คนที่กล้ามายุ่งกับเธอ....ถามสามีของเธอดูแล้วหรือยัง
คนที่กล้ามายุ่งกับเธอ....ถามสามีของเธอดูแล้วหรือยัง
จู่ ๆ ก็มีสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเป็นความต้องการของผู้เป็นบิดาที่เพิ่งจะสิ้นลมหายใจไปได้เพียงเจ็ดวัน ทำให้อลินา หรือ ฮาน่า อารอน ลูกครึ่งไทยอเมริกันวัยยี่สิบปีปฏิเสธไม่ได้ เธอจำใจต้องจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก แม้กระทั่งหน้าตาของสามีในทะเบียนเป็นอย่างไรเธอเองก็ไม่เคยเห็น วันที่จดทะเบียนสมรสก็มีเพียงทนายของเขาเท่านั้นที่นำเอกสารการจดทะเบียนสมรสมาให้เธอเซ็น ทำให้เธอตัดสินใจหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศไทย ประเทศที่เป็นบ้านเกิดของเธอเองในทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย
การจดทะเบียนสมรสในครั้งนี้เธอขอใช้สิทธิ์ในการคงสภาพการเป็นนางสาวเอาไว้ แม้ว่านามสกุลจะเปลี่ยนไปก็ตามที ที่เธอเลือกกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย เพราะเธอจากมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กและที่นั่นไม่หลงเหลือคนที่รู้จักเธออีกแล้ว ผู้เป็นสามีแค่เพียงในนามไม่ได้ห้ามปราม แต่ทว่าเขากลับมอบบัตรเครดิตที่ไม่จำกัดวงเงินให้แทนการโผล่หน้ามาให้เธอเห็น จนหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายแบบไหน เธอนั้นรู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น มิสเตอร์เอเดน วินเทอร์ เพราะแบบนี้เธอถึงได้นามสกุลวินเทอร์ติดสอยห้อยท้ายชื่อของเธอมาด้วย แต่ที่เธอพอจะโล่งใจคือเขาไม่ใช่ผู้ชายแก่หงำเหงือก แต่เป็นชายหนุ่มที่มีอายุแก่กว่าเธอสิบปี
มือบางจ้องมองพาสปอตในมือก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองชิคาโก เมืองที่เติบโตและใช้ชีวิตมานานนับยี่สิบปี ดีที่ว่าเธอนั้นถือพาสปอตสองสัญชาติทำให้เธอไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยุ่งยากในประเทศไทย ร่างระหงผิวขาวเนียนที่มีส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเดินผ่านจุดตรวจตั๋วไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของใครบางคนที่คอยจับจ้องอยู่
“จะปล่อยนายหญิงไปแบบนั้นจริงๆ หรือครับท่านเอเดน”
บุ๊ชเอ่ยถามนายหนุ่มออกมา เขารู้ดีว่านายของเขานั้นสนใจในตัวนายหญิงมากขนาดไหน และเขาก็รู้ดีว่านายของเขานั้นไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเหมือนกับภรรยาที่กำลังจะเดินทางออกจากเมืองชิคาโกไปในไม่ช้า
“อือ...ให้เธอได้ใช้ชีวิตอิสระไปอีกสักหน่อย นายก็รู้นี่ว่าเรายังมีงานที่ยังต้องจัดการอยู่อีกเยอะ ให้เธอสนุกกับชีวิตอิสระไปอีกสักพัก ก่อนที่ฉันจะได้ไปใช้สิทธิ์ของฉัน ตอนนี้ก็ส่งพวกที่อยู่ที่นั่นไปคอยสอดส่องดูแลเธอแทนฉันไปก่อนก็แล้วกัน ย้ำว่า...อย่าให้มีแมลงไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่มาไต่ตอมเธอเด็ดขาด เข้าใจไหม!!!”
