ขออภัยหากนิยายเรื่องนี้จะทำให้น้ำหมากกระจายน้ำลายก็หก สุดวิสัยจริงๆค่ะใครที่อ่อนไหวต่อ ..เรื่องบนเตียงกรุณาข้ามได้เลยค่ะ... เนื้อหาอาจมีความไม่เหมาะสมกับผู้สูงวัยหรือคนที่กำลังไร้คู่ ต้องขออภัยมาณ.ที่นี่ด้วยอิ_อิ
“อันอัน อันอันๆๆๆๆ เข้ามานี่เดี๋ยวนี้”
ร่างเล็กในอาภรณ์ดั่งขันทีแต่มิได้สวมหมวกบนศีรษะเหมือนขันที วิ่งเข้ามาข้างในห้องบรรทมของอินจิ๋น ร่างบางของนางในคนหนึ่งกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ดวงแววตาแดงซ้ำถูกผลักเข้าหาอันอัน ที่รับร่างนางไว้ล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกัน
“พานางออกไป”ตวาดลั่น
“ฝ่าบาทเหตุใดกัน”
อดที่จะถามไม่ได้ก็นางถูกต้องตามที่อินจิ๋นปรารถนาทุกประการ ฉุกใจเมื่อเห็นรอยน้ำตาหรือว่า ตายแล้วอันอันเจ้าพลาดแล้ว
“ข้าไม่ชอบใจ ทำมาร้องไห้ ต่อหน้าดั่งเช่นข้าจะฆ่าจะแกงนางทั้งๆ ที่ข้าเป็นฮ่องเต้ จะหาความสำราญกับเรือนร่างของนาง แต่นางกลับมาร้องไห้ดุจกำลังไว้ทุกข์”
อันอันถอนหายใจดึงมือนางในที่ยังอ่อนเยาว์ให้ลุกขึ้น ร้อยนางร้อยวัน ไม่เคยพลาดวันนี้อันอันกลับมองผิดไป
“วันนี้เจ้าทำงานพลาดพรุ่งนี้จะต้องหานางในคนใหม่ที่ถูกใจมาปรนนิบัติข้า ปกติเป็นเจ้าที่รู้ใจข้าที่สุดอันอัน อย่าให้บกพร่องเช่นนี้อีก”
น้ำเสียงตำหนิอย่างชัดเจน
อันอันประสานมือในชุดขันทีรุ่มร่ามแม้จะมองขัดตาทว่ากลับกลายเป็นสิ่งที่คุ้นตาของอินจิ๋นไปเสียแล้ว
ดึงมือนางในที่ร้องไห้ไม่หยุดออกมาข้างนอก
“นี่เงินของเจ้าแล้วไปเสีย.. กลับไปใช้ชีวิตนอกวังหลวงกับครอบครัวเสีย ฝ่าบาทไม่ต้องการเจ้าแล้ว”
ไม่อยากพูดคำนี้ปกตินางในที่ผ่านการปรนนิบัติฝ่าบาทแม้ไม่ได้รับการแต่งตั้ง แต่ก็มักจะได้อยู่ทำงานในวังหลวงด้วยหน้าที่ที่แสนสบายไม่ดูแลสวนดอกไม้ก็เป็นผู้ช่วยในห้องเครื่อง หรือนางในที่คอยดูแลข้าวของมีค่าหรือห้องเก็บตำราแล้วแต่อันอันจะจัดสรร
“กูกู๋ ข้าน้อยอับจนหนทาง อยากทำงานในวังหลวง เพื่อนำเงินจุนเจือครอบครัว”
ยังคงสะอื้นเบาๆ นางในที่พยายามสอบเข้ามาเช่นเดียวกับอันอันมีไม่มากส่วนใหญ่จะด้วยบิดาเป็นขุนนาง
“ข้าก็อับจนหนทางไม่อาจให้เจ้าอยู่ที่นี่ได้ หากเจ้ายอมทอดกายให้ฝ่าบาทอาจได้รั้งตำแหน่งสำคัญในวังหลวง หรือหากฝ่าบาทพึงใจเจ้าจริงๆ บางทีข้าก็ไม่ต้องพาเจ้ามาชาระล้างไม่แน่เจ้าอาจมีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท.. ในครรภ์ถึงเวลานั้นหญิงใต้หล้าต้องอิจฉาเจ้า แต่นี่เจ้ากลับร้องไห้จนฝ่าบาทไม่พอพระทัย”
