เมื่อสามปีก่อน ครอบครัวมัวร์ได้คัดค้านการแต่งงานของชาร์ลสกับไรลีย์ผู้หญิงที่เขารัก และบังคับเขาให้แต่งงานกับสการ์เล็ตต์ แต่ชาร์ลสไม่ได้รักสการ์เล็ตต์ อันที่จริงเขาไม่ชอบหน้าเธอด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน สการ์เล็ตต์ก็ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอใฝฝัน ซึ่งทำให้เธอปลื้มปิติเป็นอย่างมาก สามปีต่อมาไรลีย์ป่วยหนัก ชาร์ลส์ตัดสินใจเรียกสการ์เล็ตต์ให้กลับมา และขอหย่ากับเธอเพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของไรลีย์ การตัดสินใจอย่างกะทันหันของชาร์ลส์ทำให้สการ์เล็ตต์ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเซ็นใบหย่า และปล่อยเขาไป ทว่าชาร์ลส์กลับชะลอการหย่า ทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกสับสน และไม่พอใจ ขณะนี้ความลังเลของชาร์ลส์ ทำให้สการ์เล็ตต์ยังไม่ได้รับอิสระ เธอจะหลุดพ้นจากเขาได้หรือไม่? แล้วสุดท้ายชาร์ลส์จะรู้ตัว และสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้หรือไม่?
มุมมองสการ์เล็ตต์:
ฉันดูเวลาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา นี่ก็ผ่านมาตั้งชั่วโมงครึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่ลงจากเครื่องมา จนจำไม่ได้ว่าตัวเองก้มมองดูนาฬิกาไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ไม่เห็น ชาร์ลส์ มัวร์ สามีของฉันเลยแม้แต่เงา เขาไม่ได้มารับฉัน เขาคงจะกำลังอยู่กับแฟนของเขาสินะ ฉันส่ายหัวและลอบยิ้มเศร้า ๆ ให้กับความคิดนั้น ก่อนจะยืนขึ้นแล้วลากทั้งตัวเองและกระเป๋าเดินทางออกมาจากสนามบิน
ฉันแต่งงานกับชาร์ลสเมื่อสามปีก่อน ทว่าหลังจากพวกเราแต่งงานกันไม่นาน ฉันก็ได้รับข่าวดีจากทางมหาวิทยาลัยที่ฉันใฝ่ฝัน ให้ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ หลังจากที่ได้รับการตอบรับ ฉันก็ตอบตกลงที่จะไปเรียนต่อที่นั้นทันที ตลอดสามปีมานี้ ฉันไม่เคยได้เจอหน้าชาร์ลสเลยแม้แต่ครั้งเดียว ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ เขาคงทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับหญิงสาวที่เขารัก คงไม่อยากให้ฉันมาเป็นก้างขวางคอ
ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้ว เลยกลับมาบ้าน เพื่อยุติการแต่งงานแต่เพียงในนามของเรา ฉันตัดสินใจแล้วว่า ถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องเลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับเรื่องที่ไม่มีวันเป็นจริงสักที
ระหว่างที่ฉันอยู่บนรถแท็กซี่ขณะเดินทางกลับบ้าน ฉันก็ได้ส่งข้อความหาชาร์ลส “เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน”
ไม่นานนัก ฉันก็พาตัวเองมายืนเคว้งอยู่ในเรือนหอที่ว่างเปล่า ก่อนจะนำกระเป๋าวางไว้ที่มุมหนึ่งของบ้าน แล้วเดินตรงเข้าไปยังห้องนั่งเล่น และนั่งรอบนโซฟา กลิ่นอายของบ้านหลังนี้ ราวกับว่าไม่มีใครอาศัยอยู่มาเป็นปีแล้ว ภาพแต่งงานของเรายังคงแขวนค้างอยู่บนผนัง มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ และเสียใจในเวลาเดียวกัน
ฉันก้มลงมองไปที่มือถือ ยังไม่มีข้อความใด ๆ ตอบกลับ ฉันเดาว่าบางทีคืนนี้เขาคงจะไม่กลับมา
ฉันได้แต่นั่งรออยู่อย่างนั้น แล้วคิดเรื่องราวต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัว หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันที และรู้สึกว่าหัวใจของฉันกำลังเต้นรัวราวกับจะหลุดออกจากอก นี่ฉันยังคิดอะไรกับเขาอยู่อีกเหรอ? ไม่! เลิกคิดอะไรโง่ ๆ แบบนี้ได้แล้ว! ทว่าตอนนี้ฉันได้แต่พยายามที่จะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ ฉันกัดฟันแน่น และกุมมือที่กำลังสั่นเทาไว้ และพยายามเตือนตัวเองอีกครั้ง ‘นี่เธอกลับมาเพื่อหย่ากับเขานะคะ’
ลูกบิดหมุนก่อนประตูจะถูกเปิดออก ชาร์ลสเอื้อมมือไปเปิดไฟ เงาที่สูงโปร่งของเขาทอดยาวไปบนทางเดิน เขากำลังเดินย่างเข้ามา เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิท กับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดด้านใน สีหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับไม่สามารถปกปิดใบหน้าคมเข้มกับโหนกแก้มที่เด่นชัดของเขาได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขายังคงความเย็นชาไม่ต่างจากเดิม ซึ่งฉันสัมผัสได้ แม้จะอยู่ห่างกันหลายเมตร
ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้ หัวใจของฉันก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น ลมหายของฉันเริ่มสั้นระรัว ฉันไม่เคยลืมความหล่อของเขาได้เลย เขาหล่อขั้นเทพ เสน่ห์ของเขาไม่ว่าใครก็ไม่อาจต้านทานได้
เวลาที่ผ่านไปทำให้เขาดูสุขุมขึ้น ฉันเบือนหน้าหนี เมื่อรู้สึกว่าแก้มของฉันกำลังร้อนผ่าว
เขาเดินตรงมาที่โซฟาก่อนจะนั่งลง ตรงข้ามฉัน
สายตาที่เฉียบคมแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาของเขากำลังจ้องมองมาที่ฉัน ฉันพยายามที่จะเชิดหน้ามองเขา ทั้ง ๆ ที่ใจจริงแล้ว ฉันอยากจะหลบสายตาของเขาซะเหลือเกิน ฉันเห็นภาพสะท้อนของฉันในดวงตาสีเข้มของเขา
“กลับมาแล้วเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ซึ่งนี่คือตัวต้นของเขา ถ้าฉันไม่รู้จักเขามาก่อนฉันคงจะรู้สึกกลัวเป็นแน่
“ค่ะ” ฉันตอบกลับขณะพยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบเช่นเดียวกัน
“ทนายของผมส่งอีเมลไปให้คุณแล้วเมื่อครู่นี้” ขณะที่ชาร์ลสพูด เขาก็คลายเนกไทของตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามอกของเขาที่เล็ดลอดออกมาจากเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนั้น
“ค่ะ เดี่ยวฉันเปิดดู” ฉันพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
แล้วหยิบมือถือขึ้นมา เปิดไปที่กล่องข้อความในอีเมล ทันใดนั้นก็มีอีเมลเด้งขึ้น โดยหัวข้ออีเมลระบุไว้ว่า ข้อตกลงการหย่า แม้ว่าจะคาดไว้ก่อนอยู่แล้ว ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดลงมาที่กลางอก ความเจ็บปวดแล่นแปลบเข้ามาในใจ ทว่าฉันกลับรู้สึกขอบคุณ เพราะมันทำให้ฉันตื่นจากเสน่ห์ที่ยัวยวนของชาร์ลส ถึงแม้จะเป็นแค่ระยะสั้น ๆ ก็ตาม
“ได้ เดี๋ยวฉันจะเซ็นให้” ฉันวางมือถือลงก่อนจะหันไปมองว่าที่อดีตสามีของฉัน อีกไม่นาน เขาก็จะไม่ใช่ผู้ชายของฉันอีกต่อไป แท้ที่จริงแล้ว เขาไม่เคยเป็นผู้ชายของฉันเลย ฉันเป็นแค่ภรรยาในนามของเขา และตอนนี้ บทบาทคุณนายมัวร์ที่จอมปลอมกำลังจะจบลง ส่วนชาร์ลส มัวร์ ก็จะออกไปจากชีวิตของฉัน
“คุณไม่อ่านสัญญาดูก่อนเหรอ?”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเชื่อว่า คุณจะไม่ใจร้ายกับอดีตภรรยาอย่างฉัน” ฉันฝืนยิ้มออกมา “อดีตภรรยา” ฉันจะเป็นอดีตภรรยาของเขาในไม่ช้า แต่ฉันไม่มั่นใจเลยว่า ฉันทำใจกับคำพูดของฉันได้แล้วหรือยัง
“คุณจะได้บ้านที่ถนนการ์ดเนอร์ และอพาร์ตเมนต์ใจกลางเมือง...”
“เมื่อไร?” ฉันแทรกขึ้นในขณะที่ชาร์ลส์ยังไม่ทันจะกล่าวจบ
“อะไร?” เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะจ้องมาที่ฉันด้วยดวามสงสัย
“เราจะเซ็นใบหย่ากันเมื่อไหร่?” ฉันถามออกมาเบา ๆ
“เดี๋ยวผมนัดทนาย” ชาร์ลสตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองฉัน
“ค่ะ แล้วฉันจะรอ”
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองฉัน
“ริต้าเขาอาการไม่ดีเท่าไหร่ ผมอยากให้ความปรารถนาสุดท้ายของเธอสมหวัง” เขาอธิบายต่อ
ฉันกำหมัดแน่นขณะกลืนน้ำลายลงคอ ‘ทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของเธอสมหวังงั้นเหรอ? ช่างเป็นผู้ชายที่ดีเสียจริง ในขณะที่ฉันต้องเป็นฝ่ายที่เสียสละ คงจะคิดว่าฉันจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสินะ เพราะยังไงฉันมันก็แค่ คุณนายมัวร์ จอมปลอม เป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น’
“ฉันเข้าใจ” ฉันได้แต่พยักหน้า แม้จะไม่เต็มใจมากแค่ไหนก็ตาม
“ถ้าคุณต้องการอะไรอีก ผมจะบอกให้ทนายของผมใส่ลงไปในสัญญา”
“ไม่เป็นไร เอาตามนั้นแหละ” อีกครั้งที่ฉันฝืนยิ้มขึ้นมา
“พรุ่งนี้ไปพบริต้าสักหน่อยนะ” ชาร์ลสลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงมาที่ฉัน
เขาเน้นเสียงหนัก เขาไม่ได้กำลังขอร้องฉัน แต่เขากำลังสั่งฉันอยู่ เขาเห็นฉันเป็นอะไร? ทำไมต้องให้ฉันไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วย? หรือเขาแค่ต้องการที่จะตอกย้ำความเจ็บของฉันแค่นั้นเหรอ?
“ทำไมฉันจะต้องไปด้วย?” ฉันเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกผิด เรื่องที่เราหย่ากัน คุณไปบอกเธอไปว่าคุณมีคนที่คุณรักแล้ว ทำให้เธอมั่นใจว่าการหย่าของเรา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย” เขาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ก่อนจะจ้องมองมาที่นัยน์ตาของฉัน
“ได้”
ฉันอยากจะปฏิเสธ ทว่าฉันไม่รู้จะปฏิเสธเขายังไง ทุกครั้งที่เขาต้องการอะไร เขาแค่มองตาฉันแล้วพูดกับฉัน ฉันก็ตอบตกลงอย่างขัดไม่ได้ทุกที
“ขอบคุณนะ พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ส่งที่อยู่ให้ฉันก็พอ เดี๋ยวฉันไปเอง”
ชาร์ลสเหลือบมองอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป
เหลือเพียงฉันที่ได้แต่มองเขาค่อย ๆ เดินลับหายไป แล้วจู่ ๆ น้ำตาของฉันก็ไหลออกมา เราปกปิดเรื่องการแต่งงานมาตลอดระยะเวลาสามปี ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นก็แต่ครอบครัว และเพื่อนสนิทเท่านั้น เมื่อไม่กี่เดือนก่อน สื่อได้ลงข่าวเกี่ยวกับการหมั้นหมายของชาร์ลสและริต้า รูปถ่ายของริต้าที่กำลังลองชุดแต่งงานก็ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ต ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน!
ครั้งหนึ่ง ชาร์ลสเคยมีความสำคัญกับฉันมาก ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหน เขาก็จะอยู่ในสายตาของฉันเสมอ ถึงฉันจะรักเขาข้างเดียว แต่ฉันก็ไม่อยากยอมแพ้ ฉันเชื่อว่าตราบใดที่ฉันยังคงแต่งงานกับเขาอยู่ ก็มีโอกาสที่เขาจะตกหลุมรักฉันได้ และความสัมพันธ์ของเราก็จะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ขอให้ฉันได้รักเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
กระทั่งเวลาต่อมาฉันถึงได้รู้ใจตัวเอง ฉันเองก็ต้องการได้รับความรักจากเขาด้วยเช่นกัน ฉันอยากให้เขารักฉันเท่ากับที่ฉันรักเขา
ฉันรอคอยเขามาตลอดสามปีเต็ม แม้ว่าเราจะอยู่ห่างกัน ฉันก็พยายามที่จะแสดงความรักความห่วงใยถึงเขาอยู่เสมอ แต่ฉันกลับไม่เคยได้รับสิ่งใดจากเขากลับเลย จนฉันเริ่มจะยอมรับความจริง ที่แสนจะเจ็บปวดนี้ได้ในที่สุด
แล้วฉันก็ได้เข้าใจ สการ์เล็ตต์ผู้ที่โง่เขลาได้ตายจากไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงสการ์เล็ตต์คนใหม่ที่สวมชุดเกราะแน่นหนา จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเสียใจเพราะเขาอีกต่อไป
ฉันเดินขึ้นไปบนห้องพร้อมกระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วจัดเรียงเสื้อผ้า จากนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำก่อนจะเปลี่ยนมาสวมชุดนอน ห้องนี้ดูเหมือนไม่มีใครย่างกายเข้ามาเลยนับตั้งแต่ฉันจากไป ไม่มีของยิบย่อยหรือแม้กระทั่งรอยยับบนที่นอน เห็นชัดว่าชาร์ลสไม่เคยใช้มันเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา คงเพราะเขาไปอยู่ที่ไหนสักแห่งกับริต้า
เมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันก็รู้สึกอึกอัดใจ ฉันเดินไปที่ระเบียงเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ แต่กลับต้องแปลกใจ เมื่อเห็นรถของชาร์ลสยังจอดอยู่บนถนน ทำไมเขายังอยู่ที่นี่อีกล่ะ? เขาควรจะรีบไปหาริต้าสุดที่รักของเขาไม่ใช่เหรอ?
