบฎบัลลังก์สราเนีย 6. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ห้าเจ้าหญิงผู้นำทางปริศนา 7. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 1 หนึ่งเดียวในหทัย 8. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 2 อาณาจักรฮิปปาเรีย 9. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 1 เจ็ดขุนนางผู้พิทักษ์ 10. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 2 ราชอาณาจักรฮิปปาเรีย นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการของ "ดวงดาหลา" เองค่ะ ดินแดนฮิปปาเรียเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนเฝ้าฝันถึง จอมใจฮิปปาเรีย มีสี่ภาค แต่ละภาคแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ รับรองค่ะว่า เข้มข้น หวานซึ้ง ตรึงใจทุกคนแน่นอนค่ะ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหน ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนียได้แล้ว ณ บัดนี้ Duangdala Talk ดวงดาหลากลับมาเเล้วค่ะ หลังจากติดภารกิจมานาน รี้ดทุกคนสามารถคอมเม้น หรือกดใจทั้ง 5 ให้ดวงดาหลาได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ #ดวงดาหลา ป.ล. นักอ่านท่านใด หรือ ใครอ่านเเล้วมารีวิว มาเม้นมาพูดคุยกันกับดวงดาหลา ได้น้า
พจน์ศรัช โคฟาวเดอร์ หนุ่มที่ได้โคจรมาพบกับธาสิกา คู่หมั้นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เรื่องราวชุลมุนยิ่งขึ้นเมื่อคู่หมั้นคนก่อนเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาในสถานอโคจรที่เขาต้องมีเอี่ยวไปด้วย งานนี้ธาสิกาจึงต้องลงมือสืบสาวเรื่องราวด้วยตัวเอง งานแต่งยังคงดำเนินต่อไป และใครกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของยศรินทรา แฝดพี่ของธาสิกา ไม่รู้ว่าจะเรียกพรหมลิขิตเขียนไว้หรือจะเป็นบาปเวรแต่ชาติปางไหน...เมื่อหัวใจรักของเขาทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
“เพ่ยอินเหยาข้านี่แหละยอดขุนพลสตรี เล่ม 1” นิยายรักจีนโบราณสายบู๊และบุ๋น ‘อินตูตู’ ขุนพลสตรีผู้มีศักดิ์เป็นแม่ทัพคุมค่ายพลทหารชาวฉินเพื่อออกรบในสมรภูมิทีเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแคว้นฉี หากการมาแคว้นฉีไม่ได้มีเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น ทว่าการมาครั้งนี้ของนางมาเพื่อแก้ปมปริศนาสตรีที่หายไปในแคว้นฉินด้วยต่างหาก สงครามระหว่างแคว้นฉินและฉีจะจบลงเช่นไร แล้วใครกันเป็นผู้บงการเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ จุดเริ่มต้นความน่าสะพรึงกลัวของทุกสิ่งที่จารีย์ได้เจอนั้นมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าแห่งนี้ ภายนอกงดงามหากแต่ภายในกลับรกร้างราวกับไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน แรงแค้น แรงพยาบาท แรงอาฆาต ของสิ่งลี้ลับยังคงวนเวียนตามจองกรรมทวงถามความเป็นธรรมอย่างที่พวกมันรอคอยตลอดมา! +++ นรีกุลรับรู้ถึงอุณหภูมิที่กำลังทวีความคุกรุ่นในเรือนกายของหล่อน เรียวปากบางของเขาซอนไซ้ไปยังใบหูของนรีกุลจนหญิงสาวเผลอไผลร้องซี้ดปากด้วยความสุขใจ มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมปลดตะขอชุดที่นรีกุลสวมใส่อยู่ เขาแนบเรือนกายของหล่อนให้ผสานกับเขาอย่างลุ่มหลงในตัวของนรีกุล หญิงสาวปิดเปลือกตาของหล่อนลงอย่างพลั้งเผลอ ความหวามไหวแทรกไปทั่วอณูของนรีกุล ภรรยาของนัฐธวีร์ปิดเปลือกตาลงไปแล้ว หากแต่เวลานี้ดวงวิญญาณร้ายของกรวีร์ยังคงทำงานตามคำสั่งของเดรัจฉานต่อไป นิ้วเรียวของวิญญาณร้ายซอนไซ้เข้าไปยังปากถ้ำสวรรค์ของหญิงสาว นรีกุลบิดตัวแล้วครวญเสียงหวานจนนัฐธวีร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าความอ่อนเพลียจากการเดินทางในระยะเวลานานทำให้เขาฟุบหลับไป หนุ่มสาวสองคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของกรวีร์ได้เสพสมเรือนกายของนรีกุลอย่างอุกอาจ และดวงจิตของนัฐธวีร์ได้ถูกเรียกจิตไปโดยสัตว์ร้ายในคราบของสาวงามเสียแล้ว!
"วันดับนางริษยา" นิยายแนวสยองขวัญกระตุกประสาทที่จะมาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ มาร่วมค้นหาบทสรุปในนิยายเล่มนี้กันค่ะ
"วันดับนางริษยา" นิยายสยองขวัญกระตุกประสาท #ดวงดาหลา ที่จะพาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง เมื่อรักไม่อาจแบ่งใจนรีกุลจึงต้องแบกรับทั้ง นัฐธวีร์ คนเป็น และคนตายในคราเดียวกัน นรีกุลจะทำเช่นไรต่อไป...ความรัก แรงอาฆาตเปลวพยาบาทของพวกเขาจะเผาหญิงสาวให้ตายทั้งเป็นหรือไม่! มาร่วมค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ ++++++++++++ โปรปราย เวลานี้นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้อีกแล้วหากแต่ท้องของหล่อนกับปวดมากราวกับเป็นไส้ติ่งอักเสบ หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้รอดพ้นจากการเกาะกุมของวิญญาณร้ายที่เธอเชื่อว่าติดตามมา หญิงสาวเปิดตามองไปยังด้านบนก็พบว่าเธฮนอนใกล้คาน ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่อเวลานี้มีวิญญาณร้ายนั่งอยู่บนคานสูงเหนือหัวของเธอ วิญญาณร้ายที่นั่งแกว่งขาไป,kอยู่นั้นราวกับว่าจะเห็นเธอ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปเข้าจมูกของหญิงสาวอย่างจัง จนเธอต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหล่อนทำให้หญิงสาวช็อคสุดขีดเมื่อเวลานี้ศีรษะของวิญญาณร้ายค่อยๆห้อยลงมาจรดยังจมูกของเธอ นรีกุลหวีดร้องอย่างดังลั่นพลางออกปากไล่อย่างตระหนกสุดขีด หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"