เธอมีผมสีฟ้าส่องแสงเป็นประกาย ดวงตาอันแวววาว และที่สำคัญคือเธอตกลงมาอยู่ในสวนหลังบ้านผมได้ยังไง?! เรื่องแบบนี้มันมีอยู่ในโลกด้วยหรอ?
"คุณลูกค้า ขอโทษที่ให้รอ ยำทะเลรวมมิตร 2 ที่ได้แล้วครับ!"
"มอคค่ากับสปาเกตตีโต๊ะสามก็พร้อมแล้วนะ ฝากจัดการด้วย" เสียงหญิงสาวดังขึ้นจากในห้องครัว
"รับทราบ!" ชายหนุ่มตะโกนขานรับ
ท่ามกลางความสุขสำราญของเหล่าผู้คนที่นั่งรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยภายในร้านอาหารขนาดย่อม มีเพียงผมสีขาวผ่องอันเรียวยาวสะบัดพลิ้ววิ่งรอบร้านไปมาอย่างอลหม่าน
"ขอโทษที่ให้รอนะครับ อาหารที่สั่งได้แล้วครับ"
ปีเตอร์เป็นลูกจ้างคนแรกและคนเดียวของร้านอาหารแห่งนี้ เขาเป็นชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบปี มีผมสีขาวเรียวยาวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนลูกค้าบางท่านก็มักเรียกปีเตอร์ว่า "พ่อหนุ่มหัวขาว"
"ครบจนได้ หู้ว"
ด้วยความที่ว่าร้านอาหารแห่งนี้มีพนักงานเพียงแค่สองคนต่อผู้คนที่มารับประทานอาหารจำนวนมาก เขาเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้พลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
"อย่าเพิ่งรีบเหนื่อยสิรุ่นน้อง พวกเรายังมีออเดอร์อีก 4 โต๊ะนะ มาช่วยกันหน่อยเร็ว! "
"ระ รับทราบ"
ฉ่า หญิงสาวยืนอยู่หน้ากระทะ กดเร่งไฟจนแรงสุดแล้วโยกกระทะเพื่อคลุกเคล้าอาหารไปมาอย่างคล่องแคล่ว
เธอคือ "เฮเลน" ผู้เป็นทั้งเชฟหลักและเจ้าของร้านแห่งนี้ สาวผมสีน้ำตาลที่มีไฮไลท์ดำยาวลงมาถึงบ่า ในเวลาทำงานเธอจะรวบมัดเอาไว้ไม่ให้มาก่อกวนการทำงาน ใบหน้าสะสวยกับฝีมือการทำอาหารที่สามารถมัดใจคนให้หลงรักจนคลั่งได้ จึงทำให้ผู้คนละแวกนี้มักพากันกรูเข้ามาใช้บริการร้านแห่งนี้กันอยู่ไม่ขาดสาย
"ออเดอร์สุดท้ายแล้วนะ เอาให้เต็มที่ไปเลย!"
"เมนูล่ะเจ๊?"
"ปูผัดผงกะหรี่ เตรียมเครื่องเคียงให้ที"
"รับทราบ"
ปีเตอร์ยืดเส้นสายก่อนหนึ่งครั้ง ก่อนจะหยิบวัตถุดิบมาบรรจงสับละเอียดพร้อมกับปรุงเครื่องเทศได้อย่างรวดเร็ว เขายื่นจานวัตถุดิบส่งไปต่อให้เฮเลนผู้ทำหน้าที่ผัดต่อ การทำงานกันอย่างมืออาชีพของพวกเขามักจะถูกกล่าวชมอยู่บ่อยครั้ง
และแล้วสงครามในวันนี้ก็เสร็จสิ้นลงจนได้
"ฮึ้บ....อ้าา สมกับเป็นวันสิ้นปีเลยนะครับ ลูกค้าเยอะกว่าปรกติจริงๆ"
"อื้ม แต่ปีนี้พวกเราก็ยังผ่านไปได้ด้วยดีเนอะ"
ชายหนุ่มผมขาวทิ้งตัวลงบนพื้นห้องครัวพลางใช้ผ้าเช็ดเหงื่อตามร่างกาย เขารับน้ำอัดลมจากรุ่นพี่แล้วขยับตัวให้เธอนั่งข้างๆ
"ชนแก้ว!"