เสียงทุ้มเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ แว่นตาสีดำที่ปกปิดดวงตาคมกล้าและค้ำอยู่บนสันจมูกโด่งของเขานั้นชวนให้สาวๆ เหลียวมอง แต่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่ได้รับไมตรีกลับไป
“เข้าใจครับเจ้านาย ผมจะสั่งให้ลูกน้องที่นั่นคอยดูแลนายหญิงอย่างดีเลย” บุ๊ซรับคำสั่งก่อนที่จะรีบสาวเท้าเดินตามนายเล็กไป
เอเดน วินเทอร์ ทายาทมาเฟียลำดับที่สามรุ่นที่ห้าของตระกูลวินเทอร์ ตระกูลของเขาทำธุรกิจสีเทามากมายในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปอเมริกาใต้และทวีปแอนตาร์กติกา เขามีพี่ชายสองคนที่ดูแลธุรกิจของตระกูลซึ่งอยู่ทวีปอเมริกาใต้และทวีปแอนตาร์กติกา ส่วนตัวเขานั้นเพิ่งจะขึ้นมารับหน้าที่ดูแลธุรกิจของครอบครัวแทนบิดาที่อายุมากขึ้นในทวีปอเมริกาเหนืออย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้เขาทำธุรกิจส่งออกกับทวีปเอเชียอยู่และหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
ดวงตาคู่สวยจ้องมองวิวทางด้านนอกหน้าต่างของเครื่องบินลำใหญ่ ที่กำลังจะพาเธอเดินทางไปยังประเทศเป็นบ้านเกิด ดีที่ตัวเธอนั้นไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ภาษาไทยเลย หรือแม้แต่ภาษาจีน ฝรั่งเศส และเยอรมัน เธอนั้นก็ถือว่าพูดได้อย่างเชี่ยวชาญ ผลการเรียนของเธอก็ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองชิคาโก แต่เธอนั้นไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าสุดท้ายแล้วอนาคตของเธอจะต้องมาจบลงด้วยการเป็นภรรยาของผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้า แม้จะเป็นภรรยาของเขาเพียงแค่ในนามก็ตามที
หญิงสาวยิ้มจางๆ ออกมาเมื่อนึกถึงความเป็นมิตรของผู้คนในประเทศไทย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเธอก็ไม่เคยลืม แต่รอยยิ้มที่เธอได้รับในวันนั้น ก่อนที่เธอจะย้ายมาอยู่อเมริกาแต่ทว่ากลับไม่ใช่รอยยิ้มของคนไทย ดูจากใบหน้าที่ส่อแววหล่อเหลาก็พอจะเดาออกว่าเขาเป็นฝรั่ง คงจะเป็นนักท่องเที่ยวที่บังเอิญช่วยเหลือเธอโดยบังเอิญ หากวันนั้นไม่ได้พบกับเขา...เธอก็คงจะไม่ได้มีโอกาสเติบโตขึ้นมาอย่างงดงามในวันนี้
“อลินา...หนูรอแม่อยู่ตรงนี้ก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ไปโหลดกระเป๋ากับเช็กอินก่อน เข้าใจไหมคะ”
อารีญามารดาของอลินาในวัยห้าขวบเอ่ยขึ้น เด็กหญิงลูกครึ่งที่มีหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาพยักหน้าขึ้นลงอย่างรู้ความ ผู้เป็นมารดาจึงเข็นรถเข็นที่มีกระเป๋าอยู่ถึงสามใบเดินไปยังเคาน์เตอร์
เด็กหญิงเหลียวซ้ายทีขวาทีก่อนที่จะมองเห็นตุ๊กตาตัวเล็กของใครบางคนตกอยู่ ด้วยความเป็นเด็กเห็นอะไรน่ารักก็มักจะวิ่งเข้าหา เด็กหญิงที่สวมเสื้อโค้ตและรองเท้าผ้าใบสีขาวจึงวิ่งไปหาเจ้าตุ๊กตามอมแมมที่ตกอยู่ทันทีโดยที่ไม่ทันได้ระวัง รถเข็นที่เข็นกระเป๋ากำลังจะถูกเข็นผ่านโดยที่พนักงานมองไม่เห็นเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้น แต่แล้วร่างเล็กก็ถูกร่างที่โตกว่าคว้าเข้าไปในอ้อมกอด ทั้งคู่ล้มลงไปบนพื้นแต่ดีที่เด็กหญิงไม่ได้รับบาดเจ็บ และคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเช่นกัน
