หลังจากหายตัวไปสามปี หนานจืออินพาลูกชายกลับมา เพื่อสืบทอดทรัพย์สินของมารดา หนานจืออินแต่งงานกับโปรแกรมเมอร์คนหนึ่ง แต่หลังแต่งงาน หนานจืออินปรากฏว่ายิ่งอยู่ด้วยกันต่อไปยิ่งรู้สึกมีอะไรพิกล "ทำไมคุณยังไม่ไปทำงานเหรอ นี่ก็สิบโมงแล้วนะ" "การทำงานด้านไอที เวลาไม่ตายตัวหรอกน่ะ" "ฉันว่าเบื้องหลังของนักธุรกิจชื่อดังในทีวีคนนั้นเหมือนคุณมาก" "คุณมองผิดไปแน่ ที่รัก" "กระเป๋าที่คุณซื้อให้ฉันเหมือนรุ่นใหม่ของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งแป๊ะเลย" "มันเป็นของก็อปน่ะ ซื้อมาแคห้าร้อย" หนานจืออินเชื่อในสิ่งที่สามีพูดโดยไม่ต้องสงสัย แต่พอเดินไปถึงหน้าห้างห้างหนึ่งซึ่งกำลังทำโปรโมชั่นอยู่ เธอก็ต้องตกตะลึกเมื่อเห็นว่าสามีของตัวเองกำลังถูกต้อนรับให้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวปราศรัย หลังจากสิ้นสุดกิจกรรม ชายหนุ่มขอร้องให้หนานจืออินให้อภัย หนานจืออินโกรธเป็นอย่างมาก"กู้จิ่งเฉิน คุณยังมีเรื่องอะไรที่ยังปิดบังฉันอยู่?" "คือ...เรายังมีลูกด้วยกันสองคนนะ" "......"หนานจืออินตกตะลึกอีกครั้ง ทำไมลูกฉันฉันกลับไม่รู้ด้วย? ปรากฎว่าหลังจากมองแวบเดียว คุณก็กลายเป็นทั้งชีวิตของฉันไปแล้ว
“หนานจืออินใช่ไหม คุณตั้งครรภ์แล้ว” สูตินรีแพทย์พูดขึ้น
“...” ว่าไงนะ
หนานจืออินถลึงตาโต รู้สึกไม่อยากเชื่อ
ตัวเองไม่มีแฟน ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามด้วย แล้วจะท้องได้ยังไง
ขณะที่หนานจืออินกำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น หนานซีซี น้องสาวต่างแม่ที่อยู่ไม่ไกลก็เอามือปิดปากพร้อมกับส่งเสียงร้อง “ว้าย” ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ “พี่ ฉันยังนึกว่าพี่กินของผิดสำแดงที่บ้านเสียอีก ถึงได้มาที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนกับพี่ คิดไม่ถึงว่าจะตั้งท้องทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแบบนี้ ไม่ได้การแล้ว แบบนี้มันน่ากลัวเกินไป ฉันต้องบอกพ่อกับแม่”
หนานซีซีพูดจบก็รีบโทรศัพท์ทันที
“...” หนานจืออินอึ้งตะลึงไปอีกครั้ง
ตอนที่หมอมองไปหาหนานจืออินในครั้งนี้ สายตาแปลกประหลาด แต่ก็ยังพูดเตือนขึ้นมา “ดัชนีชี้วัดต่าง ๆ ทางสุขภาพของคุณไม่เสถียรอย่างมาก มีความเสี่ยงในการแท้งบัตรสูงมาก นอกจากนี้ยังอาจจะทำให้มีบุตรไม่ได้อีกตลอดชีวิต คลอดเด็กออกมาจะดีที่สุด”
หนานจืออินมองไปหาหมอ รู้สึกสับสนงงงวย
พอกลับมาถึงตระกูลหนาน หนานจืออินก็ได้ยินคำพูดตำหนิติเตียนของพ่อกับแม่เลี้ยง
“แกมันไอ้เด็กหน้าไม่อาย ฉันไม่มีลูกสาวแบบแก” หนานเหวินซานโมโหเกรี้ยวกราด
“เห้อ ทำให้ประเพณีอันดีงามของวงศ์ตระกูลเสื่อมเสียจริง ๆ ” สวีซิ่วลี่ทอดถอนใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ตระกูลของพวกเรากับตระกูลเจียงที่สูงศักดิ์ร่ำรวยมีข้อตกลงการแต่งงานกัน ก่อนหน้านี้นายท่านบอกว่าจะให้หนานจืออินแต่งเข้าไปในตระกูลเจียง แต่ว่าตอนนี้... นี่มัน...”
