รักลับ... ซ่อนปมฆาตกรรม "ยา" สายลับหนุ่มรูปงาม ต้องเข้าไปพัวพันกับ "จรัญ" ผู้พิพากษาผู้เย็นชา ในคดีฆาตกรรมอันซับซ้อน ภารกิจพิชิตใจและสืบหาความจริงจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความลับที่ซ่อนอยู่ เกมพลิกล็อก ความรัก และความลับ จะนำพาพวกเขาไปพบกับอะไร? หัวใจของ "ยา" และ "จรัญ" จะพลิกผันแค่ไหน? ติดตามเรื่องราวสุดฟิน ชวนให้ลุ้นระทึก พร้อมลุ้นว่า "ยา" จะสืบคดีและพิชิตใจ "จรัญ" ได้หรือไม่?
ในโลกของสายลับ การสืบคดีและรวบคนร้ายให้อยู่หมัด ถือเป็นงานที่มีเกียรติและน่าภาคภูมิใจ ครอบครัว ลูก เมีย และความรัก เป็นสิ่งที่ควรอยู่ให้ห่างไกลที่สุด ซึ่งถ้าให้เลือกระหว่างตายในหน้าที่กับออกเรือนแต่งงาน…
“ผมยอมตายซะเลยจะดีกว่า!”
ในยุคเทคโนโลยี โลกที่ตำรวจ สายลับ หรือแม้แต่โจร ติดต่อและล้วงข้อมูลของกันและกันได้ภายในเสี้ยววินาที โลกที่เสรีทั้งเรื่องเพศ ภาษา และ สังคม
โอ๊ย! ใครจะไปคิดว่า ผมจะถูกจับคลุมถุงชนแบบนี้! โน…โน…โนว!
อาคารที่ตกทอดมารุ่นสู่รุ่นที่แม้ไม่ได้โอ่อ่าอลังการ แต่ก็เป็นที่กล่าวขานและรู้กันดีว่าที่นี่คือ ‘บ้านหม่อมทินกร ตระกูลเก่าผู้ดีภาคใต้’
บ้านแฝดสองชั้นตั้งคู่ขนานขั้นกลางด้วยตัวตึกที่ก่อสร้างมานานเป็นร้อยปี อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของพ่อ ตัวบ้านตกแต่งด้วยสีและเฟอร์นิเจอร์เน้นโทนขาว ให้ความรู้สึกทั้งสะอาดและสบายตา หลังบ้านเป็นแปลงผักและสวนดอกที่ได้รับการตัดแต่งเป็นประจำอย่างดีจากเจ้าของบ้าน
แต่ถ้าวัดสีตามภาพในใจของคนที่นั่งกินข้าวอยู่ตอนนี้บอกเลยว่าบ้านหลังนี้สีเทาล้วน แถมเป็นเทาเข้มเสียด้วย
“ลูกชายคนเดียวของหม่อมทินกร นายแบบผู้แสนน่ารัก เรียบร้อย เพอร์เฟค"
"..."
"ช่างเหมาะสมกับท่านผู้พิพากษาจรัญ ราวกับ'กิ่งทองใบหยก' สมแล้วที่ไอ้เจตมันเลี้ยงลูกมันเองกับมือ ได้ดีเป็นผู้พิพากษาเหมือนมันไม่มีผิด ฮ่าๆ เพื่อนพ่อเท่เหมือนพ่อเลยใช่ไหมลูก ฮ่าๆ”
ชายวัยเกษียณผู้มีความสามารถในการชื่นชมคนอื่นมากมว่าลูกในไส้ ในชุดเสื้อโปโลสบายๆจับไหล่ลูกชายในชุดสูทสีขาวที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารของบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สามารถเรียกได้ว่า กล่อมประสาท
ไม่รู้ว่าชาติไหนพ่อผมจะเลิกยัดคำว่ากิ่งทองใบหยกมานิยามผมกับตานั่นสักที บางทีถ้าพ่อรู้ว่าตานั่นน่าหงุดหงิดขนาดไหน พ่ออาจจะใช้คำว่า ผีเน่ากับโลงผุแทนก็ได้ ไม่สิ ถ้าตานั่นเป็นผี ผมจะเป็นหมอผี ถ้าตานั่นเป็นโรงไม้ ผมขอเป็นศาลาวัดดีกว่า
คุณหนูตุ๊กตาบาร์บี้ ผมดำ ตัวเล็กๆ ดวงตาสีน้ำตาลประกาย ผิวสีขาวเหลืองอยากจะคายข้าวทิ้งในทันที
"แต่งมันวันนี้พรุ่งนี้เลยดีไหมลูก"
พรวด!