"ไม่มีไวน์เย็นๆเหลือสักขวดเหรอครับ?"
"เอาเถอะน่า ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์เหมือนนายนี่ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนดิ"
เฮเลนยื่นนิ้วไปจิ้มบนแก้มนุ่ม เธอชอบหยอกรุ่นน้องคนนี้เป็นประจำ นอกจากเขาจะไม่รำคาญเธอแล้วยังขี้อายอีก เห็นได้จากใบหน้าของปีเตอร์เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
"แล้วปีใหม่นี้นายไม่มีนัดบ้างเลยรึไง?"
"หึ ของแบบนั้นไม่มีตั้งแต่เรียนจบม.ปลายแล้วครับ"
"น่าเสียดายเนอะ คนน่ารักแบบนายแต่กลับไม่มีผู้หญิงมามองบ้างเลยเนี่ย ทำบุญบ้างรึเปล่า?"
"ชะ ช่างผมเถอะน่า เจ๊เองก็ไม่มีเหมือนกันแหละ อายุก็ปูนนี้แล้ว" เฮเลนกระตุกคิ้วขึ้น
"หา?! ยอกย้อนเหรอ จะเหิมเกริมไปแล้วน้าา ฉันมีคนคุยแล้วย่ะ"
"ใครจะไปเชื่อ"
เฮเลนหยิกแก้มของชายหนุ่มแล้วยืดออก ถึงจะหยอกล้อรุ่นน้องไปแบบนั้นแต่เธอเองก็ยังไม่มีแฟนเป็นผู้เป็นคนเสียที ด้วยภาระงานทางร้านอาหารก็แทบจะเอาเวลาในชีวิตเธอไปจนหมดแล้ว เห็นทีเรื่องอื่นคงจะเป็นไปได้ยาก
จริงๆแล้วเป็นเพราะเธอไม่คิดฝักใฝ่ในความรักเสียเป็นส่วนใหญ่ ขอแค่ได้ทำอาหารไปเรื่อยๆ เรื่องคนข้างกายคงไม่สำคัญเท่าไหร่นัก
ยิ่งทุกช่วงเวลาสิ้นปี ที่ร้านจะมีคนแน่นเอี้ยดจนแทบล้นก็ว่าได้ เหล่าผู้คนต่างพากันมาที่ร้านอาหารเพื่อสังสรรค์เนื่องในเทศกาลกันทั้งนั้น ในส่วนของไวน์ตามเทศกาลที่เหลือปีเตอร์ก็อาสาเป็นคนนำกลับไปเอง เนื่องจากเขาอยู่บ้านเพียงคนเดียวแถมยังชอบดื่มแอลกอฮอล์เป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย
"มาทำความสะอาดกันเถอะ!"