นึกไปก็เป็นอันอันที่พลาดเอง ลืมปลอบประโลมนางก่อนเข้าไปถวายตัวให้นางอยากลิ้มรสอนาคตที่หอมหวาน ยิ่งยากใครๆ ก็อยากจะฟันฝ่า
“ขะขะกลัวก็ข้ายังเพิ่งสิบเจ็ด แม่ฝ่าบาทจะไม่ได้แก่เฒ่าอีกทั้งยังหล่อเหลาราวเทพสวรรค์ แต่กูกู๋ท่านเห็นไหม พรหมจรรย์ของเรายามที่กำลังจะถูกพรากไปมันทำให้ในใจนึกหวั่นไม่น้อย”
อันอันยิ้ม อย่าว่าแต่นางเลยสองปีมานี้อันอันเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งนางหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทมีหน้าที่จัดหานางในมาถวายยามค่ำคืน ยังนึกชื่นชมพวกนางที่ ไม่มีใครแสดงท่าทีหวาดกลัว เมื่อต้องร่วมแท่นนอนกับอินจิ๋น หากเป็นอันอันคงสั่นเป็นเจ้าเข้า แม้จะอายุ20ปีแล้วก็ตามพวกนางเพิ่งจะแตกเนื้อสาวสิบเจ็ดสิบแปดจะต้องมีใครสักคนที่มีอาการเช่นเดียวกับอันอัน
“เอาอย่างนี้ในทุกเดือนเจ้าเข้ามาพบข้า ข้ามอบเงินส่วนหนึ่งให้เจ้าเพียงแค่เจ้าทำงานเล็กน้อยให้ข้า”
สาวน้อยพยักหน้าขึ้นลงแววตาซาบซึ้งใจ
อินจิ๋นไว้ใจอันอันยิ่งนัก เบี้ยหวัดที่มากมายประทานให้เพิ่มขึ้นในทุกเดือน ไหนจะยามที่เขาถูกใจหญิงงามคนใดที่อันอันเลือกเข้ามาปรนนิบัติในค่ำคืนนั้นๆ อันอันก็จะเป็นคนที่ได้รับของกำนัลล้ำค่า นอกเหนือจากที่พวกนางได้รับ อันอันจึงเป็นที่เกรงขามของเหล่านางใน ทั้งใหม่และเก่าขุนนางหลายคนมักจะติดสินบนให้อันอันส่งบุตรีของพวกเขาให้กับฝ่าบาทเพื่อต้องการให้บุตรีตั้งครรภ์กับอินจิ๋นเพื่อหวังตำแหน่งฮองเฮา ที่จนป่านนี้แม้สนมเขายังไม่แต่งตั้ง ฮองเฮาก็ปล่อยให้ว่างเว้น มีเพียงให้อันอันคัดนางในหน้าตาดีถูกใจอินจิ๋นเพื่อปรนเปรอเขายามค่ำคืนเท่านั้น
“นายหญิง”
ขันทีข้างกายอินจิ๋นประสานมือตรงหน้าอันอันด้วยความนอบน้อม
“ว่ามา”น้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านขุนพล ส่งบุตรี เข้ามาในวังหลวงในอีกสองวัน”
“แล้วอย่างไร”แม้จะเข้าใจดี แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เสี่ยวจื้อร้อยวันพันปีไม่ยุ่งเรื่องนี้ขุนพลคนนี้ธรรมดาต้องมาขอร้องอันอันเสียเอง
“ท่านขุนพลเพิ่งถูกฝ่าบาทสงสัยเรื่องความภักดี จึง…ให้ข้าเชิญนายหญิงที่จวนท่านขุนพลในค่ำคืนนี้”
“ข้าไม่รับสินบนหากเรื่องนี้รู้ถึงหูฝ่าบาท ข้ามิต้องตายอย่างไร้ดินกลบฝังหรือไร”
รู้ดีว่าถึงแม้อยากจะรับเพียงใดอันอันก็ไม่มีทางทำผิดต่ออินจิ๋นก็ในเมื่อสิ่งที่ได้มาจากอินจิ๋นมากจนไม่ควรรับจากคนอื่นอีก
“นายหญิง แต่ท่านขุนพล”
อึกอักด้วยความลำบากใจ
“เขาให้เจ้าเท่าไหร่ จึงอาสามาพูดแทนท่านขุนพล ข้าไม่รับสินบนแต่นำคำพูดของข้าไปบอกเขา เผื่อว่าโอกาสหน้าอันอันจะได้ พึ่งพาท่านขุนพลบ้าง”
ขันทีหนุ่มน้อยนามเสี่ยวจื้อก้มหน้ามองพื้น
“ขอรับนายหญิง”
อ้อมแอ้ม
“อืมบอกเขาว่า ฝ่าบาทนิยมหญิงงามที่ชดช้อยยามเยื้องย่างเหมือนไม่ได้ก้าวเดิน สะโพกกลมกลึง แต่ไม่ต้องผายออกจนเกินงาม ถันต้องเต่งตึงดันอาภรณ์ขึ้นมาอวดโฉมและที่สำคัญที่สุด จะต้องอ่อนหวานเขินอายแต่จะต้องปรนิบัติฝ่าบาทด้วยความเต็มใจยิ่ง แค่นี้หวังว่าท่านขุนพลจะจัดการให้บุตรีของเขา เป็นอย่างคำพูดของข้าที่ฝากบอกไป สักวันข้าก็คงส่งนางเข้าปรนิบัติฝ่าบาท หากจัดการตามที่ข้าบอกไม่ได้ข้าเองก็จนปัญญา”
เสี่ยวจื้อถอนหายใจประสานมือ ก้าวเดินจากไปในทันที อันอันถอนหายใจ
หญิงที่ฝ่าบาทนิยม และต้องการในทุกคืนมีบุคลิกคล้ายกันแทบทุกคนแต่ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีท่าทียั่วยวนที่ไม่ยั่วยวน อันอันอาศัยสายตาผู้หญิงด้วยกันจึงมองออกว่าใครที่พร้อมจะยั่วยวนฝ่าบาทด้วยความไม่ยั่วยวนของนางพูดง่ายๆ คือแสร้งเดียงสายามอยู่ต่อหน้าอินจิ๋นแต่ต้องไม่เจนจัดหรือเนียมอายจนเกินไปเมื่ออยู่บนแท่นนอน นั่นคือต้องเป็นธรรมชาติที่สุด
อันอันยิ้มให้กับตัวเอง อันอันเคยตกตะลึงกับมัดกล้ามที่อกกว้างของอินจิ๋นเคย ..ลอบกลืนน้ำลายกับริมฝีปากอิ่มที่ขยับขึ้นลงยามที่ยื่นหน้าเข้ามาพูดคุยกับอันอัน บุรุษผู้นี้มิใช่แค่เพียงสูงส่งแต่ทว่ามีแรงดึงดูดบางอย่างที่แค่เพียงเข้าใกล้กลับรู้สึกว่าใจสั่นระรัว
แต่ดูอันอันสิ หาได้มีสิ่งที่อินจิ๋นนิยมไม่ มีเพียงความรู้ใจเท่านั้นที่อันอันมีให้อันอันรู้ใจอินจิ๋นดีกว่าใครในวังหลวงแห่งนี้ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เรื่องไหนอันอันก็จัดการได้หมดจด อินจิ๋นเคยเปรยๆ ยามที่เมามายว่าหากไม่มีอันอันอินจิ๋นคงไม่อาจจัดการทุกอย่างได้เพียงลำพัง
“นายหญิงเจ้าขา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยมาบอกนายหญิงว่าพรุ่งนี้ราชทูตจากแคว้นฉีจะเดินทางมาถวายเครื่องบรรณาการ นายหญิงจะต้องเขาร่วมแสดงความยินดี และต้อนรับองค์หญิงใหญ่ของแคว้นฉีที่จะมาพร้อมกับขบวนทูต ครั้งนี้ฝ่าบาทให้นายหญิงจัดการเรื่องการต้อนรับ"
อันอันถอนหายใจ งานใหญ่อีกแล้ว
