เก้าทัพ กันต์ดนัย ลูกชายสายเฟียร์สของหมอกฤษฎิ์ หล่อร้าย เจ้าเล่ห์ และแสนเย็นชากับทุกคน ยกเว้นเธอนับดาว ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชากลับมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่อย่างมิดชิด รักครั้งแรกจากใครบางคนเขาจะขอทวงมันกลับมาคืนทั้งตัวและหัวใจ นับดาว นภาดา เด็กสาวที่เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าและสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก น่ารัก อ่อนหวาน ไร้เดียงสา อ่อนโยน ตกหลุมรักเก้าทัพตั้งแต่แรกพบและมั่นคงในรักเสมอมา รักครั้งแรกลาลับไปพร้อมกับคำว่า แอบรักรุ่นพี่ รักครั้งใหม่มาเยือนพร้อมกับคำว่า แอบรักพ่อของลูก เด็กชายกองทัพ กันต์กวี ของขวัญจากเขาชายผู้เป็นที่รักหาใช่ความผิดพลาดที่ใครต่อใครตราหน้าเธอไม่ เด็กแสบ เด็กซน ที่เป็นรอยยิ้มและกำลังใจของนับดาว เด็กแสบและแสนร้ายคู่กัด No.1 ของเขาคนนั้นรักแรกของมารดา เรียกพ่อมันยากเรียกเก้าทัพง่ายกว่าเป็นไหนๆ
เย็นวันฝนพรำ
โครม!!!!
หยาดฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วทำเอานับดาวที่กำลังวิ่งข้ามถนนมาพร้อมกับตะกร้าใส่ขนมไทยถึงกับลื่นล้มอยู่กลางถนน ขนมในตะกร้าใบใหญ่หกกระจัดกระจายเต็มท้องถนน ร่างบางรีบลุกขึ้นเก็บขนมไทยที่แม่ปรานีทำเพื่อให้เธอนำไปขายที่ตลาดยามเย็นโดยที่ไม่สนใจแผลถลอกที่เข่าเลยสักนิด รถหลายคันผ่านไปมาโดยที่ไม่มีใครลงมาช่วยสาวน้อยผมสั้นในชุดเดรสเก่า ๆ ที่กำลังตากฝนเก็บขนมอยู่ท่ามกลางสายฝนพรำเลยสักคน
จนทั่งกระร่างสูงของใครบางคนที่หยุดลงตรงหน้านับดาวเด็กสาวผู้โชคร้ายพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่ถูกกางเพื่อกันฝนให้สาวน้อยร่างผอมบางที่กำลังเก็บบรรดาขนมที่ตกหล่นอยู่บนพื้นถนน นับดาวชะงักมือที่กำลังก้มเก็บขนมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายทำเอาเธอถึงกับใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำสายตาที่ติดจะเย็นชาเล็กน้อยนั่นดึงดูดเธอราวกับต้องมนตร์สะกด
เก้าทัพเลือกที่จะนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นถนนแล้วยื่นร่มให้หญิงสาวแปลกหน้า นับดาวมองเขาพร้อมรับร่มมาถือไว้อย่าง-งง ๆ ชายหนุ่มร่างสูงหันไปเอื้อมมือเก็บขนมที่อยู่ไกลออกไปมาใส่ตะกร้าให้เธอจนครบ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้กลิ่นน้ำหอมของเก้าทัพลอยมาเตะจมูกของนับดาว สาววัยแรกแย้มที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อนให้ใจเต้นแรงและใจสั่นอย่างควบคุมอาการไม่อยู่
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจก่อนที่จะยื่นร่มคืนให้ เก้าทัพรับร่มมาถือเอาไว้พร้อมยืนมือใหญ่มาตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังมองมือใหญ่ตรงหน้าเธอด้วยความคิดไม่ถึงว่านอกจากเขาจะลงมาช่วยเธอเก็บขนมที่หล่นอยู่กลางถนนแล้วพี่ผู้ชายคนนี้ยังจะช่วยดึงเธอลุกขึ้นอีกด้วย
มือบางค่อย ๆ ทาบวางลงบนมือใหญ่ก่อนที่ฝ่ามือที่เย็นชื้นไปด้วยน้ำฝนจะกุมมือเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นความอบอุ่นที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างกายและหัวใจที่ไร้เดียงสาดวงน้อย ก่อนที่นับดาวจะลุกขึ้นมาตามแรงฉุดอย่างเบามือของคนตัวโตท่ามกลางสายฝน
สองหนุ่มสาวยืนเผชิญหน้ากันก่อนที่ดวงตากลมโตจะช้อนขึ้นมองสายตาเย็นชาของคนใจดีตรงหน้าแล้วกระพุ่มมือไหว้อย่างงดงามเพื่อขอบคุณอีกครั้ง
“ขอบคุณพี่มากจริง ๆ นะคะที่ลงมาช่วยนับดาวเก็บขนม”
รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้ร่างสูงของเก้าทัพทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อยกับรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของสาวน้อยตรงหน้า เก้าทัพเผยรอยยิ้มกว้างตอบกลับก่อนที่จะยื่นร่มส่งให้เธอ สาวน้อยทำหน้างุนงง ซึ่งท่าทางแบบนั้นเก้าทัพมองว่ามันน่ารักมากสำหรับเขา
“อีกนานกว่าฝนจะหยุดตกน้องเอาร่มไปเถอะนะ อีกอย่างขนมนี่พี่ช่วยอุดหนุนเราแล้วกัน อันไหนที่ยังกินได้ก็เอาไปแจกเพื่อน ๆ เสียนะ”
มือใหญ่ยัดร่มใส่มือนับดาวที่ยังคงงง ๆ อยู่โดยที่ไม่ลืมยัดแบงก์สีเทาใส่มือเล็กนุ่มนิ่มหลังจากนั้นเก้าทัพก็วิ่งออกจากร่มคันใหญ่กลับไปที่รถทันที นับดาวเมื่อได้สติก็รีบก้าวเตรียมจะวิ่งไปหาพี่ชายแปลกหน้าเพื่อคืนเงิน แต่เท้าเล็กกลับบังเอิญเหยียบอะไรบางอย่างเข้าทำให้เด็กสาวชะงักไป ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นแล้วก้มลงหยิบสร้อยสีเงินที่มีบางอย่างคล้องอยู่ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พอมองไปทางรถคันหรูของพี่ชายสุดหล่อกลับพบเพียงความว่างเปล่า
นับดาวมองสร้อยในมือที่เธอเก็บได้ซึ่งเธอเดาว่าน่าจะเป็นของพี่ชายคนนั้นที่ทำหล่นเอาไว้อย่างแน่นอน รอยยิ้มไร้เดียงสาเผยออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเก็บสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าผ้าใบเก่าที่เปียกโชกพร้อมกับแบงก์พันที่พี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมของเธอ
“ขอบคุณนะคะพี่ชาย”
เสียงหวานพึมพำขอบคุณเขาถึงแม้ว่าพี่ชายคนนั้นจะไม่อยู่ตรงนี้เพื่อฟังคำขอบคุณของเธอแล้วก็ตาม ความประทับใจในตัวของพี่ชายใจดีคนนั้นนับดาวจะจดจำไว้ตลอดไป หากมีวาสนาหรือโอกาสขอให้เธอได้พบกับพี่ชายคนนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้ด้วยเถิด นับดาวยิ้มหวานอย่างมีความสุขไปตลอดทางที่เดินกลับบ้านเด็กกำพร้าปรานีบ้านที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด
นับดาวเติบโตมาที่บ้านเด็กกำพร้าโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะพวกท่านนำเธอมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเด็กกำพร้าในวันที่ท้องฟ้ามืดมิด แต่กลับมองเห็นดวงดาวมากมายที่ส่องเป็นประกาย แม่ปรานีที่มาเห็นเธอเข้าจึงรับเลี้ยงและตั้งชื่อให้เธอว่า นับดาว นภาดา แปลว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่สดใส ซึ่งตัวเธอนั้นชื่นชอบชื่อนี้ของตัวเองมาก
เรื่องราวในวันนี้ถือเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอความใจดีจากคนแปลกหน้าที่เธอได้รับจะเป็นความสุขที่อยู่ในหัวใจของเธอตลอดไป
ใบหน้าหล่อเหลาที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ รอยยิ้มกว้างที่เธอประทับใจไม่รู้ลืมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงราวกับว่ากำลังตกหลุมรักเข้าโดยไม่รู้ตัว
แกรก
แอด
เสียงเปิดประตูบ้านไม้หลังเก่าที่ดังขึ้นเรียกความสนใจให้ปรานีที่กำลังเย็บซ่อมแซมชุดของเด็ก ๆ ในบ้านอยู่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนที่จะรีบวางเสื้อในมือลงแล้วเดินมาแย่งตะกร้าขนมในมือของนับดาวเอาไปวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมทรงนักเรียนมัธยมของเด็กสาวที่เปียกลู่แนบใบหูด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมไม่รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยมาล่ะลูก ดูสิเปียกโชกไปทั้งตัวเดี๋ยวพรุ่งนี้เกิดเป็นหวัดขึ้นมาก็ไปโรงเรียนไม่ได้กันพอดี”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยเอ็ดนับดาวเบา ๆ ก่อนที่สาวน้อยจะยิ้มกว้างออกมาอย่างเอาใจแม่ปรานีที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กคนที่เธอเรียกว่าแม่อย่างรู้สึกภาคภูมิใจในตัวท่านที่ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเธอกับเด็กหลาย ๆ คนที่อยู่ในบ้าน
แต่ตอนนี้มีเพียงเธอกับอ้อมใจและเอื้ออารีเท่านั้น เด็กสาวสองคนที่ขออยู่ที่บ้านนี้ต่อกับแม่ปรานี เพราะไม่อยากไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่พวกเธอไม่คุ้นเคย ซึ่งนับดาวก็เช่นกันที่ขออยู่ทำงานช่วยแม่ปรานีเพื่อหาเลี้ยงน้อง ๆ ทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในวัยมัธยมเฉกเช่นเดียวกับเธอที่ตอนนี้กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
“ไปได้เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะแม่ เพราะนับดาวคนนี้แข็งแรงอยู่แล้วไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก”
นับดาวย่นจมูกใส่ปรานีอย่างน่ารักทำเอาคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกี่ยวผมที่ลงมาปรกใบหน้าสวยหวานไปทัดที่ใบหูให้อย่างอ่อนโยน เด็กคนนี้คือของขวัญที่แสนพิเศษและล้ำค่าสำหรับเธอ เด็กสาวที่มาพร้อมกับความสดใสและความร่าเริงที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อต่อสู้กับโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้
“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว วันนี้มีแกงส้มของโปรดหนูด้วยนะ”
ปรานีเอ่ยบอกเด็กสาวที่กำลังตาโตด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วตั้งท่าจะวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน แต่พอวิ่งไปได้เพียงสามเก้าก็พลันชะงักเท้า และหันกลับมาเปิดกระเป๋าผ้าหยิบแบงก์พันออกมายื่นให้ปรานีที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจที่นับดาวยื่นเงินที่มากกว่าค่าขนมที่เธอทำให้นับดาวไปขายเสียอีก
“พอดีมีพี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมที่เปียกและหล่นลงพื้นน่ะค่ะแม่ พี่เขาบอกให้นับดาวเอาขนมที่ยังกินได้มาแจกให้เพื่อนบ้าน”
นับดาวบอกปรานีที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะยัดเงินใส่มือมารดาแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปทันทีเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทานมื้อเย็น ที่ถึงแม้ว่าแกงส้มของแม่ปรานีจะมีแค่ดอกแคไร้ซึ่งกุ้งตัวโต ๆ แต่เธอก็มีความสุขแล้วกับอาหารทุกมื้อที่คุณแม่ทำให้กินและทุกช่วงเวลาที่ได้เติบโตขึ้นมาภายใต้ชายคาบ้านเด็กกำพร้าปรานีแห่งนี้
คืนนั้นนับดาวนอนหลับไปพร้อม ๆ กับสร้อยที่คล้องด้วยเฟืองที่มีชื่อสลักเอาไว้ว่า KHAOTHUP รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าดวงตากลมโตบัดนี้หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขไปกับฝันดีฝันที่มีพี่ชายแปลกหน้าอยู่ในความฝัน
Sign on love ❤️ เดิมพันรัก มาเฟียร้าย กรรฐ์ กวีวัธน์ พิสิฐกุลวัตรดิลก มาเฟียในคราบชุดกาวน์ที่ยอมสลัดคราบผู้ชายเย็นชากระโจนเข้าสู่หลุมพรางของเธอ เธอชอบเขา...เขารู้ แล้วที่เขาชอบเธอ...เธอนั้นรู้หรือยัง ? มีน มินตรา อดิพัทธ์เรืองรัตนกุล ดารานางแบบสาวสวยชื่อดังที่คนชอบมองว่าหยิ่งแท้จริงแล้วนิสัยดี จริงใจ รักเพื่อนฝูง กล้าได้กล้าเสีย โบราณบอกเอาไว้ว่ามารยาหญิงมีร้อยเล่มเกวียนถ้าอย่างนั้นเธอก็จะของัดมาสักเล่มเพื่อยั่วเขาให้ตกหลุมพรางของเธอก็แล้วกัน เขาชอบเธอ...เธอไม่เคยรู้ แล้วที่เธอชอบเขา...เขารู้หรือยัง ?
มิ้นท์ รามิล "พี่มิ้นท์ของขนมพาย" ใจที่แข็งดั่งหินผาสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักไร้เดียงสาของเธอ "ขนมพาย" "รักฉันเท่าที่เธออยากจะรัก" ขนมพาย พิมพ์ชนก "ขนมพายของพี่มิ้นท์" เพราะความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทำให้เธอเดินหลงเข้าไปติดกับดักรักของเขาโดยไม่รู้ตัว "รักเธอไปหมดแล้วทั้งใจ"
ภีม ภีมวัจน์ อภิรักษ์วัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง AK Group นักธุรกิจหนุ่มที่ได้รับรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงถึง 4 ปีซ้อน อายุ 26 ปี หล่อ รวย รักสนุกแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชาคือเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆให้เข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจบลงเพียงชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ ถูกใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาได้พบกับเธอ แม่สาววันไนท์ที่ใช้ลิปสติกเขียนบนใบหน้าของเขาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แถมยังเซ็นเช็คให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาทพร้อมยิ้มมุมปากบอกเขาว่าคือ ค่าตัว หลังจากวันนั้นเขาได้แต่ I told พระแม่ว่าขออย่าให้ได้พบ ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยแต่ใครเลยจะรู้ว่าพระแม่ไม่แยแสต่อคำขอร้องของเขาด้วยซ้ำถึงได้ส่ง ตัวแม่ ตัวมัม มาล่อลวงหัวใจของ เขาให้สั่นไหวและตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น กอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก / เกียรติมงคลรัตน อายุ 21 ปี ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กของแก้มใส พิสิฐกุลวัตรดิลก สาวน้อยแสนแสบและแสนซน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอฟาดกลับคืนหมดไม่สนลูกใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวแม่ ตัวมัมเรื่องความใจกล้า เสียตัวแล้วเสียไปเธอไม่เสียใจแถมเธอยังใจดีเซ็นเช็คค่าตัวให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมภาวนาต่อพระแม่ว่าเธอ I told ผู้ชายคนนี้พียงคนเดียวเท่านั้น และใช่พระแม่เห็นใจและเข้าใจเธอถึงได้ส่งเธอให้มาเจอกับเขา ผู้ชายปากร้ายแต่หน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์ของเขาจนอยากจะชวนขึ้นเตียงวันละหลายหน จากความคิดที่เพียงแค่อยากเล่นสนุกกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะตัดใจและเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจ ถ้าเธอล่อลวงหัวใจของเขามาเป็นของเธอไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเธอว่าตัวแม่ตัวมัมอีกเลย คำเตือน ⚠️ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีเนื่อหาการร่วมเพศอย่างชัดเจนรบกวนผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ
ท่ามกลางรัตติกาลที่มืดมิดสองหนุ่มสาวต่างหลงทางอยู่ในนิทราที่แสนหวาน และเมื่อรุ่งอรุณมาเยือนหนุ่มสาวตื่นจากการหลับไหลนิทราที่แสนหวาน กลับกลายเป็นเธอกับเขาและความรักของเราที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้่น
ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปเพียงชั่วข้ามคืนด้วยความเข้าใจผิด ทำให้เธอกับเขาต้องผูกติดกันไปตลอดชีวิตด้วยคำว่ารัก ❤️❤️❤️ หมอไทม์ ธามไธ ศัลยแพทย์โรงพยาบาล N ภายนอกดูเหมือนเป็นคนเย็นชาที่ไม่ค่อยสนใจใคร แต่ใครเลยจะรู้ว่าข้างในหัวใจกลับซ่อนความหวั่นไหวและอบอุ่นเอาไว้อย่างมิดชิด ครั้งหนึ่งเขาเคยตั้งปฎิญาณเอาไว้ว่าจะไม่รักใครแต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกให้เขาต้องมาตกหลุมรักผู้หญิง ที่เขาหวังเพียงแค่ค้างคืนแต่กลับคือรักจริงและรักเดียวของเขาตลอดไป ไออุ่น อัยย์วรินทร์ เด็กสาวที่มองโลกในแง่ดีน่ารักและบริสุทธิ์สดใส รอยยิ้มของเธอทำให้ใครต่อใครตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว รวมถึงเขาหมอไทม์ ธามไธ ความอบอุ่นของเธอหลอมละลายหัวใจที่เย็นชาดั่งน้ำแข็งของเขา ให้กลายมาเป็นความรักที่ลึกซึ้ง
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------