เธอดึงแขนปีเตอร์ขึ้นแล้วหยิบไม้กวาดมาเริ่มลงมือกวาดพื้นห้องครัวอย่างไม่รอช้า ปีเตอร์ได้แต่มองรุ่นพี่แล้วแอบยิ้มโดยไม่ให้เธอเห็น เขาเดินไปหยิบไม้กวาดมาช่วยอีกแรง
"ช่วงนี้ข่าวเรื่องลี้ลับกำลังมาแรง นายอยู่บ้านคนเดียวต้องระวังตัวไว้หน่อยนะ"
"เรื่องลี้ลับ? หมายถึงผีเหรอครับ"
"ไม่ใช่หรอก เอเลี่ยนน่ะ"
"ฮ่าๆ ล้อเล่นรึเปล่าเจ๊ พวกนั้นจะมีจริงได้ยังไง"
"เห.. นายไม่เชื่อเรื่องเอเลี่ยนเหรอ"
"ก็ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ว่า....น่าจะเรียกว่าไม่สนใจมากกว่านะครับ ยังไงก็เป็นเรื่องไกลตัวจริงไหมล่ะ"
"อื้ม ก็จริงจ้ะ"
แต่เดิมโลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาจากสัตว์เซลล์เดียวทั้งนั้น พวกมันมีการวิวัฒนาการมาต่อเนื่องกันจนแตกแขนงออกไปมากมาย และหนึ่งในแขนงนั้นก็คือมนุษย์ โอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตซึ่งสามารถใช้ความคิดและสติปัญญาในการสร้างยานแบบในหนังที่เคยดูตอนวัยเด็กได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
หลังจากทำความสะอาดร้านจนสะอาดเอี่ยม ปีเตอร์จึงบอกลาเฮเลนแล้วออกเดินทางกลับบ้าน
"เอเลี่ยนงั้นเหรอ... "
ปีเตอร์เอาแต่คิดถึงเรื่องในข่าวช่วงนี้ที่นำเสนอแต่เรื่องของสิ่งลี้ลับจากนอกโลก แต่ก็ส่ายหน้าไปในที่สุด ยังไงของแบบนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว...
แสงตะวันเริ่มที่จะลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเป็นสีแดงฉานบ่งบอกถึงเวลาเย็นก่อนมืดค่ำ
ปีเตอร์เดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว ท่ามกลางเหล่านักเรียนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยละแวกร้านอาหาร เขาหิ้วถุงใส่ขวดไวน์องุ่นและสับปะรดจากเมืองนอกกลับไปอย่างละขวดด้วยใบหน้าที่อมทุกข์
สีหน้าของเหล่าผู้คนที่เดินกันเป็นคู่บ้าง กลุ่มบ้าง ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข พวกเขาใช้ชีวิตโดยไม่ได้ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว ไม่เหมือนปีเตอร์ที่วันๆทำแต่งานร้านอาหารจนแทบจะลืมเรื่องของการใช้ชีวิตไปหมดแล้ว
เขาเดินเข้าไปในร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดเล็ก ร้านแห่งนี้เป็นร้านประจำของปีเตอร์มาตั้งแต่ตอนสมัยมัธยม ถึงแม้อายุจะไม่ถึงแต่ลุงเจ้าของร้านก็ใจดีกับปีเตอร์เอามาก
"อ้าว พ่อหนุ่มผมขาวนี่"
"สวัสดีครับลุง วันนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างมั้ยครับ"
"เรื่องนั้นไว้ใจลุงได้เลย ของใหม่เพิ่งจะมาส่งเองน่ะ"
ลุงผู้นี้ไร้ชื่อแซ่ รู้เพียงแค่เป็นคนที่นี่มานาน ทุกคนแถวนี้ต่างก็รู้จักลุงแกดี ลุงแกเป็นคนอัธยาศัยดีกับทุกคน เหล้าร้านของแกก็มีทั้งของในและนอกประเทศ นับว่าเป็นของแรร์ในเมืองเลยก็ว่าได้ ลุงเป็นผู้ชายที่ดูสูงอายุที่กลับแข็งแรงกว่าที่คิด แอลกฮอล์ในเลือดลุงคงจะเป็นตัวรับอิเล็กตรอนแทนออกซิเจนแล้วล่ะมั้ง
ลุงเดินหยิบไวน์ขวดใหญ่ออกมาจากหลังร้าน ที่ขวดถูกปิดด้วยจุกคอร์กตามด้วยฉลากการนำเข้า ชื่อของมันก็คือ "Pinot Rose" ไวน์จากอิตาลีซึ่งมีรสชาติขององุ่นและมีความละมุนนุ่มจนฟิน
