ความรักเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก... ฉันหลงรักผู้ชายคนหนึ่งมาตลอดสามปี... ฉันทำได้แค่แอบมองเขา และแอบเก็บเขาไว้ในใจ คงทำได้แค่นั้นแหละสำหรับฉันกับเขา เขาผู้ซึ่งนั่งอยู่บนยอดดอย...และฉันที่มองเขาจากก้นเหว เขาควรเป็นแค่ความทรงจำแสนดีสำหรับฉัน…หากไม่มีเรื่องตลกเกิดขึ้น…ก็คงเป็นได้แค่ความลับในใจเท่านั้นแหละ เราสองคนเดินผ่านจุดอันตรายนั่นมาด้วยกัน และมีความทรงจำแบบใหม่ที่ฉันไม่อาจลืมได้....เขาโยนความผิดนั้นให้ฉันแบกรับไว้คนเดียว ซึ่งฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเกลียดฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่ จะเพิ่มอีกสักเรื่องให้เขาเกลียดฉันมากขึ้นก็ไม่เห็นเป็นไร...ฉันทำใจไว้นานแล้ว แต่แล้วทำไมล่ะ คนที่บอกว่าเกลียดฉันนักหนา...ถึงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ฉัน ทำตัวเป็นหมาหวงรางข้าว ไม่ยอมให้ฉันเริ่มต้นใหม่สักที...ทำไม???
บทที่1.ความลับของฉัน
โรม อิตาลี...
นักศึกษาทุนรัฐบาลอย่างฉันใช้เวลาทุกนาทีคุ้มค่าเสมอ เลยไม่เคยมีเวลาว่างคิดเรื่องไร้สาระ ในขณะที่คนรอบตัวฉันใช้ชีวิตนักศึกษากันอย่างสนุกสนาน ฉันกลับต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดให้ได้ เพราะฉันไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่นไง แต่ฉันมีความฝัน และความฝันนั่นแหละที่ทำให้ฉันมายืนอยู่ตรงนี้
เกือบสามปีในมหานครแห่งประวัติศาสตร์ ในที่สุดวันแห่งความสำเร็จก็แวะเวียนใกล้เข้ามาทุกขณะ
คนอื่นอาจจะดีใจรีบส่งข่าวกลับบ้าน เพื่อให้คนในครอบครัวรู้สึกภาคภูมิใจ
แต่...ฉัน ไม่มีคนรออยู่ที่บ้านเกิดไง ในหัวฉันเลยมีแต่เรื่องทำมาหากิน ก่อนกลับ ฉันควรมีเงินสักก้อน เพื่อใช้สำหรับการตั้งตัว
วันนี้ฉันเลยอยู่ตรงนี้ กับงานที่ฉันรัก วิชาความรู้ที่ฉันร่ำเรียนมา จะได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ก็วันนี้แหละ
“ธาร...ขายรูปได้บ้างหรือยังล่ะ” เสียงใครบางคนถามอยู่ข้างหลัง ฉันหันกลับไปมอง แล้วก็เผลอยิ้มตาม
เพื่อนนักศึกษาคนเดียวที่ยอมลดตัวมาเป็นเพื่อนฉัน ท่ามกลางผู้คนที่พยายามอยู่ห่างฉันไว้ให้ได้มากที่สุด ฉันไม่รู้ปูมหลังของปุณิกามากนักหรอก เท่าที่รู้ก็ฟังมาจากคำบอกเล่าของคนอื่นๆ เพื่อนของฉันคนนี้ค่อนข้างมีฐานะ แต่ก็ไม่ถึงกับร่ำรวยเป็นคุณหนูไฮโซ เหมือนแฟนของเธอหรอก หมอนั่น เป็นลูกหลานคนดัง มีฐานะร่ำรวยมาก มากเสียจนบางครั้งฉันก็แอบอิจฉาความมั่งมีของเขา
ฉันไม่ใคร่ใส่ใจคนรอบตัวเท่าไหร่หรอกนะ เพียงแต่สองคนนี้ เป็นคนที่มาจากประเทศที่ฉันนั่นแหละ มันเลยเป็นความจำเป็นที่ทำให้ฉันต้องรู้โดยปริยาย
นักศึกษาจากต่างแดนมักจะเกาะกลุ่มกันอยู่ เพื่อไม่ให้รู้สึกเหงา และคิดถึงบ้านเกิดมากนัก
ซึ่งฉันไม่ได้อยู่ในกลุ่มของพวกเขาหรอก ฉันไม่ค่อยมีเวลาว่าง ทุกนาทีของฉันต้องใช้ให้คุ้มค่า ไม่อย่างนั้น แม้แต่ที่ซุกหัวนอนฉันก็คงไม่มี
ฉันวิ่งรอกทำงานหลายที่ เพื่อให้มีสตางค์พอสำหรับค่าใช้จ่าย
ฉันสอบชิงทุนมาก็จริง แต่จำนวนเงินที่รัฐบาลช่วยพอแค่ค่าเทอมกับค่ากินอยู่นิดหน่อย ต่อให้ประหยัดมากแค่ไหนก็ไม่มีทางพอ ฉันไม่มีใครสนับสนุนไง ไม่มีครอบครัว โชคดีที่ยังมีบ้านคุ้มหัว แม้จะไม่ต่างจากคนรับใช้สักเท่าไหร่ในบ้านที่ฉันเติบโตมา
ครั้งแรกที่ฉันบอกลุงกับป้า ทั้งสองท่านคัดค้านหัวชนฝา
ฉันเตรียมใจไว้แล้ว เลยหาเหตุผลที่มีมากพอ เพื่อโน้มน้าวญาติผู้ใหญ่
และฉันก็ทำสำเร็จเลยได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ไง วันนี้ ฉันถึงปลายทางที่ฝันไว้แล้ว แต่ไหนๆ ฉันก็มาไกลถึงอีกซีกของโลก ฉันควรมีอะไรติดมือกลับไปบ้างไม่ใช่เหรอ...
“พอได้อะณิกา” ฉันตอบ ขยับเก้าอี้เตี้ยๆ ที่เตรียมไว้ให้ลูกค้านั่งให้เพื่อนของฉัน “นั่งก่อนไหมล่ะ”
ปุณิกาส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มหวาน “ณิกานัดเติร์กไว้น่ะธาร วันนี้เรานัดมาเดตกัน”
ฉันเม้มปาก เสก้มหน้าหลบ หัวใจเต้นช้าลงหน่อยๆ เพราะผู้ชายที่ปุณิกามาออกเดตด้วย คือคนบางคนที่ฉันแอบซุกไว้ในใจ ฉันไม่กล้าเผยอหน้าหรือทำให้ชายผู้นั้นสนใจตัวเองหรอก ฉันกับเขา ยิ่งกว่าก้นเหวกับท้องฟ้าเสียอีก ฉันโชคดีที่ได้รู้จักเขาที่นี่ แต่หากกลับบ้านเกิดเมื่อไหร่...ความโชคดีของฉันคงหมดลงด้วย
คงทำไม่ได้แม้แต่จะแอบมองเขา เหมือนทุกวันนี้หรอก
น่าจะได้เห็นเขาผ่านสื่อเพราะเขาเป็นคนดังนั่นแหละ...ทายาทนิธิกิจไพศาล ตระกูลดังที่เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ในประเทศที่ฉันเกิด
“ขอให้สนุกนะ” ฉันพึมพำตอบ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า ฉันกลัวว่าตัวเองจะหลุดพิรุธให้เพื่อนจับได้ หัวใจของฉันมันเจ็บแปล๊บๆ พิกล
ฉันเจียมตัวมาตลอดนั่นแหละ แต่ฉันก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง
ฉันมีความรู้สึกเหมือนชาวบ้านชาวช่อง ที่ฉันสงสัยคือ ฉันประทับใจอะไรในตัวผู้ชายคนนั้น และลุ่มหลงเขาได้ถึงเพียงนี้
“แหงล่ะ ฉันสนุกแน่ๆ แต่เธอ คงไม่มีความสุขหรอก...น่าจะนั่งรากงอกอยู่ตรงนี้อีกนาน กว่าจะขายผลงานเห่ยๆ นั่นหมด” เสียงห้าวๆ คุ้นหู กับกลิ่นประจำตัวของเขา ฉันก้มหน้าลงมากกว่าเก่า พยายามรั้งสายตาตัวเองไว้ที่พู่กันในมือ
“ณิกาขอนะคะเติร์ก” เสียงหวานๆ ของเพื่อนปรามความปากเสียของชายผู้นั้นไว้
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"