“เข้าใจแล้ว วันนี้ดึกแล้วข้าเหนื่อยเหลือเกินเจ้าไปนอนเสียข้าเองก็อยากจะพัก”
หันหลังเดินเข้าห้องไม่รอให้นางกำนัลย่อกาย ก็นางอายุไล่เลี่ยกับอันอัน ใครบ้างจะไม่เกรงกลัวอันอัน ในเมื่อฝ่าบาทถือหางนางเพียงนั้น
ปิดประตูเบาๆ ปลดอาภรณ์ให้ลงไปกองกับพื้นอาภรณ์ชุดขันทีรุ่มร่ามกับมวยผมที่ต้องเกล้ารวบจนตึงเปรี๊ยะเพื่อความเป็นระเบียบ ใบหน้าที่ขาวซีดไร้การแต่งแต้มดังเช่น หญิงทั่วไปในวังหลวง
วันนี้อากาศไม่เย็นอย่างเช่นทุกวัน อันอันแช่น้ำอุ่นจนพอใจ ก้าวขาขึ้นจากน้ำหมดเวลากับการแช่น้ำอุ่นเสียนาน ดึงผ้าผืนน้อยพันสิ่งสงวนไว้เสีย ประทุมถันที่ดันผ้าผืนน้อยบางเบาออกมายอดประทุมถันที่เต่งตึงสีชมพูระเรื่อ รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากอันอันรู้ได้ทันทีว่าตัวเองเข้าสู่วัยสาวสะพรั่ง แต่หากยังอยู่ในวังหลวงก็คงหา บุรุษมาชอบพอได้ยาก อาศัยรับใช้ใกล้ชิดอีกหลายปีกว่าจะได้ออกไปใช้ชีวิตนอกวังหลวง เมื่อนั้นร่างกายก็คงโรยรา ไร้คนหมายปอง ทรุดกายลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งผมยาวสลวยเปียกชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราว ใบหน้าซีดขาวแต่ได้รูปริมฝีปากสีชมพู อันอันหยิบสีชาดสีเข้มกว่าริมฝีปากเล็กน้อยที่วางทิ้งไว้เสียนานขึ้นมาขบเม้ม ริมฝีปากกลายเป็นสีชมพูเข้มกลีบดอกเหลียนฮวาในทันที เลือนนิ้วมือไปบนริมฝีปากอวบอิ่ม จับแปรงสางผมขึ้นมาสางผมยาวสลวยไม่ต้องเกล้ามัด ใบหน้างดงามในกระจกเงาริมฝีปากสีชมพูน่ามอง ผมยาวสลวยระอยู่บนไหล่ขาวเนียนและแผ่นหลังขาวผ่อง ลำคอระหง กับดวงตากลมโต
“เจ้าก็งดงามเหมือนกันอันอัน”ยิ้มให้ตัวเองในกระจกก่อนจะลุกขึ้นตั้งใจสวมอาภรณ์ในชุดบางเบาจะได้หลับสบายผ่อนคลายให้สมกับที่เหนื่อยมาทั้งวัน
เสียงประตูเปิดออกทันทีอันอันยังอยู่ในสภาพที่ใช้ผ้าผืนน้อยปิดบังเพียงสิ่งสงวน
หะแรกคิดว่าเป็นนางกำนัลที่ตั้งใจเข้ามาเพื่อแจ้งข่าวของอินจิ๋นที่มักจะมีข่าวมาแจ้งบอกอันอันไม่ว่าเวลาไหน นางเข้ามาโดยวิสาสะคงเห็นว่าไฟในห้องยังสว่างอยู่
“ อืมป่านนี้เจ้ายังต้องส่งข่าวให้ข้าอีกหรือ”หันหลังหยิบอาภรณ์ พูดไปยิ้มไป แต่ไม่ลืมใช้มือกุมรอยขมวดผ้าผืนน้อยที่อกอิ่มไว้แน่นหมิ่นเหม่ว่ามันจะหลุดเสียให้ได้ นางไม่ได้นอนอันอันก็ยังไม่ได้นอน คิดตำหนิอินจิ๋นที่มักจะมีคำบัญชายามดึกเสมอ คิดได้ตอนไหนก็บัญชาในตอนนั้น คนที่ต้องทำตามคืออันอัน
“.......”ตาคมจ้องมองร่างอวบอิ่มด้านหลังตาไม่กะพริบรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าในแบบนี้”อันอันหันมาอ้าปากค้าง อินจิ๋นเองก็อ้าปากค้างเช่นกันเมื่อเห็นว่าใบหน้างดงามของอันอันที่เขาเคยมองข้าม อีกทั้งริมฝีปากที่เคยเป็นเพียงสีชมพูซีดจางบัดนี้กลับเป็นสีชมพูเข้ม อินจิ๋นเผลอขบเม้มริมฝีปากอย่างลืมตัว เรือนผมยาวสลวยไม่ได้เกล้ามัด ยาวลงมาตัดกับผิวขาวเนียน สายตาคมจ้องมองต่ำลงมายังมือบางที่กุมขมวดผ้าที่อกอิ่ม ยอดประทุมถันดันผ้าผืนน้อยขึ้นมาอวดโฉมสล้างไม่ได้ตกย้อยด้วยอกอิ่มที่หากสัมผัสคงเต็มไม้เต็มมือเต็มปากเต็มคำ ผิวขาวสะอาดตาต่ำลงมาเป็นเรียวขางามที่โผล่พ้นผ้าผืนน้อยที่ปิดไว้เพียงสิ่งสงวน เนื้อเนียนของขาขาวโผล่ออกมาขาวจนอินจิ๋นต้องกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ชุดขันทีรุ่มร่ามที่เคยคิดว่าขัดตา บัดนี้อินจิ๋นกับรู้สึกว่าผ้าผืนน้อยนั่นขัดตายิ่งกว่า หากมีกระบี่ในมือเขาคงฟันมันขาดยับไปแล้ว สะบัดพับผ้าอาภรณ์ในมือห่มคลุมร่างโป๊ให้อันอันเสียก่อนจะเบือนหน้าหนี อันอันใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม
คงอุจาดตาไม่อยากมองจึงทำเช่นนี้ อินจิ๋นเอามือไพล่หลังหันหลังให้อันอัน
“ข้านำอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เจ้า เดิมจะให้นางกำนัลนำมาแต่เห็นว่าเรียกหาพวกนางแล้วต่างเงียบงันคงหลับกันจนสิ้น …อีกอย่างข้านอนไม่หลับ”ยิ่งมาเห็นอันอันแบบนี้เขายิ่งนอนไม่หลับ
“อาภรณ์ชุดใหม่”อันอันเลิกคิ้ว จะนอนหลับได้อย่างไรก็คืนนี้ไร้นางในคอยปรนนิบัติให้หลับใหลไปเพราะความอ่อนเพลีย
“ข้าเห็นว่าพรุ่งนี้แขกเมืองจะมาเจ้าก็ไม่แคล้วสวมใส่อาภรณ์ชุดขันทีรุ่มร่าม ข้าขัดนัยน์ตายิ่งนัก”
หันมาเผชิญหน้าอีกครั้ง อันอันพยักหน้ายิ้มบางๆ
“อันอันขอบพระทัยฝ่าบาท”ดึงอาภรณ์ให้รัดกุม ย่อกายลงแทนที่จะประสานมือเหมือนทุกครั้ง อินจิ๋นถอนหายใจกับท่าทีอ่อนหวานที่เขาเพิ่งจะเคยเห็น
“หากไม่มีอะไรแล้ว ข้ากลับก่อน จะเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เสียหน่อย”ก้าวเดินสวนเข้ามาในห้อง อันอันอ้าปากค้าง
“ฝ่าบาทประตูอยู่ด้านนั้น”อินจิ๋นยิ้มโชว์เขี้ยวสวยสองฝั่งซ้ายขวา
“อืม… ข้าคง… ง่วงแล้วต้องไปนอนแล้วเจ้าก็นอนเสียพรุ่งนี้มีงานใหญ่รออยู่”พูดไปยิ้มไป ก้าวออกจากห้องปิดประตูเบาๆ
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"