เธอเดินทางกลับจากเยี่ยมน้องชายกระทันหันจากการถูกเรียกตัวมาเข้าร่วมสัมมนาที่วิชาการพิเศษจากต่างประเทศมาให้ความรู้ แต่เข้านอนยังไม่ทันหลับดีก็มีวัตถุหนักอืึ้งล้มทับลงกลางตัว และจากที่นอนปิดไฟมืดเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่ามีผู้บุกรุกและคว้าปืนขึ้นมาป้องกันตัว แต่กลายกลับว่า...บุรุษผู้นั้นเป็นแขกพิเศษของโรงแรม...และจากวันนี้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง **************************************** เขาคือผู้บุกรุก ที่เธอคิดว่าเป็นโจรย่ามใจเข้ามาปล้นสวาท เธอคือสาวงาม ที่เขาคิดว่าเป็นของแถมเข้ามานอนรออยู่ในห้อง เขาคือจอมโอหัง ที่บังอาจกอดจูบเธอโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจ เธอคือสาวสวย ที่สามารถปลุกความรู้สึกด้านชาของหัวใจให้เต้นระทึก เขาวางแผน พาเธอมายังบ้านเมืองเพื่อพิสูจน์รักแท้ในหัวใจ เธอถูกลักพาตัว เพื่อฆ่าทิ้งกลางทะเลทราย มาลุ้นกันว่า...เจ้าชายคริสตินกับมินทราภา จะผ่านพ้นภัยร้ายน่าระทึกใจได้ครองรักกันหรือไม่... **************************
หลังจากเดินทางมาพักอยู่กับน้องชายที่ออสเตรเลียได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ มินทราภา สุรารักษ์ ก็ได้รับแจ้งด่วนจากทางบ้านให้กลับมาร่วมสัมมนาวาระสำคัญที่มีวิทยากรรับเชิญระดับสูงจากต่างประเทศมาให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาดิน และพืชไร่เขตร้อน จึงต้องรีบเร่งเดินทางกลับอย่างเร่งด่วน
มินทราภามาถึงโรงแรมเป็นเวลาค่ำมืดพอดี โดยได้รับรายงานว่าผู้จัดการและผู้ช่วยกำลังต้อนรับแขกพิเศษอยู่ จึงให้พนักงานยกกระเป๋าขนสัมภาระของเธอไปยังห้องชุดที่เธอเคยพักอยู่ประจำทันที หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เธอเพิ่งนึกได้ว่าต้องโทรบอกทางบ้านตามที่มารดาสั่งไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยบุตรสาวคนเดียว แล้วอาบน้ำเข้านอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าจากการเดินทางไกล
ขณะที่มินทราภากำลังนอนหลับลึกจากความฝันน่าสะพรึงกลัวด้วยลำตัวยาวของพญานาคราชสีเขียวคล้ำจนเกือบดำพันล้อมอยู่รอบปราสาทหินทราย เศียรใหญ่ชะโงกเงื้อมเห็นหงอนแดงต้องแสงอาทิตย์ร้อนสะท้อนเลื่อมพราย ต่างจากสีดำสนิทของดวงตารียาวกะพริบไหว ปากใหญ่อ้าแยกกว้างเห็นเขี้ยวยาวโง้งขาววับวาวแหลมคมชวนหวาดหวั่น
ในความฝันร่างของมินทราภาถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนสีทองอร่ามยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางผืนทรายกว้างไกลสุดสายตา อากาศรอบกายร้อนแรงด้วยแสงแดดแผดกล้าราวกับจะเผาร่างเธอกับเจ้าพญานาคให้มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี
มินทราภากรีดร้องสุดเสียง เมื่อเศียรใหญ่โตผงกโฉบลงมาหายังร่างของตน พลางดิ้นรนจนสุดแรงกำลังอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฉับพลันกลับรู้สึกเสมือนจริงว่าสิ่งที่โถมลงมาทาบทับร่างของตนไม่ใช่ลำตัวพญานาคราช แต่เป็นร่างมนุษย์
หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมองดูของหนักที่บ่งบอกชัดว่าเป็นร่างกายบุรุษตัวสูงใหญ่ชะโงกง้ำอยู่เหนือร่างของเธอที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยผ้าห่มผืนหนาจากลำตัวจรดปลายเท้า
“กรี๊ดดด...ว้ายอะไรเนี่ย !" มินทราภาเพ่งสายตามองเห็นใบหน้ามนุษย์ผู้ชายตัวโตด้วยใจก็เต้นระทึกรู้สึกกลัวมากขึ้น
“อะไรกัน...คุณเป็นใคร...เข้ามาได้ยังไง"
มินทราภาร้องถามพร้อมกับกิริยาดิ้นขลุกขลักและออกแรงผลักไสคนที่ล้มหงายลงพาดทับด้วยน้ำหนักที่ทำให้จุกแน่นในอกอยู่เกือบหนึ่งอึดใจ เมื่อเห็นเขายังนอนตะลึงจ้องมองนิ่งไม่ขยับหรือเคลื่อนกายออกก็ยิ่งอกสั่นขวัญหาย เริ่มทุบแรงผลักแรงมากขึ้นจนคนบนกายส่งเสียงร้อง
“...โอ้ย...นี่...หยุดทุบผมเดี๋ยวนี้นะ"
เสียงพูดด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงชัด ทำให้คนออกแรงทุบระรัวหยุดชะงัก แล้วต่างคนต่างจ้องหน้ามองตากันอย่างตกตะลึงพรึงเพริด
“ คุณมาทำอะไรในห้องนอนผม"
“ คุณมาทำอะไรในห้องนอนฉัน"
เสียงทุ้มกับเสียงหวานถามออกมาพร้อมกันราวกับนัด แล้วฝ่ายเสียงหวานก็เพิ่มแรงผลักให้เจ้าของเสียงทุ้มที่ตัวโตกว่าพลิกออกไปพ้นจากร่างอย่างทุลักทุเล และรีบหดขาขยับตัวเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง พร้อมกับหยิบปืนขนาดเหมาะมือที่มักจะพกติดตัวจากชั้นข้างหัวเตียงออกมา พลางกระโดดผลุงลงไปยืนจังก้าแบบแม่เสือสาวปักหลักมั่น ปากก็ร้องขู่คนตัวโตที่กำลังนอนเค้เก้อยู่ปลายเตียง
“...อย่าขยับนะ...ถ้าขยับฉันยิงจริงๆ...บอกมาว่าคุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม"
คริสตินได้สติคืนมาจากแรงผลักแรงทุบจากเสียงผู้หญิงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา เบิ่งตามองหญิงสาวสวยร่างเพรียวบางในชุดนอนเนื้อบางที่ต้องแสงไฟสว่างเผยเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนเย้ายวนตาชวนมองด้วยความพึงพอใจ
เขายิ้มให้เจ้าของใบหน้าสวยคลาสสิกที่ติดจะบึ้งเคียดขึงเอาจริงเอาจังในสภาพผมยาวสลวยยุ่งเหยิงรุ่ยร่ายที่ยิ่งมองก็ยิ่งดูเซ็กซี่สะดุดใจ ขนาดอยู่ในสถานการณ์คับขันเขายังแทบจะอดใจคว้าตัวเธอลงมานอนกอดก่าย แล้วจูบปากอิ่มสีกุหลาบที่เอ่ยเอื้อนคำขู่คำถามตามใจปรารถนาไม่ได้
ช่วงเวลาที่ผ่านมากว่าสองปี คริสตินยังไม่เคยเจอผู้หญิงสวยมากพอที่จะทำให้หัวใจเต้นระทึกอย่างนี้ ตอนที่ล้มตัวลงนอนทับตัวเธอยังรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มละมุนละไม เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ทำไมจึงมานอนในห้องชุดที่เขาสั่งจองกับทางโรงแรมไว้ ดูสถานการณ์แล้วคงไม่ใช่อภินันทนาการพิเศษจากทางโรงแรมส่งมาให้อย่างแน่นอน
“...โอ๊ะ...โอ...ทางที่ดี...ผมคิดว่าเราสองคนมาพูดกันดีๆโดยไม่ต้องใช้อาวุธอันตรายดีกว่า สภาพผมคงไม่ทำให้คุณคิดว่าเป็นโจรหรือเป็นขโมยที่ไหนหรอกนะ”
คริสตินพูดอยู่ในท่าเอนกายเค้เก้ยกสองมือหรา สายตาจ้องจับอยู่กับอาวุธในมือหญิงสาวอย่างทึ่งจัด คิดว่าผู้หญิงสวยจัดกับอาวุธร้ายแรงในมือช่างไม่เข้ากันเสียเลย
เขาเลื่อนสายตามองพินิจใบหน้างามกับเรือนร่างอรชรสวยสมส่วนด้วยใจเต้นแรงระทึก แล้ววกกลับมามองปากอิ่มจิ้มลิ้มน่าจูบ ตอนได้ยินเสียงหวานร้องขู่ฟ่อ
“อย่าขยับนะ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร เอ้อ เป็นใคร ก็ไม่สมควรเข้ามาในห้องของฉัน”
มินทราภารับรู้ถึงสายตาคมปราบอาบความชื่นชมที่กวาดมองโลมไล้ส่งกระแสวาบหวามไปทั่วร่าง หญิงสาวถอยหลังก้าวห่างออกมาจนชิดข้างฝาใกล้ประตูห้องนอน ยกมือสั่นกดเปิดสวิตช์ไฟกลางห้องที่เอื้อมถึง ทำให้เห็นชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มต่างชาติหน้าตาหล่อคมคายมากคนหนึ่ง
เมื่อมองจับจ้องกันอยู่ในระยะใกล้ท่ามกลางแสงไฟส่องสว่าง เห็นชัดถึงไรเคราเขียวครึ้มกับคางผ่ายิ่งช่วยให้ใบหน้าชายหนุ่มดูหล่อมีเสน่ห์ชวนมองและสามารถเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวมาหลงใหลได้ปลื้มอย่างง่ายๆ
โดยเฉพาะท่านอนเค้เก้ยกมือหราในสภาพที่สวมเสื้อผ้าเพียงเชิ้ตสีขาวสะอาดปล่อยชายและปลดกระดุมลงมาเกือบถึงสะเอวจนมองเห็นไรขนดำบางๆที่พาดผ่านจากแผงอกลงมาอย่างน่าระทึกใจ และมีอิทธิพลทำให้หน้าตาเนื้อตัวของมินทราภาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์
...เขาเป็นใคร ท่าทางดูมีสง่าราศีแบบที่หายากในบุรุษทั่วไป...และความรู้สึกนี้ก็ไม่เคยเกิดกับการมองผู้ชายหล่อคนไหน แต่จะดูดีอย่างไรมินทราภาก็ไม่คิดจะวางใจ อดหวาดระแวงไม่ได้เพราะสมัยนี้โจรผู้ร้ายรูปร่างหน้าตาดีแฝงตัวอยู่ในคราบผู้ดีมีเยอะแยะไป
“แต่ควรจะเป็นผมนะ ที่ต้องถามว่าคุณเข้ามาทำอะไรในห้องนอนผม"
คริสตินพูดพร้อมขยับกายทำน่าจะลุกนั่งให้สบายตัวขึ้น แต่ต้องชะงักกึกทิ้งตัวลงในท่าเดิมจากคำร้องขู่
“หยุดนะ อย่าขยับนะ ฉันยิงจริงๆด้วย"
มินทราภาร้องเตือนเสียงดัง กระชับสองมือกุมอาวุธมาดมั่นจริงจังเตรียมพร้อมที่จะลั่นไกทุกขณะ
“อ่ะ อ่ะ ผมจะไม่ขยับ คุณจะเอายังไงก็ว่ามา”
คริสตินเห็นท่าเอาจริงยิ่งนึกชื่นชมในใจ เขาไม่ได้หวั่นกลัวความร้ายแรงของอาวุธในมือนั่นสักเท่าไร เพราะเขารู้จักการเซฟตัวเองให้รอดจากคมกระสุนได้ แต่การที่เขายอมตามง่ายๆ เพราะไม่อยากให้แม่เสือสาวแสนสวยตรงหน้าหวั่นกลัวตัวเขาไปมากกว่านี้
“ห้องนี้จะเป็นของคุณได้ยังไง ปกติทางโรงแรมไม่เคยเปิดให้ใครเข้ามาใช้...มันเป็นห้องชุดส่วนตัวของครอบครัวฉันนะทางคุณจะมาอ้างลอยๆไม่ได้"
“ฉันมีกุญแจ/ผมก็มีกุญแจ"
ราวกับนัดหมายเมื่อสองหนุ่มสาวกล่าวขึ้นพร้อมกันและเบนสายตาไปยังโต๊ะใกล้หัวเตียงที่เพิ่งจะเห็นว่ามีพวงกุญแจสองพวงวางอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
“...เอ๊ะ...”
“ไม่ต้องมาเอ๊ะ...ผมจองห้องพักบนชั้นนี้เอาไว้...แล้วทางโรงแรมก็จัดเป็นห้องชุดทางปีกขวาให้”
ชายหนุ่มเปลี่ยนมาพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว แล้วบอกชั้นกับเลขที่ห้องแก่หญิงสาวที่กำลังยืนจ้องในอาการตะลึงงัน
“เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า" มินทราภารำพึงในใจ
แต่เมื่อเขามีกุญแจไขเข้ามาในห้องนอนของเธอได้ก็แสดงว่าทางโรงแรมต้องให้กุญแจมา...เกิดผิดพลาดอะไร?...ทำไมทางผู้จัดการโรงแรมถึงให้กุญแจห้องชุดนี้แก่แขกผู้เข้ามาพัก เพราะปกติห้องพักชั้นนี้จะเป็นที่พักประจำของครอบครัวและไม่เคยมีปัญหาแบบนี้
การปลอมตัวเป็นญาติผู้พี่ ทำให้เธอต้องตกกระไดพลอยโจน รับงานกับเงื่อนไขพิเศษที่ไม่รู้มาก่อน ความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเร่งด่วน เธอจึงไม่ปฏิเสธและขอเพิ่ม จากความสาวบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ความเผอเรอทำให้เธอตั้งครรภ์ ที่มารู้ภายหลังการถูกจ้างออกจากงาน โดยหญิงสาวที่แต่งงานเป็นภรรยาเขา เธอตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่เขากลับตามมาจะพาเธอกลับไป เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนมีภรรยาแล้ว จึงขู่จะฟ้องร้องโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอิสระ จากพันธะการแต่งงานครั้งนั้นแล้ว
เขาจำยอมจดทะเบียนกับเด็กกะโปโลตามใจบิดาที่กำลังจะสิ้นลม และทิ้งร้างจากเธอไปนานนับปี แต่เมื่อกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาถึงรู้ว่า...เธอสวยและน่าพิศวาสนักหนา...แต่ที่คิดว่าจะได้เธอมาครอบครองเธอตามสิทธิ์สามีถูกต้องตามกฎหมายกลับมีเรื่องเข้าใจผิดคิดว่าเธอทำให้มารดาเขาตายก่อนเวลาอันควร ฯลฯ นิยายรักแนวโรมานซ์(18+)อีกเรื่องหนึ่งที่ขอแนะนำให้เพื่อนมาอ่านด้วยกัน
เขาไม่สนใจว่าที่คู่หมั้นที่หนีตามหนุ่มต่างชาติไปก่อนวันหมั้นหมายเพียงวันเดียว แต่พอมาเจอสาวสวยเชื้อสายไทยที่มีหน้าตาละม้ายเหมือนว่าที่คู่หมั้น เขาพึงพอใจในตัวเธอและสืบประวัติจนรู้ว่า...เธอเป็นน้องสาวคู่แฝดของว่าที่คู่หมั้น...และลักพาตัวมาไว้ในพระตำหนักสวนกุหลาบของพระมารดาที่ไม่เคยมีหญิงสาวคนใดได้เยี่ยมกรายเข้ามาและครอบครองเธอด้วยความรักพิศวาส แต่เกิดปัญหาเมื่อบิดามารดาของเธอมาตามบุตรสาวและพี่สาวคู่แฝดมาอดีตว่าที่คู่หมั้นปรากฏตัวก่อนวันอภิเษกสมรส
นิยายแนวทะเลทรายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เชิญชวนให้อ่าน เพราะเป็นนิยายที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน นักเขียนได้พาผู้อ่านไปสัมผัสกับชีวิตนางเอกที่ต้องเผชิญภัยจากผู้ปองร้ายโดยมีพระสวามีคอยปกป้องด้วยความรักห่วงใยต่างจากนิยายแนวทะเลทรายอื่นๆที่ให้ความสุขใจกับผู้อ่านอีกรูปแบบหนึ่ง *****...มกุฎราชกุมารีพระธิดาสุลต่านองค์ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรต้องเข้าพิธีอภิเษกโดยไม่รู้ตัวและเดินทางสู่พระราชวังของพระสวามีเพื่อลี้ภัยจากผู้ปองร้าย แต่กลับต้องมาเจอศึกรักจากความริษยาของเหล่านางห้ามในพระราชวังและแผนร้ายของพระญาติฝ่ายพระสวามีกับผู้ปองร้ายหมายชิงบัลลังก์ร่วมมือกันวางแผนปลิดชีวิต...ชีวิตรักของพระ-นางคู่นี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามด้วยกัน ...**** **********************
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************
นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนล่าสุดของศิรารัยที่สร้างเรื่องราวความรักจากปัจจุบันสู่อดีตและกลับมาจบสมบูรณ์ในยุคปัจจุบันที่อยากให้ผู้อ่านได้เปลี่ยนบรรยากาศที่เคยอ่านนิยายไทย-ไทย ไทย-อาหรับ ไทย-จีน มาเป็นนิยายไทย-อินเดียดูบ้าง โดยสร้างคู่พระนางให้นางเอกเดินทางไปประเทศอินเดียและได้ไปพบพระเอกในอดีตเพื่อช่วยเหลือให้ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ความรักของคนในโลกอดีตกับคนในโลกปัจจุบันจะสมหวังได้ก็เกินความเป็นจริงจึงต้องทำให้นางเอกมาสมหวังในความรักกับพระเอกในโลกปัจจุบันที่สืบเชื้อสายมาจากเขาผู้นั้น และนักเขียนเชื่อว่า...ถ้าเพื่อนนักอ่านเปิดใจอ่านนิยายเรื่องนี้ จะได้รับทั้งความสนุกสนานและความซาบซึ้งใจในความรักของคนในโลกอดีตและคนในโลกปัจจุบัน... ************************************* เพียงสบตาในอุราก็หวั่นไหว เลือดเนื้อกายร้อนรุมดังสุมไข้ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งขัดเขินสะเทิ้นอายใยไพ ใจหนอใจทำไมสั่นไหวเช่นนี้เอย *************************************** ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหมึกจากปลายปากกา ที่ผ่านวันเวลา ไม่นานก็เจือจาง ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหอมที่กลิ่นจางหายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ความรัก... ไม่ใช่เสื้อผ้าอาภรณ์หรือข้าวของเครื่องใช้ ที่เก่า แล้วก็เปลี่ยนใหม่ ความรัก... ไม่ใช่อาหารที่กินหลายมื้อก็เบื่อหน่าย ฯลฯ ************************************** ''เธอเป็นใครถึงจะมาสอนสั่งว่าฉันกินอะไรได้หรือกินอะไรไม่ได้ เป็นแม่ครัวก็ควรทำหน้าที่แม่ครัวของเธอ ไม่ต้องมาวิจารณ์คนกิน ไป ไปทำอาหารที่ฉันต้องการมา ต่อไปไม่ต้องเอาผักหญ้าพวกนี้มาให้ฉันกินอีก” อาหารจานหนึ่งถูกโยนแตกเพล้งตรงหน้าผู้ที่ถูกเรียกว่า...แม่ครัว...สลัดผักธัญพืชและนํ้าสลัดที่วัสสิกาต้องใช้เวลาคำนวณแคลอรี่ว่าต้องมีผักธัญพืชมากน้อยเท่าไรและสรรหาผักสดๆใหม่ๆมาทำอย่างประณีตหกกระจายเกลื่อนอยู่ตรงหน้าเหมือนเศษขยะ ที่วัสสิกาแทบจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความโมโห เพราะเจ้าชายจอมยโสไม่ได้ทำลายแค่อาหารจานสองจานแต่ได้ทำลายความตั้งใจดีของเธอจนหมดสิ้น “ตาหมีอ้วน" วัสสิการ้องว่าในใจ ความโกรธวิ่งจี๊ดขึ้นสมองวัสสิกาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต เธอไม่เคยโกรธใครมากมายอย่างนี้ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าโกรธทำไม่นักหนา แต่ตอบโต้ออกมาได้เพียงกรีดเสียงอยู่ในความนึกคิด..ตาหมีอ้วน ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้กิน ยังจะมาว่ามาทำแบบนี้อีก...เพราะสิ่งที่เจ้าชายอาทิตยสุเรนทรากระทำ...โยนจานอาหารใส่หน้า...เป็นการทำร้ายจิตใจแบบที่ไม่เคยมีใครทำกับเธอมาก่อน วัสสิกาหมดความอดทนต่อผู้สูงศักดิ์ จึงโต้กลับทันควัน ฯลฯ ********************************
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"