"เห..น่าลองแฮะ งั้นขอขวดหนึ่งครับ แล้วก็ขอขวดสีแดงเหมือนเดิมด้วยครับ"
"ได้เลยพ่อหนุ่ม อย่าลืมว่าต้องมีความสุขเข้าไว้ล่ะ ถ้ามีเรื่องทุกข์ใจละก็...ร้านนี้รอต้อนรับอยู่นะ"
"ขอบคุณมากครับลุง"
"ปีใหม่แล้ว ลุงเองก็แก่ไปอีกปีแล้วสิ"
"พูดอะไรอย่างนั้นครับ ลุงยังแข็งแรงดีออก"
"โฮะๆๆ ก็ไวน์พวกนี้มันอยู่ในสายเลือดลุงนี่หว่า ฮ่าๆๆ"
หลังจากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระจบ ปีเตอร์บอกลาลุงแล้วเดินกลับบ้าน
"รวมกับของเจ๊แล้ว ปีใหม่ก็คงจะอยู่รอดไปได้ล่ะนะ" ปีเตอร์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางมองเหล่าลูกรักที่พร้อมจะให้เขาลิ้มลอง
ชายหนุ่มหยุดเท้าที่หน้าบ้านเดี่ยวขนาดเล็กเขาเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าอันเปี่ยมไปด้วยเมฆที่ลอยละล่องไปตามลม เหล่าเมฆาต่างก็อยู่กันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมลอยไปด้วยกัน ตามด้วยแสงอาทิตย์สีส้มแดงส่องทะลุแยงเข้าดวงตา เขานึกอธิษฐาน
"ปีใหม่นี้ขอให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงด้วยเถอะ อย่างน้อยก็อยากมีแฟนเป็นผู้เป็นคนก็ยังดี"
ปีเตอร์หลับตาลงพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย เรื่องแบบนั้นแค่ขอก็คิดว่าจะสมหวังรึไง ไร้สาระสิ้นดี...
ทันใดนั้นเอง.. ปัง!
ฟิ้ววว เสียงวัตถุโลหะเสียดสีกับอากาศราวกับเสียงเครื่องบินบนท้องฟ้า วัตถุปริศนาขนาดเล็กกำลังพุ่งลงมาสู่พื้นโลก ปีเตอร์เงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทีงุนงง เขาวิ่งเข้าไปหลบที่มุมกำแพงบ้านแล้วค่อยๆชะโงกหน้าออกมาด้วยท่าทีตกใจสุดขีด
"เห้ยๆ อะไรวะน่ะ! " ขีปนาวุธ? ถึงจะเคยฟังข่าวแล้วได้ยินเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ว่า...บ้าน่ะ ของแบบนั้นจะมาตกที่บ้านเราเนี่ยนะ?!
ปีเตอร์เพ่งสายตามองวัตถุปริศนา มันพุ่งลงมาด้วยความเร่งจนตาแทบมองไม่ทัน เขารีบทิ้งถุงไวน์และหมอบตัวลงต่ำทันที เศษดินในสวนหลังบ้านพุ่งกระจายออกไปรอบทิศทาง พืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้กระเด็นกระดอนไปทั่ว วัตถุปริศนาได้พุ่งลงมาปักลงบนพื้นดินเกิดเป็นหลุมขนาดรัศมีราวๆ 1 เมตร
ปีเตอร์ได้สติก็ค่อยๆเดินอ้อมมายังสวนหลังบ้านด้วยความตื่นตระหนก เขาพยายามย่องเบาๆเพื่อไม่ให้ใครได้ยินเสียงเท้า ก่อนจะได้เห็นความพินาศของสวนหลังบ้านตน
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ?" เสียงพึมพำเบาๆราวกับได้ดูหนังสงครามในรูปแบบ 4 มิติ
ดวงตาทั้งสองคู่มองกวาดไปตามสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ เศษพืชผักกระจายไปทั่ว ดินที่พรวนเอาไว้ก็เละเทะไปหมด
"นั่นมัน..!" ปีเตอร์จ้องไปที่วัตถุปริศนาขนาดใหญ่ที่ปักอยู่กลางสวน เขายืนลังเลที่จะเดินเข้าไป ถ้ามันเป็นระเบิดจริงๆขึ้นมาจะทำยังไง!? แต่ต่อมอยากรู้อยากเห็นเองก็พยายามบังคับให้เขาเดินไปสำรวจ
บ้าเอ๊ย เป็นไงเป็นกันวะ!