"แค่กๆ"
ที่ผมยอมเข้าไปใกล้ชิดตานั่น ก็เพราะตานั่นมันเกี่ยวข้องกับคดีการตายของนายเจง ถ้าต้องตบแต่งกันจริงๆ สาบานได้ว่าเขาจะได้ยาพิษใส่แก้วน้ำชนิดตรวจไม่เจอเป็นของขวัญวันแต่งงาน!
ผมชอบความยุติธรรมก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากมีสามีเป็นผู้พิพากษานะพ่อ!
โบราณว่าคำบิดามารดาเป็นดั่งวาจาประกาศิต ก็คงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เล่นเอาคนสำลักข้าวคว้าแก้วน้ำมาดื่มแทบไม่ทัน เมื่อข้าวสวยประจำบ้านเกือบติดคอตาย เพราะคำบิดาเป็นเหตุ
แกร๊ง
ช้อนส้อมถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยบนจานข้าวที่ยังคงเหลือข้าวอยู่มากกว่าครึ่ง ถ้าเขาไม่ได้กินข้าวต่อหน้าบิดา ช้อนส้อมที่ว่าคงถูกวางแบบไม่ไยดี ไม่ต้องพิรี้พิไร
ว่าที่เจ้าสาวที่ไม่สาวแต่กลับเป็นหนุ่มหล่อออกไปทางจิ้มลิ้ม ยกน้ำในแก้วทรงกระบอกขึ้นดื่ม น้ำเปล่าที่ควรจะปราศจากรสชาติ ทว่ายามได้ยินชื่อคนที่ไม่ถูกชะตาน้ำจืดก็ฝาดเฝือนคอจนยากจะกลืน
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอลูกยา”
กระเดือกลงคอไม่ลงอะพ่อ พ่อเล่นเอาแต่พ่นชื่อตานั่นไม่หยุด
หม่อมทินกรถามเหมือนประหลาดใจ แต่คนถูกถามกลับรู้อยู่แก่ใจว่า ท่าทางอยากรู้อยากเห็นดูกระตือรือล้นเช่นนี้ เป็นอาการดีใจจนเก็บทรงไม่อยู่
“ครับ”
คนโตตาวาวรีบเดินมาเล็งสูทของลูกชาย มองซ้ายมองขวา จัดความเรียบร้อบตรงไหล่นิด ตรงเนคไทป์หน่อย
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวพ่อให้คนไปส่งที่ทำงานของพี่จรัญนะลูก”
หม่อมทินกรผู้รอฟังคำตอบนี้มานาน รีบจับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยัดใส่กล่องพัสดุเตรียมแพ็คส่งออกนอกบ้าน ซึ่งท่าทางกระดี๊กระด๊าปิดไม่มิดนี้ แน่นอนว่าคนมองทำได้แต่ยิ้มแห้งตอบ
นั่นไง ว่าแล้ว!
“ครับ”
รอยยิ้มแหยๆ เหมือนพินอคคิโอถูกส่งกลับไปอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่สงสัยไม่เอะใจใดๆของคนมอง แล้วยาก็ได้แต่เตรียมตัวขึ้นรถตามระเบียบ
………………………
ถนนสายรองที่ไม่ได้ตัดผ่านตัวเมืองทำให้หมดกังวลเรื่องปัญหารถติด ท่ามกลางร้านค้าและรถเข็นขายของข้างทางของพวกชาวบ้านและนักช็อปแนวสตรีท รถสปอร์ตสีขาวคันงามแปลกตาจากคันอื่นๆกำลังเคลื่อนไปช้าๆตามเส้นถนน
ความเร็วรถนี้มันช่าง…เต่ามาก! เต่ากว่านี้อีกนิดหนึ่งได้จอดคาที่กลางถนนแล้ว!
ที่กลางเบาะด้านหลังคุณชายในชุดสูทขาว เจ้าของสีหน้าเบื่อโลก กำลังเคลื่อนนิ้วหารายชื่อปลายทางในโทรศัพท์มือถือหาอะไรทำฆ่าเวลาบนท้องถนน ที่แม้จะไม่มีรถติดก็คงใช้เวลาไม่ต่างกัน คุณลุงคนขับรถประจำบ้านขับรถเงียบๆเป็นใบ้เหมือนอย่างที่เคย ถึงในรถจะมีสองคนก็ไม่ต่างจากการอยู่คนเดียว ทุกอย่างเงียบเสียจนสามารถนั่งสมาธิได้
ติ้ด.