ขณะที่ฉันกำลังมองไปที่รถของเขา ทันใดนั้นโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น เป็นสายจากเพื่อนรักของฉัน เทียน่าเอง ฉันกดรับสายในทันที
“ว่าไง เทียน่า!”
“ยัยตัวแสบ! ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ!”
“ขอบใจจ้ะ”
“ฉันยังดูงานอยู่ที่ต่างประเทศอยู่เลย ขอโทษจริง ๆ นะ ที่ไม่ได้ไปรับเธอที่สนามบินวันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก งานต้องมาก่อนสิ”
“เธอกลับมาอยู่ถาวรเลยไหม หรือว่าเธอจะกลับไปอีกรอบ?”
“ฉันคิดว่าฉันจะกลับมาเลยนะ”
“ดีเลย! มาทำงานที่สถานีโทรทัศน์ของเราสิ ฉันว่าเธอเหมาะกับงานนี้มากเลยนะ เธอจบทางด้านสื่อมาด้วย เสียงเธอก็น่าฟังมาก เธอเลิศขนาดนี้ ผู้ชมต้องชอบเธอแน่ ๆ มันเหมาะกับเธอมาก เธอว่าไง?”
“ได้สิ”
“แล้วได้คุยกับชาร์ลสหรือยัง?” เสียงของเทียน่าต่ำลง ราวกับกำลังจะยังเชิง
“อื้ม” ฉันมองไปยังรถของชาร์ลสบนถนนอีกครั้ง
“เขาคุยเรื่องแฟนสาวของเขากับเธอแล้วใช่ไหม?”
“ใช่”
“หน้าด้าน! เขายังกล้าเอามาพูดกับเธออีกนะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก เทียน่า เขาขอให้ฉันไปเจอริต้าพรุ่งนี้ แล้วฉันก็ตอบตกลงไป”
“อะไรนะ? เธอตกลงไปเจอคนที่จ้องจะแย่งสามีตัวเองนี่นะ? นี่เธอเสียสติไปแล้วหรือไง สการ์เล็ตต์? ผู้หญิงคนนั้นยั่วชาร์ลส และยุแยงให้เขาหย่ากับเธอ ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริง ๆ ว่าเธอจะไปทำไม ครอบครัวมัวร์ไม่ยอมรับยัยนั้นเมื่อสามปีก่อน อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าครอบครัวเขาจะยอมเปลี่ยนใจในตอนนี้?” เทียน่าแทบจะตะโกนออกมาจากปลายสาย
“มันผ่านไปแล้ว ฉันอยากลืมมันไป” ฉันยิ้มอ่อนให้กับตัวเอง
“ผ่านมาแล้วงั้นเหรอ? สการ์เล็ตต์ เธอยังรักเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฉันไม่ได้ตอบอะไร ใช่ ฉันยังรักเขาอยู่ และไม่เคยหยุดรักเขาเลย
“สการ์เล็ตต์!” เสียงตะโกนของเทียน่าฉุดฉันให้กลับมาสู่ความเป็นจริง
“ฉันเหนื่อยแล้ว เทียน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ ฉันโทรหานะ โอเคไหม? ไว้เจอกัน”
ฉันวางสายก่อนที่เทียน่าจะแย้งขึ้น แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ชาร์ลสยังจอดรถอยู่ที่เดิม ราวกับว่าเขาจะยังไม่ไปไหนตอนนี้ แล้วฉันจะไปสนใจเขาทำไม?
ทันใดนั้น ฉันก็รู้สึกเหนื่อล้าเหลือเกิน จึงเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วคลานขึ้นเตียง ก่อนจะพลิกตัวแหงนมองเพดานรอให้ตัวเองหลับไป ผ่านไปสักพัก ฉันก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ฉันขยี้ตาปลุกตัวเองจากความง่วง แล้วเดินลงจากเตียงไปเปิดประตู ก่อนจะพบชาร์ลสยืนอยู่ข้างนอกห้อง
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"