สวีซิ่วลี่อยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้ ท่าทางหมดหนทาง
หนานเหวินซานพูดตอบ “เธอไม่คู่ควร ให้ซีซีแต่งเข้าไปในตระกูลเจียงแทน”
พอคำพูดนี้ออกมา สวีซิ่วลี่ก็ยิ้มอย่างพออกพอใจ ก่อนจะหันไปสบตากับลูกสาวสุดที่รักที่อยู่ไม่ไกล
หนานซีซียิ้มให้กับแม่อย่างดีอกดีใจ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเห็นดีเห็นชอบ “ได้เลย ๆ หนูชอบพี่หยานจือมาโดยตลอด”
หนานเหวินซานพยักหน้า เรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้เลย จากนั้นก็ตามมาด้วยคำดุด่าของหนานจืออินอีกหนึ่งชุด
หนานจืออินไม่สนใจกับคำดุด่าว่ากล่าวและข้อตกลงการแต่งงานที่พวกเขาพูดถึงเลยแม้แต่นิดเดียว ในหัวเอาแต่รู้สึกสับสนกับเรื่องตั้งท้องอยู่ตลอดเวลา
ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวที่พอจะนึกได้ในตอนนี้ ก็คือตอนที่ตัวเองดื่มไวน์ไปหนึ่งแก้วแล้วเริ่มเมาเล็กน้อยในงานปาร์ตี้เพื่อนร่วมชั้นเมื่อสามเดือนก่อน
หลังจากที่หนานเหวินซานและสวีซิ่วลี่ดุด่ามานานมากแล้ว พอเห็นว่าหนานจืออินไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแต่อย่างใด แล้วก็ไม่ได้หักล้างด้วยเหมือนกัน จึงหมดอารมณ์ไม่ดุด่าต่ออีก ก่อนจะไปดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนกับหนานซีซี ลูกสาวสุดที่รัก
ตอนนี้ในโทรทัศน์กำลังออกอากาศข่าวซุบซิบ “ก่อนหน้านี้ทายาทของตระกูลกู้ ตระกูลอันดับหนึ่งของตระกูลร่ำรวยถูกศัตรูคู่อาฆาตตามไล่ล่า ตามตัวถูกแทงหลายแผล ตอนนี้หายสาบสูญไปสามเดือนกว่า ทางตำรวจกับตระกูลกู้พยายามตามหาอย่างสุดกำลัง จนถึงตอนนี้ร่องรอยเบาะแสยังคงไม่แน่ชัด...”
...
