้น
หญิงสาวเกลียดความยากจน เกลียดบ้านนอกบ้านนา เธอพยายามขอพ่อกับแม่เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง จนกระทั่งวันที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับกำนันเดช! เพื่อล้างหนี้ที่ครอบครัวหยิบยืมมา เธอจึงคิดหนีเข้ากรุงเทพฯเพื่อหนีงานแต่ง
คืนวันเดือนดับมืดสนิทไปทุกแห่งหนสะแบงตัดสินใจแน่แน่วว่า อย่างไรก็จะหนีไปกรุงเทพกับสะดิ้งเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นสาวประเภทสอง ซึ่งสะดิ้งเองก็มีความฝันอยากเป็นช่างทำผม
เงินรางวัลที่ได้จากการประกวดนางนพมาศปีนี้ยังไม่ได้แกะใช้สักบาท สะแบงคิดจะเอาเงินก้อนนี้เป็นทุนในการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทำงานหาเงินได้แล้วก็ค่อยส่งมาให้พ่อแม่เอาไปใช้หนี้ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก เรื่องอะไรต้องทิ้งชีวิต ทิ้งศักดิ์ศรี ยอมแต่งงานกับคนชั่วอย่างกำนันเดชด้วย!
เมื่อแน่ใจว่าพ่อกับแม่นอนหลับสะแบงก็เปลี่ยนจากชุดนอนมาสวมเสื้อยืด กางเกงยีนขาม้า มัดผมยาวสยายรวบตึงขึ้นสูงปล่อยหางม้าไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงวางจดหมายลาพ่อกับแม่ไว้บนที่นอน โยนกระเป๋าเสื้อผ้าลงไปทางหน้าต่าง แล้วจึงกระโดดตามกระเป๋าลงไป
ตุ๊บ! ตุ๊บ!
หมาอีตุ่นสะดุ้งโหยงถึงสองหน แต่เมื่อมันเห็นว่าเป็นสะแบงที่กระโดดลงมามันก็เดินมาดมเจ้านายพร้อมกระดิกหางไปมา พลอยทำให้สะแบงน้ำตาซึม ใจยังนึกเป็นห่วงบุพการีถ้าหนีไปกำนันเดชจะทำอะไรพ่อกับแม่ของเธอหรือไม่ แต่ถ้ายอมแต่งงานชีวิตเธอหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
เอาล่ะ!ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เสี่ยงแขนหักขาหักกระโดดลงมาจากบ้านแล้ว ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า และชีวิตอีสะแบงต้องดีกว่านี้ คิดได้อย่างนั้นจึงลูบหัวหมาอีตุ่นเบาๆก่อนจะก้าวเท้าเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้าน
หมาอีตุ่นวิ่งตามมาจนถึงถนนใหญ่
“อีตุ่น! กลับไปเดี๋ยวนี้ กลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ ดูแลพ่อกับแม่ด้วยนะ พี่สัญญาอีกไม่นานพี่จะกลับมา” สะแบงหยุดเดินแล้วหันไปพูดกับทาสสี่ขาผู้ซื่อสัตย์
หมาอีตุ่นเหมือนฟังรู้เรื่อง ท่าทางมันคล้ายลังเลว่า จะตามเจ้านายไปหรือหันหลังกลับบ้าน สะแบงน้ำตาไหล เจ็บตรงหัวใจ คนจนก็เท่านี้ ไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าต้องอยู่เหมือนตายทั้งเป็น ก็สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ลองดูกันสักตั้ง! ถ้าชีวิตนี้จะหาดีไม่ได้เลยก็ให้มันรู้ไป เธอหันหลังให้เจ้าหมาแสนรู้ บังคับสองขาให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า จุดหมายคือศาลาปากทางเข้าหมู่บ้าน
สะดิ้งรอเธออยู่ตรงนั้น
แสงไฟจากหลอดนีออนที่ติดอยู่กลางศาลาช่วยให้สะแบงมองเห็นร่างผอมบางหุ่นทรงอ้อนแอ้นนั่งหันหลังอยู่ หญิงสาวเผยยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึกๆ ชีวิตใหม่ของเธอกำลังจะเริ่มขึ้นนับจากนี้ สองเท้าเร่งระยะการเดินเพื่อตรงเข้าไปหาเพื่อนสนิทผู้พี่
“พี่สะดิ้งฉันมาแล้ว รอนานไหมจ๊ะ รถยังไม่มาใช่ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงหวานนุ่มนวลพูดอย่างตื่นเต้น สะดิ้งก็ลุกขึ้นยืนหันหน้ามาหาเจ้าของเสียง สีหน้าเจ้าหล่อนดูเจื่อนหมองคล้ายแฝงความหวั่นเกรงในอะไรบางอย่าง
สะแบงวางกระเป๋าลงบนม้านั่งพลางเอ่ยถามขึ้นอีก
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นจ้ะพี่ อย่าบอกนะว่ารถไปแล้ว เราจองรอบสี่ทุ่มไม่ใช่เหรอ นี่พึ่งสามทุ่มกว่าๆ เองนะ”
“สะแบงรถไม่มารับเราแล้วล่ะ”
คนตอบน้ำเสียงสั่นเครือกิริยาเหมือนอยากจะร้องไห้ ทำให้สะแบงยิ่งประหลาดใจ
“อ้าว! ยังไงกันพี่ หมายความว่ายังไง เราจองตั๋วไว้แล้วนิจะไม่มารับได้ไง” เจ้าของพวงแก้มใสพูดขึ้นคล้ายเอ็ดตะโร
ในช่วงระยะลมหายใจเข้าออก ก็ได้รู้สึกเหมือนว่ามีบุคคลอื่นนอกเหนือจากเธอและเพื่อนสนิทผู้พี่เร่งฝีเท้าเข้ามาร่วมสนทนา
“คิดจะหนีหนี้หรืออีสะแบง!”