(ตูด….ตูด….ตูด….)
เอี๊ยด!
รถกระชากเล็กน้อยจากการที่คนขับแตะเบรกหยุดกะทันหัน คนไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยพุ่งไปข้างหน้าเล็กน้อย ดีที่เอามือซ้ายที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์เท้ายันเบาะหน้าไว้ก่อน ก็เลยไม่ได้หัวทิ่มหัวตำ
“ขอโทษครับคุณหนู” คุณลุงคนขับรีบหันไปขอโทษขอโพยทำสีหน้าเหมือนกลัวจะโดนไล่ออก
คนตกใจนิดหน่อยยิ้มตอบส่ายหัวเล็กน้อยว่าไม่ถือสา เขาไม่ถือสาจริงๆทั้งยังคิดว่าดีแล้วที่คนขับขับช้าและที่นี่เป็นถนนนอก ถ้าเป็นเส้นหลักในเมือง คงไม่ได้มานั่งส่ายหัวใจดีใส่กันแบบนี้หรอก
(ฮัลโหลสวัสดีครับ ผู้พิพากษาจรัญครับ)
คุณลุงเมินยาหันกลับไปบังคับพวงมาลัยต่อ ส่วนยาที่กำลังฟังประโยคที่คุ้นเคยจากเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมที่กำลังแนบหู ตอนนี้นอกจะจะไม่ห่วงเรื่องตัวเองจะเผลอไปกดตัดสายแล้ว ยังอยากจะตัดสายทิ้งด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ
ชัดเลย โทรกี่ครั้งก็แบบเดิม ไม่คิดจะเมมเบอร์กันเลยสินะ หรือว่าเมมเบอร์ไม่เป็น
ยายกยิ้มขืนๆ ด้วยท่าทางที่กำลังพยายามข่มใจให้เย็นกรอกเสียงสุภาพนุ่มนวลลงสาย
“ผมว่าผมจะถึงที่ทำงานของพี่อีกครึ่งชั่วโมงครับ พี่จรัญจะฝากซื้ออะไรไหมครับ”
(...ติ้ด.)
ตัดสาย! ตัดสายเนี่ยนะ!!
โอ๊ย ไอผู้พิพากษาขี้เก๊ก เฮงซวย หล่อตายแหละ ถ้าไม่ต้องสืบเรื่องนายเจงนะ สาบานเลยว่าชาตินี้ทั้งชาติจะไม่มีวันญาติดีด้วย ไอ้งานหมั้นหมายคลุมถุงชนซังกะบ๊วยนี่นะ พ่อจะพังให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
“คุณหนูหมอบครับ!”
เอี๊ยด!
!!!
กึก!
ทันทีหลังจากสิ้นเสียงตะโกนของคนขับรถ รถหรูก็เบรกกะทันหันอีกครั้ง แถมครั้งนี้ก็ทำเอาเขาหัวทิ่มลงไปจริงๆ
สถานการณ์ไม่ชอบมาพากล คนขับก้มลงต่ำเหมือนหลบใครบางคน เนื้อตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าตื่นตระหนก กำลังหันมามองเขา เป็นเชิงปรามไม่ให้เงยหน้ากลับขึ้นไป สัญชาตญานบอกยาว่าด้านนอกมีอันตราย ก่อนเขาจะได้ยินเสียงปืนสองสามนัดดังแทรกเข้ามาในรถ และเสียงปืนมันก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
ยาไม่มีทางสับสนระหว่างเสียงปืนกับเสียงประทัด เขามั่นใจว่ามีลางร้ายบางอย่างกำลังก่อตัว ทว่าคนตอบคำถามดูบ้าบอเกินกว่าจะตอบคำถามในทันที จนยาต้องเป็นฝ่ายตะคอกเสียงดัง
“เกิดอะไรขึ้น!”
ในที่สุดคนสะดุ้งเล็กน้อยก็รู้สติ ยามองเค้นตาโต ในขณะที่ด้านนอกยังมีเสียงปืนดังเปรี้ยงปร้าง
“มีคนร้ายสองสามคนกำลังกราดยิงพวกชาวบ้านครับ”
ปึก!
มือซ้ายเอื้อมไปเปิดประตูเบาะหลังอย่างไวโดยไม่ต้องคิด แต่คนขับเอื้อมมือมาจับแขนเสื้อรั้งเขาไว้ เขาหันไปสลัดออกโดยไว
ทำไมเรื่องต้องมาเกิดแถวบ้านพ่อด้วยเนี่ย! ต้องทำตัวเรียบร้อยในสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ
เขารู้สึกได้ถึงจังหวะนรกที่มาผิดที่ผิดเวลา แต่ถึงเขาไม่ใช่ตำรวจ แต่เลือดของผู้กล้ารักความยุติธรรมก็มีไม่แพ้กัน จะให้ยืนดู แอบดูเฉยๆ เขาทำไม่ได้และจะไม่ทำ
“คุณหนูจะไปไหนครับ อย่าไปครับ มันอันตราย!” คุณลุงพยายามรั้งสุดชีวิต ทว่าอีกฝ่ายใจร้อนเกินกว่าจะเอาน้ำลายมาหยุดได้
“ฮวาหลวน ลูกต้องช่วยงานเย็บปักของตระกูล” “ไม่มีทางหรอกแม่”ของมีคมสำหรับผม มันคือไวอากร้าน่ะสิ!แต่ใครจะไปคิดว่า…“ขนาดเกิดใหม่ ยังโดนสั่งให้เย็บผ้าอีก!”“ไม่ทำ ตัดนิ้ว” แม่ทัพใหญ่แม้จะทำเสียงดุ
ไวน์ นักศึกษาปี 2 เดือนคณะผู้ปฏิญาณตนว่าจะโสดตลอดไป เจ้าของใบหน้าหล่อออกหวานนิดๆแบบเกาหลี คนที่วันๆอยู่กับการวิ่งไปแย่งคอมตัวแรงเพื่อดูหุ้นไม่ก็จมหัวอยู่ที่ร้านหมูกะทะ เรื่องโน่นนี่ไม่สนก็จริง แต่ใครอย่ามาปากหมาใส่แล้วกัน แปลงร่างเป็นพิตบูทันที เบียร์ เอกอินเตอร์บริหาร คุณชายตระกูลดังขี้รำคาญ ใบหน้าหล่อคมที่ใครๆก็บอกว่าควรขึ้นตำแหน่งเดือนมหาลัย คุณชายที่ขับรถหรู ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ติดที่ปากเสีย ขี้เหวี่ยง ไม่คบค้าสมาคมกับใคร ขู่ได้แม้กระทั่งอธิการบดี ꧁{★… ★}꧂ ไอ้ผู้ชายปากหมานั่นใครวะ หยิ่งฉิบหาย พอแหย่เขาแล้วเขาไม่เล่นด้วย ไวน์เลยตามตอแยทุกวิถีทาง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ด่าเขาปาวๆ บอกแค่จะเอาของมาคืน! เบียร์เห็นก็เลยแก้เผ็ด วุ่นวายดีนัก ตีหัวรวบเข้าบ้านเลยแล้วกัน “อย่าดื้อ หมอสั่ง” “หรือวะ หมอสั่งให้กูอยู่กับมึงนานขนาดนี้เลย?” ฟอด!!! คุณตำรวจ มีคนลวนลาม! “ไอ้เห้เบียร์!!” ꧁{★… ★}꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ
เหมยลี่ อายุ 25 ปี คุณหนูผู้ร่ำรวย สาวตากลมตัวเล็กผิวขาวมาดซีอีโอนุ่มนิ่ม เธอใช้เงินบัลดาลทุกอย่างตามใจ ไม่แคร์โลก ใครจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากของซีอีโอสาวสุดเพอร์เฟค จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของนิยายในหัว แถมมีอยู่เรื่องเดียวซะด้วย งานนี้งานการไม่ทำมันแล้ว มู่จิน พระเอกนิยายติงต๊อง ที่ฆ่าเมียตัวเองตายในคืนเข้าหอ ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของเรือนผมดำยาวและสันกรามทรงเสน่ห์ เขามีประวัติความเป็นมาหรือเรื่องราวของเขาเป็นมาอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ได้ เขาเบื่อหน่ายโลกใบนี้เต็มทน ชีวิตคนสำหรับเขาก็เป็นเพียงเศษหญ้าเท่านั้น ꧁⊱ ⊰꧂ เพราะถูกรถชนตายตอนที่เพิ่งอ่านนิยายจบรอบที่ 99 ยังไม่ครบร้อย