ผู้ชายที่แอบรักมานานประกาศแต่งงาน ยังไม่เจ็บช้ำเท่ากับเจ้าสาวของเขาคือเพื่อนที่รักและไว้ใจมากที่สุด เมื่อความเจ็บมันประดังประเดเข้ามาเหมือนห่าฝน นัทนิสาจึงประกาศก้องกลางงานแต่งของอดีตเพื่อนรักว่าจะมีความสุขให้อิจฉาตาร้อน จากนั้นก็ลากแฟนเก่าของเพื่อนที่มีดีกรีเป็นถึงดอกเตอร์ที่ขึ้นชื่อเลื่องชาเรื่องความซึนไปซั่มสนั่นโรงแรม แต่ทำไมนะ ผู้ชายที่หล่อนมองเห็นว่าเป็นแค่เครื่องมือแก้แค้น ถึงทำให้หัวใจที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ เต้นแรงได้ขนาดนี้?? “พี่ปอ... ลืมอะไรเหรอคะ” “พี่ลืมจูบนัทไงครับ” แล้วเขาก็คว้าหล่อนเข้าไปกอดและจูบอย่างดูดดื่มโดยที่หล่อนตั้งเนื้อทั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว จากนั้นก็พากันเข้ามาในห้อง ทั้งๆ ที่ปากยังประกบติดกันแนบแน่น “พี่ปอ... ต้องรีบกลับไปทำงานวิจัยไม่ใช่เหรอคะ...” หล่อนรีบเตือนเขา เมื่อเขาถอนจูบเร่าร้อนออกไป ชายหนุ่มก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูเล็กของนัทนิสาเบาๆ “ตอนนี้พี่อยากวิจัยร่างกายของนัทมากกว่าครับ...”
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผู้หญิงสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้ฟูมฟาย ในขณะที่ผู้หญิงอีกคนกำลังช่วยปลอบใจ
“พี่ดลกำลังจะแต่งงาน... ฮืออออ...”
ผู้หญิงคนที่กำลังนั่งปาดน้ำตาก็คือนัทนิสา หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีซึ่งแอบรักรุ่นพี่ที่ชื่อดลวิทย์มานานตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย
แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้อาย ไม่มีความมั่นอกมั่นใจในตัวเอง ทำให้นัทนิสาไม่กล้าเข้าไปสารภาพรักกับดลวิทย์ตรงๆ
หล่อนไหว้วานให้ชลธิชาเพื่อนรักเป็นตัวแทนนำจดหมายสารภาพรักไปให้กับชายหนุ่ม ซึ่งก็ถูกเขาปฏิเสธมาตั้งแต่วันนั้น แต่หล่อนก็ยังคงแอบรักเขามาเรื่อยๆ ไม่คิดตัดใจ เพราะหวังว่าสักวันเขาจะเห็นตัวเองอยู่ในสายตาบ้าง โดยมีชลธิชาเพื่อนรักคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา
แต่หลังจากเรียนจบและแยกย้ายออกมาทำงานตามความฝันของตัวเองแล้ว หล่อนก็ไม่มีโอกาสได้เจอกับดลวิทย์อีกเลย เพราะสถานที่ทำงานของหล่อนกับเขานั้นอยู่ห่างกันคนละฟากของเมืองหลวงเลยทีเดียว
หล่อนจึงทำได้แค่เพียง แอบรัก แอบมองเขาผ่านทางเฟซบุ๊คของเขาเพียงเท่านั้น
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า งานที่หนักหนาทำให้บางครั้งหล่อนก็ลืมที่จะกดเข้าไปในโปรไฟล์ของดลวิทย์เพื่อดูการเคลื่อนไหวของเขา
จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ เช้าวันเสาร์ที่หล่อนนอนตื่นสาย ฟ้าก็ผ่าลงมากลางหัวใจ เมื่อได้เห็นดลวิทย์โพสประกาศบอกกับเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊คว่า เขากำลังจะแต่งงาน
“ตัดใจเถอะนัท ยังไงพี่ดลเขาก็กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักแล้ว”
นัทนิสาเงยหน้าที่เปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองเพื่อนรัก
“น้ำ... ฉันเสียใจ... ฉันแอบรักพี่ดลมาตั้งไม่รู้กี่ปี แต่จู่ๆ พี่ดลก็ประกาศแต่งงานสายฟ้าแล่บแบบนี้ หัวใจฉันพังยับเยินหมดแล้ว... ฮืออออ...”
“แกต้องตัดใจ เข้าใจไหม ปล่อยพี่ดลไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะหาผู้ชายที่อยู่ในระดับเดียวกับแกให้นะ ฉันรู้จักอยู่หลายคนเลยล่ะ”
“ผู้ชายระดับเดียวกับฉันเหรอ?”
นัทนิสาย้อนถามทั้งน้ำตา เพราะสมองยังไม่ทำงาน
“ก็ใช่น่ะสิ พี่ดลน่ะเขาอยู่สูงเกินไป แกเอื้อมคว้ายังไงก็ไม่ถึงหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ ตัดอกตัดใจซะ แล้วก็มองหาผู้ชายในระดับเดียวกันกับแกดีกว่า ผู้ชายวัยทำงาน หน้าตาธรรมดา ฐานะปานกลาง มีเยอะแยะเลย ที่บริษัทของเราก็เพียบ เดี๋ยวฉันจะเป็นแม่สื่อให้แกเองนะนัท”
ตั้งแต่เรียนจบมานัทนิสากับชลธิชาก็เข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกัน และในตำแหน่งเดียวกันด้วย ทำให้ยิ่งสนิทกันมากขึ้น
“ฉันไม่เอาหรอก... ฉันกำลังเสียใจอยู่...”
“พี่เชษก็ดีนะนัท ตัวสูง ฐานะก็ไม่ขัดสน หน้าตาก็ไปวัดไปวาได้ด้วย”
“ก็บอกว่าฉันไม่เอาไงน้ำ...”
แล้วนัทนิสาก็เอามือขึ้นปิดหน้าร้องไห้ฟูมฟายต่อไปอย่างเสียใจ โดยมีชลธิชานั่งอยู่เป็นเพื่อนนานเกือบครึ่งชั่วโมง
“รู้สึกดีขึ้นหรือยังนัท พอดีฉันมีธุระต้องไปทำต่อน่ะ”
นัทนิสาช้อนดวงตาที่แดงก่ำขึ้นมองเพื่อนสนิท ก่อนจะฝืนพูดออกมา
“ฉันยังรู้สึกแย่อยู่เลย... แต่แกมีธุระก็ไปทำเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้”
“แน่ใจเหรอนัท”
“ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วงฉันมาก ขอบใจมากนะน้ำ ขอบใจจริงๆ ที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน คอยปลอบใจฉัน ถ้าไม่มีแก ฉันอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้...” นัทนิสามองเพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ
“เราเป็นเพื่อนกันนี่ มีอะไรก็ต้องช่วยกันอยู่แล้วล่ะ”