เขาค่อยๆหมอบแล้วคลานเข้าไปหาวัตถุโลหะปริศนา มันมีขนาดประมาณ 2 เมตร บนเปลือกนอกมีรอยดำจากการเสียดสีชั้นบรรยากาศจนเกิดการลุกไหม้ แต่ถึงอย่างนั้นโลหะก็ไม่มีการแตกหักเลยแม้แต่น้อย เหล็กพิเศษรึไงนะ?
ปีเตอร์ใช้มือสัมผัสผิววัตถุนั้น เผื่อจะเป็นอุปกรณ์ทางการทหารหรืออุปกรณ์วิจัยของนักวิทยาศาสตร์ก็เป็นได้
สัมผัสแรกมันผิวที่เรียบหนา เป็นโลหะที่มีความหนาเป็นพิเศษ เพียงแต่ปีเตอร์เองก็ไม่มีความรู้มากมายอะไรนัก เขาเพียงแค่มองรอบๆวัตถุนั้นและพบกับส่วนที่เป็นกระจกใส
บ้าน่า...อุปกรณ์ทางการทหารจะมีกระจกให้ศัตรูเห็นภายในได้ยังไง เขาเขย่งตัวขึ้นแล้วลองผ่านกระจกถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน...แต่ก็ต้องเบิ่งตาโต
เธอมีผมเรียวยาวสีฟ้าเป็นประกายสดใส ผิวพรรณเปล่งเนียนนุ่มสีขาวผ่องเปรียบดั่งความบริสุทธิ์ของแร่ควอตซ์ ดวงตาสีน้ำเงินราวกับอัญมณีอันล้ำค่า ร่างกายอันเปลือยเปล่า ดูเหมือนเธอกำลังหลับใหลอยู่....ปีเตอร์ได้จ้องมองไปยังดวงตาที่กำลังปิดอยู่
แต่จากนั้นดวงตาคู่นั้นก็ได้ลืมขึ้น
"เหวออ!!" เหงื่อไหลจากเส้นผมลงแตะที่แก้มของชายหนุ่ม ปีเตอร์รุดถอยตัวเองออกมาอย่างเร็วจนล้มคะมำ
ฟู่วว! เสียงอากาศจากภายในพุ่งออกมานอกวัตถุประหลาด ไอเย็นจากข้างในทำเอาปีเตอร์ตัวสั่น ร่างบางที่เปลือยเปล่านั้นเริ่มก้าวขาเดินออกมาอย่างช้าๆ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
ตุบ หญิงสาวขยับตัวกระโดดลงจากวัตถุปริศนาจากนั้นจึงค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาชายผมขาว ใบหน้าของเขาแดงพล่านขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เนินอกอันอวบอิ่มกำลังสั่นไหวเล็กน้อยยามเธอก้าวขาแต่ละข้าง ปีเตอร์หยุดเกร็งอยู่กับที่พลางพยายามมองที่ใบหน้าอันงดงามของเธอ
"ทะ เธอเป็นใครน่ะ?!"
เขาชี้ไปที่หญิงสาว แววตาสั่นไหวจนดูออกได้ชัดเจน ผสานเข้ากับดวงตาสีฟ้า เธอเดินตรงเข้ามาหาปีเตอร์แล้วฟุบตัวล้มลง แหงก..