พอลืมตามาก็อยู่ในร่างตัวประกอบ ไม่ใช่นางเอกไม่พอยังต้องแต่งงานกับคนบ้า 'เหมยลี่' คนนี้เลยต้องพยายามฆ่าเจ้าบ่าวในห้องหอ ก่อนที่เธอจะถูกเขาฆ่าตามบทในนิยายอีกครั้ง แต่แล้ว ความพยายามของเธอก็ไร้ค่า เธอตายอีกครั้งแล้วไม่ได้กลับโลกเดิม แต่ย้อนกลับมาที่คืนเข้าหอ ทว่าทำไมรอบนี้คุณพระเอกเจ้าบ่าวมองเธอตาเยิ้มขนาดนั้นล่ะเนี่ย ꧁⊱ ⊰꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ*
เตียวเฉิน ก่อนตายเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ในโลกใหม่ เขาเป็นพระรองมาดแมนแม้ตัวจะไม่มีกล้ามแซงหน้าพระเอก ในเมื่อเกิดมาหล่อ รวย หน้าตาการศึกษาดี แต่ข้างในวิญญาณไม่มีความรู้สักกะติ๊ด เขาจึงพยายามใช้สมองอันน้อยนิดหาหนทางรอด ด้วยการ มุดโพลงหมาลอดออกไปเป็นขอทานเสียเลย มู่จิน พระเอกของโลกใบนี้ นักธุรกิจและผู้มีอำนาจที่สุดในเมือง ชายหุ่นกล้ามที่ชอบใส่สูทผูกไทป์ แล้วหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน สีหน้าของเขาเยือกเย็นตลอดเวลา อะไรๆในโลกก็น่ารำคาญไปหมด ยกเว้นวันที่เห็นตัวอะไรปีนเข้าบ้าน ꧁{★… ★}꧂ เกิดใหม่ก็ต้องดิ้นรนหนีออกจากบ้าน พอนึกไปแล้ว เข้าร่างพระรองมาได้ไม่กี่เดือน แต่เดี๋ยก็ถึงเวลาที่พระเอกนายเอกเขาก็จะเจอกันแล้ว ผมก็ชิงหนีออกไปเป็นขอทานก่อนน่ะสิ เรื่องอะไรจะอยู่รอแบดเอ็น เอ๊ะ ผู้ชายที่เปลื่อยกายนั่นหน้าคุ้นๆ ทำไมบ้านที่ผมปีนกำแพงเข้าไปมันดันเป็นบ้านพระเอกล่ะ ซวยแล้ว งั้นตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ก่อนแล้วกัน ทั้งที่ตั้งใจจะอยู่ที่นี่อีกนิดเดียวแท้ๆ พวกคนใช้เองก็บูลลี่กันอยู่ได้ ผมมั่นใจว่าพระเอกต้องโยนผมออกไปในไม่ช้า เขาน่ะระแวงผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่... แปลกๆ นะ ขอทานแล้วได้เสื้อผ้า อาหาร เพชรพลอย ที่แปลกกว่าคือ พอผมอาละวาทพังบ้าน เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม เจ้าของบ้านซื้อเฟอร์ใหม่มาให้พังเพิ่มน่ะสิ วันๆหัวจะปวด เขาจับผมมัดตั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องทำงาน แล้วก็เอาแต่นั่งครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรมาให้ตอนผมขอทานดี ผมนี่ขมวดคิ้วเลย ꧁{★… ★}꧂
เมื่อคู่แห่งโชคชะตา4ขวบ อัลฟ่าพัมธุ์แท้คนสุดท้าย ผู้เพรียบพร้อมด้วยเงินและอำนาจ วันหนึ่งลูกน้องก็พังประตูเข้ามาบอกว่า เจอคู่โชคชะตาเขาแล้ว ทว่า จะป้ำลูกยังไง ก็เนื้อคู่เขาใส่ชุดอนุบาลหมีน้อยกอดตุ๊กตา
อาหลีพยายามหาหลัวในฝันผ่านตู้ปลากัด ใครที่เดินผ่านปลากัดแล้วจ้องตาเขาตอน9โมงตรงคนนั้นคือ เนื้อคู่ ...เจ้าของร้านเอือมจนขี้เกียจไล่ มาบ่อยแค่ไหนถามใจเธอดู แต่โชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเนื้อคู่ไม่ชอบป้าบ!
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"