น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจระคนความเกรี้ยวกราดดังมาจากด้านหลังของสะแบง เวลานั้นหัวใจของเธอเหมือนถูกดึงกระชากออกแล้วโยนทิ้งลงไปบนพื้น ขณะนั้นมีลมพัดผ่านมาพอในเย็นสบาย แต่กลับสร้างความรู้สึกเย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจที่พึ่งขาดโหวง เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
สะแบงค่อนข้างแน่ใจว่าเจ้าของเสียงคือใคร! แต่กระนั้นก็ยังส่งคำถามออกมาทางสายตา
สาวประเภทสองร่างบางที่จริตจะก้านทิ้งความเป็นชายไปหมดแล้ว พยักหน้าตอบคำถามของสายตาคู่สวย ยิ่งทำให้แน่ใจว่าคนที่พูดประโยคเมื่อครู่คือ กำนันเดช!
เรือนร่างอรชรค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ที่ไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ยังมีลูกสมุนตามมาด้วยอีก2คน ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าเห็นกำนันเดชไปไหนมาไหนคนเดียวนี่สิแปลก
“กะ กำนันเดช!” ไม่ใช่แค่เสียงสั่นเครือจนคำพูดคำจากระท่อนกระแท่น แต่เวลานี้หญิงสาวกลัวจนสั่นไปทั้งตัว
เวรกรรมอะไรของอีสะแบงนักหนา อุตส่าห์วางแผนจะหนี แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด!
“ว่ายังไงนางตัวดีจะหนีไปไหน หึ? ” แววตาดุดันปานเสือร้ายจ้องมองใบหน้างามคล้ายจะกัดจะกิน
“เปล่า! ฉันไม่ได้จะหนี ทำไมฉันต้องหนี ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะไปกรุงเทพ ไปทำงานหาเงินมาคืนกำนันนั่นแหละ ฉันจะได้ไม่ต้องจำใจแต่งงานกับคนอย่างกำนัน! ” แม้จะกลัว แต่ก็ยังรวบรวมความกล้ากัดจิกอีกฝ่าย
“ไปทำงานกรุงเทพ ฮ่าๆๆ อย่างเอ็งจะไปทำงานอะไรถึงจะได้เงินมากมายขนาดนั้นมาคืนข้า นอกจากไปเป็นกะหรี่! แต่จะไม่เป็นเอดส์ก่อนตายรึ ถึงจะหาเงินมาคืนได้ พวกแม่เล้า พวกแมงดามันดุนะโว้ย”
อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะดูถูก หากคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่คำพูดของเขาทำให้สะแบงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า สองมือเรียวกำหมัดแน่น ถ้าไม่เหลือบไปเห็นปืนที่เหน็บอยู่บริเวณชายพกของเขาเสียก่อนคงพลั้งฟาดปากเข้าให้ไปแล้ว
“เป็นกะหรี่หรือเป็นอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้นแหละ ดีกว่าต้องแต่งงานกับคนชั่วๆ อย่างกำนัน! ”
ในเมื่อฟาดหน้าไม่ได้จึงฟาดด้วยคำพูด
กำนันเดชกัดกรามแน่น! ดวงตาเต็มไปด้วยแววพิโรธ คำพูดเธอทำให้เขาโกรธแรงพอสมควร จึงไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำอีก ร่างสูงก้าวเข้าประชิดดึงร่างบางมาอย่างไม่ถนอม จับแขนเธอล๊อกไพล่หลังเอาไว้
“งั้นก็ไปเป็นกะหรี่ให้ข้าก็แล้วกัน รับรองข้าจ่ายตามจริง ไม่เอาเปรียบเอ็งสักบาท ใช้หนี้คืนหมดเมื่อไหร่ อยากไปไหนก็ไสหัวไปได้เลย”
พูดจบเขาก็ลากร่างอรชรที่ถึงแม้จะดิ้นรนขัดขืนก็เหมือนไม่ได้มีผลอะไร พาเดินตรงไปที่รถ ซึ่งจอดหลบความมืดไว้ข้างทาง
“ไม่นะ ปล่อยฉันนะกำนัน ช่วยด้วย! พี่สะดิ้งช่วยฉันด้วย”