"เห้ เป็นอะไรรึเปล่า นี่เธอ!" ปีเตอร์ได้สติ เขารีบรุดตัวขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปประคองร่างบางที่ล้มฟุบเข้ากับกองดินในสวน
ปีเตอร์รีบลุกขึ้นไปประคองร่างหญิงสาวเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีจึงมองไปรอบๆ พลางจะปัดเศษดินออกให้ก่อน-
หวาา
ทันทีที่หันสายตาลงไปก็พบกับเนินอกอันงดงามสีขาวนวล เขาเบือนหน้าหนีอย่างเร็ว เรื่องปัดดินคงต้องเอาไว้ก่อน....
"ปีเตอร์จ้ะ เมื่อกี้เสียงอะไรดังลั่นเลย" จ๊ากก ปีเตอร์สะดุ้งโหยง ชิบหายแล้ว...!
คุณป้าข้างบ้านเดินออกมาตะโกนถาม ทำเอาปีเตอร์ยิ่งลุกลี้ลุกลนเข้าไปอีก ถ้ามีคนมาพบในสภาพนี้ต้องจบเห่แน่ คิดสิปีเตอร์ คิดเร็วเข้า! เขานำเศษดินรอบๆมากลบตัวหญิงสาวเอาไว้แล้วยืนบังจนมิด ขอโทษนะแต่มันจำเป็นสำหรับอนาคตฉันน่ะ...
"อ๋อ! ผมมาทดลองจุดประทัดน่ะครับป้า ขอโทษที่เสียงรบกวนด้วยนะครับ"
"โอ้ว งั้นเหรอจ๊ะ โตขนาดนี้แล้วยังชอบของแบบนั้นเหมือนเด็กเลยนะจ๊ะเนี่ย แต่อย่าเล่นนานนะ ระวังจะไปรบกวนเพื่อนบ้านด้วยล่ะ"
"ครับป้า ขอโทษจริงๆครับ" ทำไมถึงซวยแบบนี้นะ?!
ปีเตอร์ชะเง้อมองดูว่าป้าเข้าบ้านไปแล้วจึงรีบคว้ากุญแจมาไขประตูแล้วเปิดเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบหลับตาปัดดินและประคองเธอไปให้นอนบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่น
"แล้วฉันจะต้องทำยังไงบ้างล่ะ?"
ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวมีผ้าห่มหนาคลุมทับเอาไว้ เนื่องจากอากาศในเมืองนี้ตอนหน้าหนาวนั้นทำร่างกายสั่นได้ง่ายๆ ปีเตอร์จึงเปิดเครื่องปรับอากาศให้อีกแรง เศษดินตามพื้นบ้านไว้ค่อยมาจัดการ ตอนนี้ขอพักเอาแรงก่อนเถอะ..
เขาค่อยๆรินไวน์องุ่นลงแก้วอย่างช้าๆแล้วนั่งจิบไวน์ขณะมองดูใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังหลับใหลอย่างสบายใจ
"อ้าาา เจ้านี่รสชาติดีแฮะ"
ชายหนุ่มมองขวดไวน์สีม่วงอ่อนเพื่อจำยี่ห้อไว้สำหรับการซื้อในอนาคต เขาสลับสายตาไปมองร่างของหญิงสาวอยู่เนืองๆ
มือบางสีขาวนวลเริ่มขยับเล็กน้อย เธอเหยียดแขนกางออกแล้วเริ่มส่งเสียง
"ฮ้าววว~"
"นี่เธอ ตื่นแล้วเหรอ?! " ปีเตอร์ส่งสายตาไปยังหญิงสาวปริศนา
หญิงสาวปริศนามองเขากลับ เธอเอียงคอตามด้วยส่งสายตางุนงง ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองกวาดไปรอบๆบ้านแล้วมาหยุดที่ร่างของปีเตอร์
บรรยากาศในบ้านพลางเงียบสงบ ร่างบางค่อยๆคลานออกมาจากผ้าห่มที่คลุมตัวเอาไว้ เธอรุกตัวเข้ามาที่ชายหนุ่มอย่างไม่ลังเล มือเล็กเนียนนุ่มถูกยื่นออกมาจับที่ข้อมือของชายหนุ่ม
"เห้ย จะทำอะไรน่ะ! "
ปีเตอร์พยายามจะดึงมือกลับแต่ก็ต้านทานแรงของเธอไม่ได้เลย ร่างเล็กดึงมือหนาไปดมจนทั่วทั้งมือ จากนั้นก็เริ่มใช้ลิ้นเลียสัมผัสที่ฝ่ามือ
ฟุตฟิต ฟุตฟิต
เมื่อดมจนพอใจแล้ว เธอก็ปล่อยมือของปีเตอร์ออก ส่งสายตาออกไปมองรอบๆห้อง แล้วก็กลับมาที่ชายหนุ่มอีกครั้ง
"เธอเป็นใครกันแน่?! แล้วมาจากไหน ตอบมานะ!"
