ไม่น่าเชื่อว่าแค่จูบเดียวจะทำให้เขาอยากได้เธอจนคลุ้มคลั่ง สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่าเธอจะเข้ากับเขาได้ดีมากแค่ไหน มันเป็นความปรารถนาอยากสอนผู้หญิงที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ให้กลายเป็นไฟแสนเร่าร้อน ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรงทันทีที่ริมฝีปากของเขาประกบลงบนเรียวปากนุ่ม เขาอยากได้เธอแต่ไม่อยากแต่งงานซึ่ง เอเดน แทลลีย์ รู้ดีว่าแม่ของเขาไม่มีทางยอมให้ทำเล่นๆ กับ รดาดาว เป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เสน่ห์อันแสนร้ายและชั้นเชิงของเพลย์บอยตัวพ่อ ‘หลอกล่อ’ เหยื่อสาวไร้เดียงสาเพื่อให้ตัวเองสมดังปรารถนา แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าเขากลับต้องติดบ่วงเสียเอง วิวาห์ครั้งนี้จึงกลายเป็นวิวาห์แสนหวาม! “ไม่คิดว่าตัวเองนุ่มนิ่มไปเหรอสำหรับผู้ชายอย่างผม” “นิ่มคิดว่านิ่มน่าจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณได้ค่ะ” “ในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องเซ็กส์ใช่ไหม” คำถามของเขาตรงไปตรงมาทำเอาสาวน้อยหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย แต่ก็แข็งใจตอบออกมาเพราะไม่อยากถูกหัวเราะเยาะ “เอ่อ...ค่ะ” “มั่นใจขนาดนั้นเชียว” “มะ...มั่นใจค่ะ...” ตอบว่ามั่นใจแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยอาการอึกอัก “ถ้าอย่างนั้นผมขอพิสูจน์หน่อย” จบคำใบหน้าหล่อเหลาก็ฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากกระด้างประกบลงบนปากสีระเรื่อ ใช้ความช่ำชองบดคลึงบีบบังคับให้เธอเผยอกลีบปากออกจากกัน แล้วสอดลิ้นอุ่นซ่านล่วงล้ำเข้าไปควานหาความฉ่ำหวานในโพรงปากนุ่มชื้นด้วยลีลาแสนเจนจัด สมองของรดาดาวหมุนเคว้ง เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนจะเป็นลมจนต้องใช้มือจับยึดต้นแขนแกร่งเอาไว้ จูบของเขาทั้งเซ็กซี่และร้อนแรงเหมือนชื่อเอเดนที่แปลว่า...เร่าร้อน ไม่มีผิด
เมืองคลีฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
หลังจากผู้เป็นอาจอดรถเรียบร้อยแล้ว เท้าเล็กๆ ซึ่งรองรับด้วยรองเท้าส้นสูงแบบหุ้มส้นก็ก้าวลงมายืนที่ลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์สีขาวสุดหรูมูลค่ากว่าสองพันล้านดอลลาร์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวางเกือบสิบไร่ บริเวณรอบๆ นั้นถูกรายล้อมไปด้วยสนามหญ้า สระน้ำใสแจ๋ว และไม้ประดับนานาพรรณ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นเป็นธรรมชาติเย็นสบายชวนให้นึกอิจฉาผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้อยู่ไม่น้อย
สาวน้อยเจ้าของใบหน้าหวานใสอดตื่นเต้นไม่ได้ ดวงตาคู่สวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์สีครีมประกายทองแบบบางเบา แอบมองสำรวจไปรอบๆ อาณาบริเวณอย่างทึ่งๆ แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกอาสาวเรียกให้เข้าไปข้างใน
ร่างอรชรอ้อนแอ้นสมส่วนเดินตัวลีบตามผู้เป็นอาต้อยๆ ไปยังห้องรับแขกซึ่งถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหราเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของคฤหาสน์ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกๆ เป็นจังหวะระรัวราวกับกำลังลั่นกลองรบ เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีจะต้องเผชิญหน้ากับใคร
“สวัสดีค่ะคุณจูเลีย” ชมพูนุชยื่นมือไปให้เจ้าของคฤหาสน์จับเป็นการทักทาย และจูเลีย แทลลีย์ สตรีวัยกลางคนเชื้อสายอเมริกัน-ไอริชซึ่งยังคงสวยสง่าสมวัยก็จับมือตอบด้วยไมตรีจิตอันดี
“สวัสดีจ้ะซาร่า ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เลยนะ ฉันดีใจมากที่เธอมาเยี่ยม”
“คุณจูเลียสบายดีนะคะ”
“สบายดี แต่ช่วงนี้ที่มูลนิธิยุ่งนิดหน่อยเพราะกำลังจะจัดงานราตรีสโมสรการกุศล ยังไงก็เชิญเธอกับดาร์เลนด้วยนะซาร่า แล้วสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ใช่หลานสาวของเธอหรือเปล่า” พอเจ้าของคฤหาสน์บอกเล่าถึงสารทุกข์สุกดิบของตัวเองแล้วก็หันไปสนใจสาวน้อยที่ผู้เป็นแขกพามาด้วย
“ใช่ค่ะหลานสาวที่ดิฉันเคยบอกว่าจะพามาแนะนำให้คุณจูเลียรู้จักน่ะค่ะ ชื่อรดาดาว เรียกแกว่า ‘นิ่ม’ ก็ได้นะคะ”