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
สำเนียงภาษาอังกฤษชัดเจนดังขึ้นจากเด็กชายที่โตกว่าคนตัวเล็กที่ในมือยังมีตุ๊กตาต้นเรื่อง เด็กหญิงส่ายใบหน้าไปมา เด็กชายจึงยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“นายน้อย... ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” ฝรั่งที่สวมสูทหลายคนวิ่งเข้ามาดูแลเด็กชาย
“ฉันไม่เป็นอะไร อืม... ระวังหน่อยนะตัวเล็ก ที่ไหนที่มีคนเยอะๆ มันไม่ค่อยปลอดภัยหรอก” เขาประคองเด็กหญิงให้ลุกขึ้นก่อนที่จะส่งยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินจากไปพร้อมกับฝรั่งที่สวมสูทสองคน
อารีญาไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์แต่ได้ยินคนคุยกันว่ามีเด็กหญิงลูกครึ่งเกือบถูกรถเข็นกระเป๋าชน เธอที่โหลดกระเป๋าและเช็กอินเสร็จพอดี เธอจึงรีบเดินตามหาบุตรสาวของตนจนได้พบเด็กหญิงยืนโบกมือหย็อยๆ ให้กับใครบางคนที่น่าจะเดินจากไปได้ไม่นาน มือเล็กข้างหนึ่งกอดตุ๊กตาเอาไว้ อารีญาตกใจรีบวิ่งเข้าไปรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“ฮาน่า หนูไม่เป็นไรใช่ไหมคะลูก” เธอผละอ้อมแขนออกก่อนที่จะสำรวจร่างเล็กของบุตรสาวแล้วผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
“พี่ชายเขาช่วยหนูไว้ค่ะแม่ เขายิ้มสวย ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาสวยมากเลยค่ะ” เด็กหญิงชมเด็กหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอออกมาด้วยรอยยิ้ม
“สักวันหนูจะได้พบเขาอีกไหมคะแม่ญา” เธอเอ่ยถามมารดาออกมาด้วยความไร้เดียงสา
“ถ้ามีวาสนาต่อกันสักวันหนูกับพี่เขาก็คงมีโอกาสได้เจอกันอีกแน่จ๊ะ ไปกันเถอะนะลูก ไปหาอะไรกินกันก่อนที่เราจะไปหาแด๊ดนะ” เด็กหญิงยิ้มร่า
อลินายังจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี แม้เรื่องราวจะผ่านมานานเกือบสิบห้าปีแล้วก็ตาม เธอยังแอบคาดหวังว่าสักวันหนึ่ง เธอจะได้เอ่ยคำขอบคุณเขา ที่เขาเคยช่วยชีวิตน้อยๆ ของเธอเอาไว้ แม้สถานะของเธอในตอนนี้จะไม่เหมาะที่จะคิดถึงผู้ชายคนอื่นแล้วก็ตามที
เปลือกตาบางปิดลงเมื่อเครื่องทะยานสูงขึ้นเหนือท้องฟ้าเมืองชิคาโก หญิงสาวเลือกนั่งชั้นธุรกิจเพราะสามีที่ดูท่าจะร่ำรวยของเธอให้บัตรเครดิตติดตัวมา แม้เธอจะเกรงใจที่ต้องใช้เงินของเขาในเรื่องส่วนตัว แต่เธอก็ไม่อาจทนที่จะต้องนั่งชั้นประหยัดให้ปวดเนื้อปวดตัว เพราะการเดินทางไปยังประเทศไทยนั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน ชีวิตใหม่ที่สงบสุขของเธอหลังจากนี้คือชีวิตที่เธอต้องการ
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY