ที่ปัดน้ำฝนทำงานหนัก คณเทพต้องตั้งใจใช้สมาธิเป็นพิเศษ แม้ความเร็วของรถ เพื่อมุ่งให้ถึงที่หมายเร็วๆ จะถูกชะลอลงแล้วก็ตาม
“ให้นัญช่วยไหมคะ” เสียงอาสาเต็มอกเต็มใจ
“ช่วยขับรถน่ะ? อย่าดีกว่า”
“แหม! ไม่ไว้ใจกันมั่งเลย”
“อาจไว้ใจ ถ้าไม่รู้มาว่า สองสามวันก่อน เราใช้ประตูหน้าบ้านแทนเบรก”
“ใครปากมากอีกล่ะคะ?”
กิริยากระเง้ากระงอดบอกให้รู้ถึงนิสัยเอาแต่ใจตน คณเทพหัวเราะ ไม่ตอบ
“หัวเราะอะไรคะ?”
“เปล่า”
“พี่เทพ นะ!”
“อะไรอีก”
“บอกมาเดี๋ยวนี้เชียว ใครบอก เรื่องนัญขับรถชนรั้ว”
“ชนประตู ไม่ใช่ชนรั้ว” เขากล่าวแก้
“นั่นละๆ ใคร? บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ไม่เพียงแต่จะเค้นเสียงเพื่อให้ได้คำตอบ ยังเขย่าแขนล่ำสันเป็นการเร่งเร้า
“เฮ่ย! ทำบ้าๆ” คณเทพเอ็ด “เดี๋ยวได้ลงข้างทางกันพอดี”
“ก็รีบบอกมาสิคะ ใครเล่าให้พี่เทพฟัง”
“ใครเล่าไม่สำคัญเท่ากับว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือไม่ใช่”
“ไม่จริงซะหน่อย”
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าริอ่านโกหก”
“พี่เทพ!”
“อะไร ร้องตกอกตกใจไปได้”
“นัญโตแล้วนะ!”
“อย่างนั้นเรอะ” คณเทพทำเสียงขัน แต่ไม่สบายใจนัก
เขาพอจะรู้ การที่อนัญญาพรญาติผู้น้องของเขาคนนี้ พยายามทำตัวสาวเกินวัย แก่แดดเกินอายุ ก็เพราะมีจุดประสงค์อยู่ที่ตัวเขา
คณเทพไม่นึกโทษเด็กสาว ที่มีความคิดความอ่านอยากให้เขาเป็นมากกว่าพี่ชาย
ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ที่พากันกรอกหูเสียจนอนัญญาพรฝังหัวว่าจะต้องแต่งงานกับเขาสักวัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำนองเรือล่มในหนอง เงินทองจะไปไหนเสีย แต่บังเอิญว่าเขาไม่เคยเห็นเป็นอื่น นอกจากน้องที่เขาให้ความเอ็นดู มากกว่าจะนึกรักอย่างชายหนุ่มหญิงสาว
เขาเพิ่งอายุสามสิบ ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเร่งหาห่วงแขวนคอ ยังอยากทำงานโดยไม่ต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลัง ซึ่งเขาคิดว่า เขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรก คนเดียวในโลก ที่เห็นว่าสถานภาพโสด น่ารักษาไว้ให้ยืนยาวเท่าที่จะนานได้
แต่การที่เขายังไม่แต่งงาน ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไร้ไว้ปลดปล่อยอารมณ์ความต้องการ เขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง บางเวลา ก็จำต้องพักผ่อนหย่อนใจบ้าง ด้วยสุรา นารี และกีฬาบัตร ประสาคนหนุ่ม เพียงแต่เขาไม่หมกมุ่น นานๆ จะมีสักครั้ง
ใครๆ ก็บอกว่า เขาเหมือนบิดาทั้งรูปลักษณ์ และอุปนิสัย ตรงที่ชอบอยู่เงียบๆ ชอบความเป็นส่วนตัว หลังหมดภารกิจการงานประจำวัน เขาไม่ชอบออกงานสังคม เลี่ยงได้จะเลี่ยง ผิดกับมารดาของเขา ที่โปรดปราณการได้แต่งตัวสวย สวมเครื่องประดับบ่งบอกฐานะไปร่วมสังสรรค์ต่างๆ ไม่เว้นแต่ละวัน
เขารักมารดา แต่ก็จำต้องยอมรับว่า รสนิยมการใช้ชีวิต รวมไปถึงทัศนคติในการมองโลก มองคน ต่างกันจนแทบจะพูดได้ว่าอยู่คนละขั้ว
มารดาของเขาเป็นคนถือตัว เข้าขั้นเย่อหยิ่ง โดยเฉพาะกับบุคคลที่เห็นว่าต่ำต้อยกว่าในด้านฐานะ ศักดิ์ตระกูล คุณชดช้อยแทบจะแลไม่เห็นหัวนั่นเลย
“พี่เทพ”
“อะไรอีกล่ะ”
“พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าคะ”
“ไม่ว่าง” ตอบโดยไม่พักคิด สายตาไม่ละจากถนน
“พี่เทพนะ” อนัญญาพรทำเสียงงอน
“จะไม่คิดสักนิดเลยหรือคะ ก่อนตอบ”
“ทำไมต้องคิด? พรุ่งนี้พี่มีสอนทั้งวัน”
“ใจคอพี่เทพจะหายใจเป็นงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือไง” เด็กสาวทำเสียงขัดอกขัดใจ
“ไม่ถึงหรอก พี่ก็ต้องกันเวลาไว้พักผ่อนหย่อนใจบ้างสิ ขืนทำแต่งานตลอดยี่สิบชั่วโมงต่อวันก็ตายกันพอดี”
“หย่อนใจด้วยการออกต่างจังหวัดกับเพื่อนอีกโขยง ไปตกปลาจับกบกันน่ะหรือคะ?”
“แค่ตกปลา ยังไม่เคยจับกบสักที หมายถึงกบจริงๆ นะ ไม่ใช่สำนวนเวลาหกล้ม”
“ถึงงั้นก็เถอะ นัญไม่เห็นชอบ”
สาวน้อยย่นจมูก
“ก็ดีแล้วที่ไม่ชอบ”
“สู้ชอปปิ้งก็ไม่ได้”
“ก็แค่นั้นแหละ ผู้หญิง”
กังวานเสียงชายหนุ่มไม่เชิงดูถูก ฟังขบขันมากกว่า
“ไม่แค่นั้นจะให้แค่ไหนละคะ หรือพี่เทพคิดว่านัญควรทำอะไรได้ดีกว่านี้”
“ตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆ จะได้ออกมาช่วยคุณอาทำงาน นั่นน่ะ ทำได้จะดีมาก”
อนัญญาพรย่นจมูกที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองสวย น่ารัก ชวนมองยิ่งขึ้น
“จ้างให้ นัญก็ไม่ทำงานที่บริษัทคุณพ่อเป็นอันขาด”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่ทำไม แค่ไม่อยากทำ ก็ไม่ทำ ใครจะมาบังคับ”
“รู้แล้วว่าเราน่ะไม่มีใครบังคับได้ แต่เรื่องงานบริษัท พี่เห็นว่าควรเรียนรู้ไว้บ้างก็ดี อย่าลืมสิ พ่อแม่เรา มีเราเท่านั้นนะ”
“ช่าง! ไม่เห็นจะสน พี่เทพแน่ะ เข้าไปช่วยคุณพ่อแทนนัญสิ”
“ไม่ไหว แค่งานสอนหนังสือที่ทำอยู่ทุกวันนี้ พี่ก็จะแย่อยู่แล้ว”
“ทำไมพี่เทพไม่คิดจะทำงานบริษัทนะ งานสอนหนังสือน่ะ คุณป้ายังบ่นๆ อยู่เลยว่าไม่เห็นจะทำให้รวยขึ้นมาได้ ไม่รู้ว่าพี่เทพจะขยันไปถึงไหน คุณป้ายังพูดอีกนะคะว่า พี่เทพหาเรื่องใส่ตัว อยู่ดีไม่ว่าดี”
“ช่างพี่เถอะ เราน่ะแหละ มีโอกาสแล้วก็ขยันเรียนเข้า คนเราจนอย่างอื่นได้แต่อย่าจนวิชาความรู้”
“ถึงจะจนวิชาความรู้ นัญก็ไม่เดือดร้อนอะไรนี่ คุณพ่อคุณแม่ออกรวย ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด”
คณเทพไม่แน่ใจว่าควรหมั่นไส้ ในแนวความคิดของญาติผู้น้อง หรือควรเศร้าใจดี
น่าจะเป็นประการหลัง
คิดแล้วให้เสียดาย ที่เด็กคนหนึ่ง ซึ่งควรเป็นอีกหนึ่งอนาคตของชาติมีความคิดเยี่ยงนี้ เนื่องจากการบ่มค่านิยมผิดๆ ในฐานะลูกสาวคนเดียวของครอบครัวมีอันจะกิน และยังเป็นบุตรที่บิดามารดาคิดว่าหมดโอกาสจะมีได้แล้ว พอได้มาอย่างไม่คาดฝัน ขณะวัยมากสมควร อนัญญาพรจึงได้รับการตามใจจนเหลิง
คณเทพนึกถึงลูกศิษย์ของเขาบางคนที่มาจากครอบครัวยากจน แต่พ่อแม่ก็พยายามกัดฟันหาเงินส่งเสียเพื่อให้ลูกได้ร่ำเรียนเพื่อจะได้มีวิชาความรู้
แปลกว่า คนบางคนมีโอกาสดีกว่าคนอื่น กลับไม่คิดจะขวนขวาย
ความคิดหมกมุ่นชั่วขณะของเขา นอกจากทำให้ลืมความเอาใจใส่สภาพถนนหนทาง เท้าข้างที่เหยียบคันเร่งยังเผลอออกแรงกดเพิ่มขึ้น แม้จะเห็นป้ายเตือนแวบๆ ว่าให้ระวังคนข้ามถนนบริเวณทางแยกข้างหน้า
“พี่เทพ!”