"งืออ.."
สาวน้อยครางออกมาไม่เป็นภาษา เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามากอดชายหนุ่มเอาไว้ มือบางจับไปที่แก้มทั้งสอง ก่อนจะดูดลงที่คอด้านขวาของปีเตอร์จนเป็นรอยแดง จ๊วบ
"นี่เดี๋ยวสิ ปล่อยนะ! "
ปีเตอร์ยื่นแขนทั้งสองไปยันไหล่ของเธอเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของเธอได้เลยแม้แต่น้อย เขาถูกผลักลงไปนอนราบบนพื้น ก่อนที่เธอคนนั้นจะเดินขึ้นมาคร่อมตัวเขาไว้
"เหวออ นั่นเธอจะทำอะไร!!!!"
หญิงสาวจับแขนปีเตอร์มารวบเอาไว้แล้วเหนือหัวแล้วถกกางเกงของเขาลง ดวงตาของเธอจ้องไปที่เป้าตุงของชายหนุ่ม เขาพยายามบิดร่างกายสุดแรงเพื่อหลุดพ้นแต่ไม่เป็นผลใดๆ
"หยุดนะ ขอร้องล่ะ หยุดทีเถอะ!! "
หญิงสาวจ้องมองเป้าตุงด้วยสายตาหยาดเยิ้ม เธอถกกางเกงในลงอีกตัว เผยให้เห็นแท่งเอ็นขนาดใหญ่ตั้งโด่ขึ้น ที่ลำมีเส้นเลือดบ่งบอกถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
"อะ อื้อออ เดี๋ยวก่อนสิ หยุดก่อน!!"
ปีเตอร์ถูกหญิงสาวใช้ริมฝีปากเลียเข้าที่หัวหยักจนชุ่มน้ำลาย เธอกดปากลงพร้อมอมลำเนื้อขนาดใหญ่เข้าไปเพื่อดูดจนเกิดเสียงดัง จ๊วบ
ฉันจะ... แตกก!
ปีเตอร์หลับตาแล้วเงยหน้าขึ้น เขากระตุกเอวขึ้นให้แท่งเอ็นแทงเข้าปากหญิงสาวพร้อมกับฉีดน้ำกามสีขาวขุ่นพุ่งเข้าไปเลอะภายในช่องปากเธอ
"งืออ อึก" เธอกลืนน้ำสีขาวขุ่นเข้าไป!?
"อ๊า....."
มือบางเลียแล้วดูดน้ำที่ปลายหยักจนหมด เธอกลืนมันลงไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม จากนั้นก็ยอมปล่อยมือจากชายหนุ่ม
ปีเตอร์รีบดึงกางเกงขึ้นแล้วรุดตัวถอยห่างเธอในทันที สีหน้าเขาซีดเผือดจากการโดนรีดน้ำเป็นครั้งแรก เขามองเธอด้วยใบหน้าผวาอย่างสุดขีด
"นะ นะ.... นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!?"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย