ใครบัญญัติว่าพระเอกต้องเป็นคนดี ในเมื่อผู้หญิงส่วนมากหลงรักคนเลวทั้งนั้น สำหรับเขาก็แค่จะร้ายให้เธอรัก (รวยมากเลวมากใครไม่รักก็ให้มันรู้ไป)
เสียงเพลงลาวดวงเดือนดังมาจากวิทยุเครื่องใหม่ที่ลูกชายคนโตพึ่งซื้อมาฝากจากกรุงเทพมหานครขับกล่อมให้คุณนายสุจิตราเพลิดเพลินจำเริญใจอยู่ในห้องนั่งเล่นติดระเบียงบนบ้านไม้สักทองหลังงามที่สามีอดีตนายทหารชั้นสัญญาบัตรสร้างเอาไว้ให้ก่อนท่านจะเสียชีวิตในหน้าที่ หลังสามีจากไปคุณนายสุจิตราและลูกชายทั้งสองคนก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะที่บ้านสวนหลังนี้แทนคฤหาสน์หลังใหญ่ในกรุงเทพฯ ด้วยว่าไม่อยากเห็นความทรงจำเก่าซึ่งเคยมีกับสามี
คุณนายสุจิตราในวัยย่ำเลขหก ร่างกายเริ่มมีอาการปวดเมื่อยบ้างเป็นปกติ จึงได้เรียกใช้บริการบีบนวดคลายเส้นจาก “แม่หนูทอง” หรือทองพันชั่งหลานสาวเพียงคนเดียวของหมอดาวทองหมอสมุนไพรชื่อดังของจังหวัดชัยนาท ซึ่งมีบ้านสวนอยู่ติดกัน
“ทองพันชั่ง” ร่ำเรียนวิชาบีบนวดคลายเส้น จับเส้น จับเอ็น และวิชาหมอสมุนไพรมาจากหมอดาวทองผู้เป็นยาย เธอเริ่มช่วยยายรักษาคนป่วยได้ตั้งแต่อายุ10 ขวบ จนตอนนี้เธออายุได้ 19 ปีบริบูรณ์แล้ว หน้าตาสะสวยผิวพรรณหมดจดอย่างกับลูกเจ้าลูกนาย ไม่เหมือนลูกหลานชาวสวนชาวไร่เลยสักนิด
คุณนายสุจิตราเล็งเอาไว้ว่าปีนี้แหละจะส่งทองพันชั่งเข้าประกวดนางนพมาศ
“คุณนายคะ แม่หนูทองมาแล้วค่ะ”
อำนวยคนใช้ผู้สนิทวัยไล่เลี่ยกับคุณนายสุจิตราเดินมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมด้วยหมอจับเส้นคนสวย
“กำลังรออยู่พอดี วันนี้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหลือเกินแม่หนูเอ๊ย นวดให้ฉันที”
คุณนายสุจิตราหันมาคุยกับสาวน้อยที่เดินถือตะกร้าหวายเข้ามาพร้อมอำนวย ทองพันชั่งเจ้าของรูปร่างสะโอดสะองแลดูมีน้ำมีนวลผิดหูผิดตาในช่วงนี้ เด็กหญิงตัวน้อยที่เคยวิ่งเล่นตามท้องร่องในสวนส้มโอ บัดนี้โตเป็นสาวเต็มตัวเสียแล้ว
ทองพันชั่งคลี่ยิ้มหวาน วางตะกร้าหวายลงบนโต๊ะเตี้ย แล้วหยิบลูกประคบออกมา
“ได้เลยจ้ะคุณนาย วันนี้ยายฝากลูกประคบสูตรใหม่มาให้ด้วย เห็นแกอวดสรรพคุณว่าดีนัก ฝากป้าอำนวยเอาไปนึ่งให้หน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวหนูทองนวดจับเส้นเสร็จจะได้ประคบต่อเลย” สาวน้อยยื่นลูกประคบให้อำนวย
“ได้จ้ะ”
อำนวยรับถือลูกประคบแล้วเดินออกไปที่ห้องครัว สวนกับธนาธิปลูกชายคนโตของคุณนายสุจิตราที่กำลังเดินขึ้นมาบนบ้านพอดี
“อ้าวคุณโต เป็นไงคะส้มโอแก่พอจะตัดได้ไหม”
เมื่อเช้าได้ยินธนาธิปบ่นว่าอยากกินส้มโอ แต่พอจะให้คนไปดูให้ก็ไม่ยอมขอเดินไปดูเอง ด้วยว่าไม่ได้เดินเล่นในสวนมานานแล้ว
“ดูแล้วน่าจะยังติดขมอยู่นะครับป้าอำนวย ได้มะม่วงมาแทน ผมให้ป้าสมัยแกปอกให้แล้ว”
ชายหนุ่มพูดจาอ่อนหวาน กิริยาอ่อนน้อมไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย พูดจบก็ยิ้มจนตาหยี ป้าอำนวยทั้งรักทั้งเอ็นดูลูกของเจ้านายคนนี้มาก ผิดกับคนน้องที่ทั้งดื้อทั้งชนวิ่งไล่จับกันมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม
คนนั้นค่อนข้างจะทำให้ปวดหัว แต่เพราะอย่างนั้นจึงทำให้แกรักคนนั้นราวกับลูกในไส้ของตัวเอง คนอะไรทั้งขี้อ้อน แถมยังเอาแต่ใจตัวเป็นที่หนึ่ง
ธนาธิปลูกชายคนโตของคุณนายสุจิตราและนายพลปรีชา ธรรมานริศชายหนุ่มวัย 28ปี เจ้าของดวงตาเม็ดก๋วยจี๊ หากแต่มีเสน่ห์เหลือล้น เพราะจมูกโด่งเป็นสัน รับกับปากกระจับได้รูป ปรุงแต่งให้ใบหน้าเรียว ลงตัวราวกับพระเอกหนัง
พอคุยกับป้าอำนวยจบเขาก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเพื่อทักทายสาวน้อยที่เคยเห็นหน้าคร่าตามาตั้งแต่เด็ก เจอกันครั้งแรกตอนที่ทองพันชั่งอายุ8ขวบ ตอนนั้นเขาพึ่งโตเป็นหนุ่มวัยกระเตาะเท่าๆกับเธอในตอนนี้
“ไงแม่หนูทอง”
สิ้นเสียงนุ่มทุ้มฟังสบายหู ทองพันชั่งก็หันมายิ้มจนแก้มปริ เผยความงามที่มองแล้วทำให้โลกทั้งใบเปลี่ยนเป็นสีชมพู
“สวัสดีจ้ะคุณโต กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ” สาวน้อยยกมือไหว้ธนาธิปแล้วบีบนวดให้คุณนายสุจิตราต่อ
“มาถึงเมื่อวานตอนเย็น แล้วเป็นอย่างไรบ้างพี่ไม่ได้เจอเราเสียนาน เจอคราวนี้โตเป็นสาวแล้ว สวยจนแทบจำไม่ได้เลยนะ”
ทองพันชั่งอมยิ้มเหนียมอาย เมื่อถูกพี่ชายที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เด็กเอ่ยปากชม
“สบายดีจ้ะ เรียนหนังสือจบ มศ.3 แล้ว ตอนนี้ก็ช่วยยายรักษาคนเจ็บคนป่วยอยู่บ้านเราจ้ะ”
“ปีนี้แม่ว่าจะส่งเข้าประกวดนางนพมาศ ฝึกให้เจนเวทีไว้ก่อน ปีหน้าก็จะส่งเข้าประกวดนางสาวชัยนาท แล้วก็จะพาไปประกวดนางสาวสยาม สวยขนาดนี้ไม่พลาดมงกุฎแน่ๆ” คุณนายสุจิตราพูดแต่ตายังหลับพริ้ม สีหน้าดูอิ่มเอิบมีความสุข
“ผมก็ว่าไม่พลาดครับคุณแม่ เด็กปั้นคุณแม่คนนี้เข้าตากรรมการแน่ๆ มีแววอยู่นะครับ นางสาวสยามปีที่แล้วยังไม่สวยเท่าแม่หนูทองพันชั่งคนนี้เลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้ะ หนูทองขี้อาย ไม่มีความสามารถด้วย กลัวแต่ว่าจะทำให้คุณนายเสียหน้าเปล่าๆสิจ๊ะ”
ทองพันชั่งอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างนี้คุณนายสุจิตราจึงเอ็นดูเป็นพิเศษ ถึงขั้นว่าคิดจับให้แต่งงานกับลูกชายคนเล็กของตนทีเดียว แต่ทั้งสองคนดูไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจะคลุมถุงชนอย่างไรให้ถุงไม่ขาด
“ไม่มีความสามารถอะไร รำไทยรึก็งดงามอ่อนช้อยกว่าใคร ทำดอกไม้กรองมาลัย งานฝีมือก็ละเอียด งานอาหารหรือก็ไม่แพ้ผู้ดีชาววังเลยล่ะพ่อโต แถมเรื่องยาสมุนไพรเก่งเป็นรองก็แค่คุณนายหมอดาวทองเท่านั้นแหละ”
คุณนายสุจิตรายกยอเด็กปั้นของตนให้ลูกชายคนโตฟัง ยิ่งทำให้ทองพันชั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความเขิน
“ดูท่าคุณแม่พี่จะหวังไว้มากเลยนะหนูทอง อย่าทำให้ท่านผิดหวังเด็ดขาดรู้ไหม”
ธนาธิปพูดด้วยความเอ็นดู เขามีจิตสมัครรักใคร่สาวน้อยเหมือนน้องสาวแท้ๆ ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้น ด้วยว่าธนาธิปมีคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จับคู่ให้มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว
ทองพันชั่งยิ้มกึ่งหัวเราะพลางก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ
“เออ! แล้วน้องชายของเราจะมาวันไหนพ่อโต? ” เมื่อนึกขึ้นได้ คุณนายสุจิตราจึงเอ่ยถามธนาธิปถึงนรธิปลูกชายคนเล็กที่กำลังจะย้ายมาเป็นปลัดอำเภอที่นี่
!!!
ทันทีที่ได้ยินคุณนายสุจิตราพูดถึงลูกชายอีกคน ทองพันชั่งก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป จากที่ยิ้มแย้มอยู่ดีดีก็ขมวดคิ้วเข้าหากันหน้ามุ่ยขึ้นมา
“ก็คงจะมาเร็วๆ นี้แหละครับ ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน เห็นว่าต้องเข้ารายงานตัวอาทิตย์หน้า”
ธนาธิปตอบพลางหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แต่ได้ทันสังเกตเห็นสีหน้าของทองพันชั่งจึงอดหยอกล้อไม่ได้
“อะไรกันหนูทอง แค่เราพูดถึงนายเล็กก็หน้ามุ่ยเลยหรือ นี่ยังโกรธที่โดนนายเล็กแกล้งเมื่อตอนเด็กไม่หายล่ะสิ”
ทองพันชั่งพยายามปรับสีหน้า ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เปล่าหรอกจ้ะ ไม่ใช่อย่างนั้น”
ถ้าเป็นแค่เรื่องตอนเด็กที่แกล้งกันเธอลืมไปหมดแล้ว แต่เรื่องระยำตำบอนที่เขาทำกับเธอเมื่อ2เดือนก่อนมันทำให้ทองพันชั่งนึกอยากฆ่าเขาให้ตายอย่างทรมาน แต่ติดที่ว่าเธอไม่ได้ใจคอโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้น แค่มดสักตัวเธอยังไม่กล้าทำลายชีวิตของมันเลย
“ฮ่าๆๆ ถึงจะโกรธกันยังไงก็คงต้องเห็นหน้ากันไปอีกนาน เพราะนายเล็กกำลังจะย้ายมาเป็นปลัดที่นี่แล้ว หวังว่าสองคนจะไม่ตีกันตายเสียก่อนนะครับคุณแม่”
ลูกชายคนโตหันไปกระเซ้ามารดา ด้วยว่าคุณนายสุจิตราคาดหวังไว้สูงเรื่องจะให้นรธิปลงเอยกับทองพันชั่ง
ทว่าประโยคนั้นของธนาธิปทำให้ทองพันชั่งถึงกับหยุดหายใจ!
“!!!คุณเล็กจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือจ๊ะ?”
“ฮ่าๆๆ เอาน่าหนูทอง พี่เล็กเขาก็เป็นคนอย่างงี้แหละ ชอบแกล้ง ชอบพูดจาไม่ดี แต่จริงๆเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก ไม่แน่พอได้ย้ายมาอยู่ใกล้ๆกันมากขึ้น อาจจะคุยกันถูกคอก็ได้”
ไม่ได้เลวร้าย! แต่เลวทรามต่ำช้าเหมือนสัตว์เดรัจฉาน! ทองพันชั่งอยากประกาศให้ทุกคนรับรู้เหลือเกิน แต่ติดที่ว่าหากทุกคนรับรู้ความชั่วของนรธิปเป็นเธอเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน
"อย่าดื้อนะอีหนู คนดีของพี่กำนัน" "พี่กำนันบ้าอะไร ไอ้แก่!" พระนางลิ้นกับฟัน โคแก่กินหญ้าอ่อน ตีกันตลอด เร่าร้อน หึงโหด โกรธแรง ดราม่าครบทุกรส ตลก เศร้า น่ากลัว ซึ้ง หวาน โรมานติก
หลังสืบรู้ว่าภรรยาเก่าของลูกหนี้ผู้น่ารำคาญคือผู้หญิงแพศยาที่เคยทำให้ครอบครัวของเขาพัง เดปมาเฟียหนุ่มเจ้าของบ่อนคาสิโนจึงไม่รีรอที่จะแก้แค้น ผู้หญิงแพศยาคนนั้นทำเลวไว้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ครั้งล่าสุดก็คือทิ้งลูกสาวกับผู้ชายที่เป็นลูกหนี้ของเขาไปแต่งงานใหม่กับมหาเศรษฐี และตอนนี้ลูกสาวของหล่อนที่อยู่กับลูกหนี้ของเขาโตพอใช้งานได้แล้ว.....
ฟ้าเป็นใจให้สินทรผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนุ่มวัย34 มีโอกาสได้เห็นเรือนร่างเปล่าเปลือยของ ดาวใจ สาวน้อยวัย16 ย่าง17 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้หญิงที่เคยทำให้เขาช้ำใจ จึงได้ข้ออ้างมาต่อรองหวังฟันสาวน้อยแล้วทิ้งขว้างเพื่อแก้แค้นพ่อแม่ของเธอ ทว่าฟ้าก็ดันกลั่นแกล้งให้สินทรหลงรักลูกสาวอดีตกิ๊กจนโงหัวไม่ขึ้น ความรักของ น้าสินทรตัวร้าย กับ อีหนูดาวใจตัวแสบ จะสนุกสนาน เสียวซ่าน บันเทิงเริงใจ ฮาลั่นทุ่งกันเพียงไหน ไปติดตามกันเลยจ้า..... “แม่เจ้าโว้ย! อีดาวใจ ข้าเห็นเอ็งมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ตอนนี้หอยเท่าฝ่าตีนข้าแล้วหรือวะเนี่ย” “น้าสินพูดบ้าอะไรเอาผ้าถุงฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องแม่” “ยังกะข้ากลัวแม่กับพ่อเอ็งนิ!” “น้าสิน เอาผ้าถุงมาให้ฉันเถอะเดี๋ยวคนมาเห็น”
เธอมาเพื่อเงินของเขา ส่วนเขาต้องการแค่สนุก วินๆทั้งคู่ แค่ความสุขฉาบฉวยของผู้ชายขี้เบื่อ และ เงินจำนวนหนึ่งที่หญิงสาวกำลังต้องการ เพียงเท่านั้น... แต่!วันหนึ่งคนขี้เบื่อดันกลัวจะโดนเบื่อซะเอง..
อุตส่าห์ช่วยเหลือเพราะเห็นว่าไร่อยู่ใกล้กัน แต่พี่ชายตัวดีของเธอกลับไม่ยอมคืนเงิน แถมยังร่วมมือกับพวกชาติชั่วเล่นงานเขาอีก "มีเมียเป็นคนใบ้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงบ่น ถอดเสื้อผ้า!!!"
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"