“สวัสดีค่ะมาดาม” รดาดาวยกมือขึ้นไหว้จูเลียอย่างนอบน้อม หลังจากผู้เป็นอาแนะนำเธอให้เจ้าของคฤหาสน์ได้รู้จักอย่างเป็นทางการแล้ว
“สวัสดีจ้ะหนูนิ่ม เรียกป้าว่าจูเลียเหมือนที่ซาร่าเรียกก็ได้นะ” หญิงวัยกลางคนบอกอย่างเป็นกันเองขณะพิศมองดวงหน้ารูปหัวใจหวานใสที่ล้อมกรอบด้วยผมดำขลับนุ่มสลวย คิ้วเรียวโค้งได้รูปดั่งคันธนูเป็นระเบียบเหนือดวงตาเรียวสีน้ำตาล จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากบางกระจับสีระเรื่อและคางมน
“ขอบคุณค่ะคุณป้าจูเลีย”
“มาๆ นั่งก่อนทั้งสองคน” ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ผายมือไปที่โซฟาอีกตัวด้วยความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ การมาของชมพูนุชกับรดาดาวในวันนี้ไม่ใช่แค่การมาเยี่ยมเยือนตามปกติเฉกเช่นคนรู้จักกันธรรมดาทั่วไป แต่มีนัยแฝงถึงการดูตัวระหว่างลูกชายของเธอกับรดาดาว ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยที่สุดในสังคมอเมริกัน และผู้เป็นลูกชายจะต่อต้านเต็มที่ก็ตาม แต่มาดามแทลลีย์ก็ยังยืนกรานจะเดินหน้าทำตามความคิดของตัวเอง เพราะการที่ได้สนิทสนมกับชมพูนุชซึ่งเป็นภรรยาของเพื่อนสามี ทำให้เธอหลงรักเสน่ห์ความเป็นไทยจนอยากได้ลูกสะใภ้คนไทยที่มีกิริยามารยาทเรียบร้อย เก่งการบ้านการเรือนทุกอย่างเหมือนชมพูนุช และรดาดาวก็คือหญิงสาวที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ
“คุณอาเธอร์ยังไม่กลับจากเอธิโอเปียเหรอคะ” ชมพูนุชไถ่ถามถึงสามีของจูเลียตามประสาคนคุ้นเคย
“ยังไม่กลับจ้ะซาร่า ตอนนี้ฉันก็เลยอยู่กับเอเดนสองคน แต่เอเดนยังไม่กลับมา สงสัยจะยังเคลียร์งานไม่เสร็จ รอพี่เขาหน่อยนะหนูนิ่ม” ประโยคสุดท้ายมาดามแทลลีย์หันมาทางว่าที่ลูกสะใภ้ ยังผลให้พวงแก้มใสๆ ของรดาดาวกลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างอดที่จะกระดากไม่ได้ เพราะตนเองเป็นฝ่ายหญิงแท้ๆ แต่กลับมาเสนอให้ฝ่ายชายดูตัวก่อน
“ค่ะคุณป้าจูเลีย” เสียงหวานใสรับคำเบาๆ ก่อนจะหลุบเปลือกตาลงเพื่อปิดบังความเขินอายของตัวเอง การมาคฤหาสน์โกลเดนกรีนในครั้งนี้ จะว่าถูกบังคับก็ไม่ใช่ จะว่าเต็มใจก็ไม่เชิง หากด้วยความเป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย รดาดาวจึงยอมทำตามความต้องการของผู้ใหญ่โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เมื่อชมพูนุชอาสาวซึ่งมีบุญคุณต่อครอบครัวเห็นสมควรว่า ‘เอเดน แทลลีย์’ ลูกชายคนเดียวของมาดามแทลลีย์เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของเธอ รดาดาวก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่เพื่อให้เขาดูตัว ถึงแม้ลึกๆ จะอดรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อย เพราะการกระทำเช่นนี้ผิดกับวิสัยกุลสตรีที่ดีที่แม่และยายพร่ำสอนมาโดยตลอดก็ตาม
ยายของรดาดาวมาจากตระกูลผู้ดีเก่า เคยเป็นข้าราชบริพารในวัง ตอนหลังได้พบรักกับทหารมหาดเล็ก จึงออกมาแต่งงานและสร้างครอบครัว มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนคือ ‘รจนา’ ซึ่งเป็นแม่ของรดาดาว แต่โชคร้ายที่ตาเสียชีวิตไปในขณะที่แม่ของเธออายุเพียงสองขวบหลังจากนั้นผู้เป็นยายจึงต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านเดิมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหาเลี้ยงลูกสาวด้วยการทำขนมขาย
ฐานะครอบครัวดีขึ้นตอนที่แม่ของรดาดาวแต่งงานกับพ่อของเธอซึ่งเป็นข้าราชการครู แต่ก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไรมากนัก เพราะพ่อต้องเลี้ยงคนในครอบครัวถึงห้าคนคือยาย แม่ รดาดาวและน้องๆ อีกสองคน เมื่อรดาดาวและน้องๆ เข้าสู่วัยเรียน เงินเดือนของข้าราชการก็ไม่พอใช้ กระทั่งชมพูนุชผู้เป็นอาที่แต่งงานกับมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน อาสาเข้ามาช่วยส่งเสียรดาดาวและน้องๆ แถมยังออกค่ารักษาพยาบาลให้ยายของเธอเป็นประจำทุกเดือนอีกด้วย ครอบครัวของรดาดาวจึงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งยายและแม่พร่ำสอนเสมอว่าให้รักและเคารพชมพูนุชเสมือนเป็นแม่คนที่สอง
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"