สามปีต่อมา ตรงทางออกสถานีรถไฟของเมืองเป่ย หนานจืออินที่รูปร่างผอมบางใส่เสื้อกันลมที่ดูภูมิฐาน ผมดำสั้นประบ่า แต่งหน้าเบา ๆ ทำให้ใบหน้าดูสวยงามละเอียดอ่อน มือหิ้วกระเป๋าเดินทางสีขาวขนาดใหญ่ มืออีกข้างจูงมือเด็กชายตัวน้อยหนึ่งคน
เด็กชายใส่ชุดยีนส์ของเด็กดูหล่อเท่ เขาพูดถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้ม “หม่ามี๊ พวกเราจะไปหาแม่บุญธรรมตอนนี้เหรอฮะ”
“ไม่ใช่ พวกเรากลับไปที่โรงแรมกันก่อน แล้วตอนค่ำถึงค่อยไปหาแม่บุญธรรมชองลูก” หนานจืออินตอบลูกชาย
ที่ตัวเองกลับมาในครั้งนี้เพราะว่ามีธุระสำคัญที่อยากจะจัดการ เดี๋ยวกลับไปวางกระเป๋าที่โรงแรมเสร็จแล้วก็ต้องไปทำธุระ นอกจากนี้ก่อนที่จะกลับมาก็นัดกับตงเจียเว่ย เพื่อนสาวไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะไปพบปะกินข้าวกันในคืนนี้
“ได้เลยฮะ” เด็กชายตัวน้อยตอบรับอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
หนานจืออินพาลูกชายเดินไปที่ป้ายรอแท็กซี่ เตรียมขึ้นรถไปยังโรงแรม แล้วไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีคนสองคนกำลังจ้องมองพวกเธอจากที่ไม่ไกลอยู่ตลอดเวลา
ตรงบริเวณข้างป้ายโฆษณา มีผู้ชายเสื้อสูทรองเท้าหนังสองคน หนึ่งในนั้นรูปร่างสูงใหญ่ดูดีมีราศี แว่นกันแดดปิดบังไปเกือบทั้งหน้า สายตามองที่ตัวของหนานจืออินและเด็กชายตัวน้อย รู้สึกปั่นป่วนอยู่ภายในใจ
“คุณชายสี่ คุณหนานกับคุณชายน้อยน่าจะไปโรงแรมนะครับ” เหออัน ผู้ช่วยพูดรายงานที่ข้างหูของเจ้านาย
เมื่อวานตัวเองตรวจสอบมาแล้วว่า คุณหนานได้ทำการจองโรงแรมที่เมืองเป่ยเอาไว้เป็นเวลาสองวัน
เขาได้ยินแล้วแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ยังคงจ้องมองเงาหลังของทั้งสองคนอยู่แบบนั้น
จนกระทั่งร่างนั้นหายไป เขาถึงได้เปิดปากพูดขึ้น “ไปโรงแรม”
บนรถแท็กซี่ หนานจืออินอุ้มลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่ สายตาค่อย ๆ เลื่อนจากหน้าของลูกชายออกไปข้างนอกหน้าต่าง มองวิวทิวทัศน์ของเมืองที่เลื่อนผ่านไป เริ่มค่อย ๆ จมดิ่งอยู่ในความคิด
สามปีก่อน หลังจากที่ตัวเองตั้งท้องก็ถูกพ่อกับแม่เลี้ยงไล่ออกมาจากตระกูลหนาน เนื่องจากปัญหาสุขภาพทำให้ไม่สามารถเอาเด็กออกได้ ทำได้แค่บากหน้าไปขอพึ่งพิงคุณน้าที่ชนบท
ตอนที่ทำการตรวจที่โรงพยาบาลในเมือง ตัวเองถึงได้รู้ว่าตั้งท้องแฝดสาม แต่ในวันที่คลอด เนื่องจากว่าคลอดยากทำให้ต้องผ่าคลอด สุดท้ายเด็กสองคนแรกก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ เพิ่งจะคลอดออกมาก็หยุดหายใจไปแล้ว มีเพียงแค่เด็กคนสุดท้ายที่มีชีวิตรอดปลอดภัย
ช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนหลังคลอด เธอร้องไห้ฟูมฟายเนื่องจากตัวเองสูญเสียลูกไปตั้งสองคน แต่พอคิดว่าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ยังมีลูกที่ต้องให้ตัวเองคอยเลี้ยงดูจนเติบโตอยู่อีกหนึ่งคน ดังนั้นเธอจึงเข้มแข็งลุกยืนหยัดใช้ชีวิตต่อไป
สามปีมานี้ เคยลำบาก เคยร้องไห้ เคยเหน็ดเหนื่อย แต่โชคดีที่คุณน้าดูแลเอาใจใส่ลูกชายของตัวเองอย่างมาก ลูกชายก็เป็นเด็กน่ารักเชื่อฟัง ตัวเองรู้สึกปลื้มปีติและปลอบโยน ชีวิตก็ถือว่าพอจะสมดั่งความปรารถนาอยู่บ้าง
ตอนนี้ ตัวเองแค่หวังว่าลูกชายจะเติบโตอย่างแข็งแรงและปลอดภัย เรื่องอื่น ๆ ในชีวิตก็พยายามให้ได้ดั่งใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หลังจากที่มาถึงโรงแรมไรน์ หนานจืออินก็ปลุกลูกชาย ทั้งสองคนลงจากรถเตรียมจะเข้าไปในโรงแรม ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหนานจืออินก็ดังขึ้นมา
พอเห็นว่าตงเจียเว่ยเป็นคนโทรมา หนานจืออินก็รีบพูดกับลูกชายทันที “มู่มู่ หม่ามี๊คุยโทรศัพท์ก่อนนะ อย่าวิ่งเถลไถลไปไหนล่ะ”
“ได้ฮะ ผมจะไปดูดอกไม้ตรงนั้น” มู่มู่ตัวน้อยพูดจบ ก็วิ่งตรงไปยังซุ้มดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกล
หนานจืออินมองตัวของลูกชาย อยู่ในสายตาของตัวเอง จึงไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอะไรอีก ก่อนจะรับโทรศัพท์
“อินอิน เธอกับมู่มู่ถึงเมืองเป่ยแล้วเหรอ” ตงเจียเว่ยที่อยู่ในสายพูดถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ถึงแล้ว เว่ยเว่ย พวกเราเพิ่งจะมาถึงโรงแรม อีกเดี๋ยวทำเรื่องเข้าพักเสร็จแล้วฉันจะไปทำธุระที่ซูเฉิง กรุ๊ป” หนานจืออินพูดตอบ
ซูเฉิง กรุ๊ปเป็นบริษัทที่คุณตาทิ้งไว้ให้กับแม่เมื่อตอนนั้น แม่เคยบอกว่ารอตนเองโตแล้วจะให้ตนเองมารับช่วงบริหารต่อ แต่ต่อมาหลังจากที่แม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุพ่อก็มาบริหารบริษัทแทน เป็นแบบนี้มาโดยตลอดหลายปีมานี้
ช่วงนี้ มีข่าวรายงานว่าพ่อจะขายซูเฉิง กรุ๊ปแล้วจดทะเบียนบริษัทใหม่ นิติบุคคลคือแม่เลี้ยง ดังนั้นตนเองจึงจำเป็นต้องมาขัดขวาง
ตนเองจะไม่ยอมให้ทรัพย์สมบัติที่คุณตาเหลือทิ้งไว้ให้ถูกขายทิ้งไปแบบนี้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นเงินก็ยังยกให้กับสวีซิ่วลี่อีกด้วย ไม่มีทางอย่างแน่นอน
“อื้อ ไปเอาของที่เป็นของเธอกลับคืนมาทั้งหมด ฉันสนับสนุนเธอ” ตงเจียเว่ยที่อยู่ในสายเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
“อื้อ” หนานจืออินยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว ทั้งสองคนพูดคุยกันต่อ
ทางด้านซุ้มดอกไม้ หลังจากที่มู่มู่ตัวน้อยดูดอกไม้ไปสักพัก ก็เห็นคุณปู่คนหนึ่งที่กำลังขายลูกโป่งตัวการ์ตูนอยู่ เขาอยากที่จะวิ่งไปดูด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
แต่ในขณะที่มู่มู่ตัวน้อยเพิ่งจะวิ่งไปได้สองก้าว ก็เห็นรถจักรยานคันหนึ่งขับตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วจากที่ไม่ไกล จากนั้นก็มีเสียงที่รีบร้อนลนลานดังขึ้นมาที่ข้างหู
“ระวัง”
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